▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวเวียดนาม
ซาปา
นักท่องเที่ยว
[CR] การเดินทางสู่สายหมก ….SAPA….
เริ่มต้นการเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า Airport link สถานีมักกะสัน เพิ่งรู้ว่านั่งเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ คนละ 35 บาท ก็ถูกดีนะ ประมาณครึ่ง ชม มั๊ง พอมาถึงสนามบิน เราก็มารับ Pocket wifi ที่จองไว้กับ Wi-Ho วันละ 150 บาท ใช้เนตความเร็มสูงสุดได้วันละ 4 GB หมดก็ใช้ความเร็วปกติ (ใช้จริงสองคนทั้งวันไม่เกิน 3 GB) เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็หาอะไรกินรองท้องระหว่างรอขึ้นเครื่อง ประมาณ 11.30 น เจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเครื่อง ระหว่างเดินขึ้นเครื่อง ก็มีสายเข้าจากที่ทำงาน “คุณเดินทางไปเวียดนามใช่มั๊ย กลับมาแล้วอยู่บ้านก่อน 14 วันนี้ แล้วค่อยมาทำงาน บริษัทเพิ่งประกาศมาเมื่อสักครู่” แต่ว แน่ว แน่ว!!!! เอิ่มม ครับ (ทำให้เราต้องระวังตัวมาขึ้นอีก หน้ากากอนามัยพร้อม ล้างมือบ่อยมากระหว่างอยู่ที่ซาปา รถเข็นสนามบิน อื่น ๆ เช็ดก่อนจับตลอด ) หลังจากนั้น ก็ขึ้นบิน 2 ชม. นิดนิด ก็มาถึงสนามบินโหน่ยบ่าย ฮานอย ด้วยสายการบินเวียดเจท
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า มาเรียบร้อยแล้วก็เดินซื้อของอยู่ในสนามบินสักพัก ก็ออกมารอรถที่จองไว้กับ www.mozio.com เพื่อพาไปที่ Hanoi Railway Station รถที่มารับเป็นของ Heycars คนขับนิสัยดีพูดอังกฤษได้นิดหน่อย (เหมือนเราเลย 555 ) และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟ ประมาณ 18.30 น จะทำอะไรต่อล่ะรถไฟที่จะไปซาปา ออกตั้งสี่ทุ่ม เลยฝากกระเป๋าไว้ที่สถานี ตอนแรกจะไปใช้ Locker แบบที่ญี่ปุ่น ยืนเก้ เก้ กัง กัง ดูอยู่ว่าต้องจ่ายเงินยังไง อยู่สักพัก ก็มี จนท. ของสถานีรถไฟมาพูดอะไรสักอย่างแล้วโบกมือว่าให้เดินตามมา พอตามไปเข้าห้อง VIP เอ้ยยย เขามีตู้ให้เราฝากของด้วยเว้ย น่าจะเป็นบริการพิเศษ พอเอากระเป๋าเข้าตู้ล็อคเรียบร้อย ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง “ฟิฟตี้ต๊าวสั้น” เอ้า 55 อ่ะจ่ายไปค่าฝาก ครับก็ไม่ได้ไปไหนหรอกครับ เดินเล่นหาอะไรกินอยู่แถว ๆ หน้าสถานีนั่นแหละครับ
อันนี้เป็นชุดเนื้อย่างหน้าสถานีรถไฟ กินไป 2 ชุด สามแสนดอง น้ำจิ้มเป็นผงอะไรสักอย่างเหมือนผงชูรส แล้วก็บีบมะนาว แต่กลิ่นมันเหมือนส้มนะ ลงไปก็อร่อยดีครับ
ส่วนอันนี้เป็นมาม่าเนื้อ เครื่องปรุงก็มีมะนาว 1 ลูก อันนี้ราคา สี่หมื่นดอง นั่งกินไปฟังเสียงบีบแตรไป หูจะแตก 555
จนถึงเกือบ ๆ สี่ทุ่มก็แบกกระเป๋าเข้ารถไฟ เตรียมตัวนอนบนที่นอนผ้าอับ อับ 555 เพื่อไปพบกับซาปาพรุ่งนี้เช้า ในห้องนอนไม่ได้มีแค่เราสองคนนะ ยังมีกระจั๊วเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยอีก 1 ตัว อ่อลืมบอกไปครับ ถ้าจองตั๋วรถไฟเข้าไปจองในเวปนี้นะครับ www.baolau.com ถ้าไปจองในเวปของ VNR เลยจะจ่ายเงินไม่ได้นะครับ ผมเมลไปถาม เขาตอบเมลกลับมาว่าระบบตัดเงินผ่านบัตรเครดิตยังใช้งานไม่ได้ ให้เราจองผ่านเติ๊ดปาตี้ ผมอ่านพอเข้าใจได้ประมาณนี้ครับ (ไม่เก่งอิงค์นะครับ) และก็โชคดีด้วยห้องในรถไฟเป็นแบบ 4 เตียงแต่ไม่มีใครจอง เลยได้นอนกันแค่ 2 คนตลอดขาไป
ด้วยความอับ ด้วยความเขย่า ด้วยความเบรคหัวทิ่มตอนจอดแต่ละสถานี ทำให้หลับ ๆ ตื่น ๆ กันทั้งคืน จนมาถึง Lao Kai station ตอนประมาณ 6.00 น พอลงรถมาก็มีคนมารุมเลยครับ “แต๊กซี๊ ๆ” ได้ยินประมาณนี้ แต่มันหนาวแล้วเราไปแบบกางเกงบอลขาสั้น เสื้อยืดบาง ๆ โอยย รีบเดินเข้ามาในสถานี Lao Kai ก่อน พอเข้ามาก็มีคนขับรถมินิแวน ไปมั๊ยคนละแสน เราก็บอกไปว่าไม่ไป ถ้าสองคน แสน เราโอเค ต่อรองกันอยู่สักพักเขาก็เรียกเพื่อนอีกคนนึงมาแล้วคุยกันอะไรสักอย่าง อีกคนที่เดินมาก็ลากกระเป๋าเราไปเลย หันมาบอก โอเค สองคนหนึ่งแสน พอขึ้นรถไปก็อ่อ รถเขาจะเต็มแล้วเราเป็นตัวเก็บตก นั่งรถประมาณ 1 ชม รถก็มาจอดที่กลางเมืองซาปา คนขับรถก็ลงมาถามว่าพักที่ไหน ถ้าใกล้เขาก็จะบอกทางให้เดินไป ถ้าหลุดโซนนั้นไป เขาคงไปส่งให้ถึงที่มั๊ง (อันนี้ไม่รู้นะ)
หลังจากเดินแยกมาจากรถตู้ผมก็เดินตาม Map มาเรี่อย ๆ จนมาถึง Himalaya and Rom Hostel พนักงานตอนรับรีบออกมารับเราเลยแล้วก็บอกให้นั่งผิงไฟก่อน เข้ามีเตาตั้งอยู่ที Lobby เราก็เลยบอกเขาว่าขอฝากกระเป๋าไว้ก่อนนะเดี๋ยวออกไปเที่ยวก่อน แล้วจะกลับมาเย็น ๆ เขาก็เอาโปรแกรมทัวร์มาให้เราดู ตอนแรกเราก็จะไม่เอา แต่แฟนบอกขอไปแบบนั่งรถละกันพาทัวร์ ก็เลยโอเค ฟังออกมั่ง ไม่ออกมั่ง คร่าว ๆ ก็พอได้ตกลงไปทัวร์ 3 หมู่บ้านชาวเขา Lao Chai , Tavan , Bamboo Village คนละ สี่แสน รถมารับ 9.00 น ระหว่างรอเราก็เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันป้องกันความหนาวก่อน 555 ไม่ไหวลากแตะ เกงบอล เสื้อยืดมาจากเมืองไทย ตอนแรกว่าจะเปลี่ยนที่สนามบิน แต่ทำไรไม่สะดวก จากนั้นก็ออกไปเดินถ่ายรูปรอบ ๆ ตัวเมือง แล้วก็ไปกินกาแฟ ที่ร้าน Cong ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าร้านนี้คนนิยม เห็นแต่งร้านสวยดีเลยเข้าไป กาแฟใส่กะทิ เอ่อ อร่อยแฮะ 55
9.00 น เราก็มารอที่โรงแรม ประมาณไม่เกินห้านาที รถก็มารับเราไปส่งอีกโรงแรมนึง ซึ่งใน Lobby โรงแรมนั้นคนนั่งรอกันอยู่เพียบเลย เราไปถึงยังไม่ทันได้นั่งเลยก็มีคนมาเรียกให้เดินตามเขาไป พร้อมกับสาวญี่ปุ่น 2 คน และ ชายวัยกลางคนชาวเยอรมันอีก 1 คน รวม 5 คน ไปรถคันเดียวกัน รถก็พาเราไปจอดหน้าหมู่บ้านชาวเขา แล้วหลังจากนั้น ไกด์ ก็พาเราเริ่มเดิน เดิน เดิน เดิน ขึ้นเขาลงห้วย เอิ่มมมม ใช้คำว่าเดินจนขาลาก เลยก็ได้ ขานี้สั่นไปหมด 555 ระหว่างเดินก็มีชาวเขาสามสี่คนเดินตามเราไปเรื่อย ๆ เราก็สงสัยอยู่ว่าเดินตามมาทำไม ก็เดินชมบรรยากาศในหมู่บ้านไปเรื่อย ๆ ไกด์ก็อธิบายไปเรื่อยตามจุดสำคัญ ๆ ของหมู่บ้าน จนมาถึงตอนใกล้เที่ยง ไกด์ก็พาพวกเรา 5 คนไปบ้านริมเขาเพื่อไปทานอาหารกลางวัน เจ้าของบ้านก็ทำกับข้าวมาให้ 3 อย่างอย่างละ 2 จาน หน้าตาและ รสชาติก็อาหารไทยจืด ๆ ดีดี นี่เอง แต่ก็ไม่ขี้เหร่กินได้ ทุกคนโอเค ไม่ได้ถ่ายอาหารมาครับเกรงใจคนรวมโต๊ะ
กินเสร็จ นั่งพักสักพักใหญ่ ไกด์ ก็มาถามว่าพร้อมกันหรือยัง ไปต่อเลยอันนี้แหละ เริ่มพาเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ทางเป็นโคลนแดง ๆ ลัดเลาะไปตามป่าไผ่ ขึ้น ๆ ลง ๆ เขาบอกว่าเดินทั้งหมด 4 กิโล แต่ผมว่าเกิน 55 จนมาถึงน้ำตกซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของทริปนี้ บอกได้เลยว่าตอนนี้ระบมทั้งหลัง ทั้งขา เดินหนักมาก 555 อยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
จากนั้นรถก็มารับเรากลับไปส่ง โรงแรมประมาณ 16.00 น เก็บกระเป๋าทำธุระส่วนตัวเสร็จ ตอนค่ำก็ออกมาเดินเล่นหาอะไรกินในเมือง เจอร้านบุปเฟ่ชาบูเนื้อ โอเคกินนี่ละกัน แต่พอเห็นน้ำชาบูแล้ว เอิ่ม ... พอได้น่าแต่ก็กินไปแค่พออิ่ม 55 น้ำจิ้มมันแปลก ๆ ดี กินอิ่มก็กลับมานอน หมดแรงแล้วครับสำหรับวันแรกที่ซาปา
เช้าวันที่ 2 ที่ซาปา ตื่นลงมาที่ Lobby หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ก็ตกลงกันว่าจะเช่ามอเตอร์ไซด์วันละแสนสองหมื่น เพื่อขับวนเที่ยว เอาพาสปอร์ตแลกกุญแจมอไซด์ แล้วก็เดินไปกินกาแฟร้านเดิมก่อน Cong ออกตัวกันเลย จุดหมายแรก Cat Cat village ซึ่งก็ไม่ได้ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ ขับมาถึงประมาณ 10โมงเช้าได้แล้วล่ะ ก็ฝากมอเตอร์ไซด์ 20000 แล้วก็ซื้อตั๋วเข้าหมู่บ้าน อีกคนละ 90000 เอาจริง ๆ เดินเล่นถ่ายรูป อยู่ในนี้ก็หลาย ชม เลยแหละ เหมือนว่าวันนี้จะได้มาที่นี่ที่เดียวเลย อ่อ ร้านค้าที่นี่บางร้านรับเงินไทยนะครับ 555 เที่ยวหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เรียบร้อยออกมาก็ไม่รู้จะไปไหนเลยขับมอเตอร์ไซด์ วนไป วนมา เข้าซอยนั้นออกซอยนี้ ชมเมืองไปเรื่อย ๆ ครับ ขับจนมือนี้ชาไปหมดอากาศหนาวมากครับ จนถึงเย็นเอารถไปคืน แล้วก็ออกมาเดินหาข้าวกินเหมือนเดิมคราวนี้ไปร้านอาหารตามสั่งครับสั่งเป็นข้าวผัด เกี๋ยวเตี๋ยวเนื้อ น่าจะเหมาะสุดสำหรับแฟนผม 55 (ชีกินยากมาก จุ๊ ๆ ) แล้วก็เดินเล่นซื้อของกินของฝาก เห็นร้านเกาลัดคนรุมซื้อกันเต็มเลย ก็เลยซื้อมากินบ้าง โห รสชาติ ... เกาลัดเหมือนบ้านเราแหละ 555 แต่ถูกโลละแค่ 80000 จากนั้นก็กลับมาที่พักแพ็คกระเป๋าเตรียมตัวเช็คเอ้า จบวันที่สองไปอีกหนึ่งวัน
ไปต่อที่ ช่อง Comment ด้านล่างกันครับนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้