เรื่องสั้นแปลกๆจากความฝันของผมเองครับ

สวัสดีครับ วันนี้เอาเรื่องสั้นมาฝากครับ เป็นเรื่องที่ผมเคยหลับแล้วฝันไว้นานแล้ว แถมตื่นมาแล้วจำได้ครบทุกอย่าง เนื่องจากเป็นเรื่องจากความฝัน
อะไรๆมันอาจจะแปลกๆ ไม่สมเหตุสมผลบ้างนะครับ 555
 
 ภายในห้างหรูที่เต็มไปด้วยนักเรียนพ่อมดแม่มด เด็กๆต่างพากันใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับสินค้าแบรนด์เนมที่แม้แต่มนุษย์ธรรมดาๆก็คงรู้จักกันเป็นอย่างดี
มันเป็นห้างสีครีมที่ใหญ่โตโอ่อ่าและมีลานน้ำพุใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง และยังเปิดเพดานของชั้นบนสุดเห็นท้องฟ้า ทำให้ลานน้ำพุนั้นดูสว่างไสวและมีชีวิตชีวา...
"นายพร้อมรึยัง" ชายผิวดำร่างใหญ่ซึ่งดูเป็นพ่อมดยิ้มเล็กน้อยพูดกับผม ผมหันไปมองเขา ผมน่าจะรู้จักเขามานานมาก แน่นอนเพราะวันนี้เรามาทำภารกิจสำคัญด้วยกัน มันคือ"ปฏิบัติการสูบผู้เสพความตาย" ซึ่งเป็นการนำวัตถุที่สาปเอาไว้ มาใช้ดูดเหล่าวายร้ายเพื่อกักขัง และเมื่อกล่าวมาขนาดนี้ ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าผมต้องเป็นแฮรี่ พอตเตอร์เวอร์ชั่นมือปราบมารแน่ๆ ผมยิ้มและพยักหน้าเตรียมลุย "โอเค งั้นเดี๋ยวเรามาเจอกันนะ อีกสิบนาที"พ่อมดผิวดำกล่าวและวิ่งออกไปจากม้านั่งที่เรานั่งยองๆหลบอยู่ข้างๆ ทิ้งผมนั่งเหรอหราอยู่คนเดียว

  ผมได้แต่งงว่าจะถามทำไมถ้าเขาจะยังไม่พร้อมแบบนี้ ผมยืนขึ้นแบบเซ็งๆและลงบันไดเลื่อนไปยังร้านขายของชำที่ชั้นล่าง มันเป็นร้านขายของชำแบบบ้านๆเลยทีเดียว แต่ดันตั้งอยู่ในห้างระดับพารากอน มีประตูเป็นเหล็กบานเลื่อนหม่นๆเก่าๆ ช่างขัดกับสภาพใหม่เอี่ยมของห้างเสียนี่กระไร ผมว่างมากๆจึงซื้อลอตเตอรี่มาสามเหรียญ (ไม่รู้ว่าทำไมลอตเตอรี่จู่ๆถึงออกเป็นเหรียญวะ) พ่อค้าก็บอกให้ผมหยอดมันลงไปในแฟ้มเก่าๆหน้าประตูร้าน เขาบอกหยอดช่องหนึ่งรางวัลที่หนึ่ง ช่องสองรางวัลที่สอง และช่องสามรางวัลที่สาม ผมแง้มแฟ้มสีน้ำเงินดูและเห็นเหรียญบาท เหรียญสองบาท และเหรียญสามบาท วางเรียงเป็นแถวแสดงถึงระดับรางวัลทั้งสาม ผมงงกับกฎกติกาเอามากๆ..ผมจึงช่างมันและเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับไปยังชั้นห้า 

  ผมและพ่อมดผิวดำกลับมาเจอกันอีกครั้ง เรานั่งยองๆข้างม้านั่งเหมือนเดิม ท่ามกลางพ่อมดแม่มดที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมเอะใจเล็กน้อยว่าถ้ามันจะเด่นขนาดนี้ ทำไมเราไม่นั่งม้านั่งไปเลยวะ...แต่ช่างมันเถอะ พ่อมดผิวดำที่ผมรู้จักดีแม้ผมจะไม่รู้ชื่อเขาก็หยิบกระเป๋าที่มีตรารองเท้ากีฬายาวๆขึ้นมาและยิ้มกับผม ผมตื่นเต้นที่เขาจะเอาวัตถุต้องสาปขึ้นมาให้ผมดู ในความคิดและความเชื่อของผม มันต้องเป็นไม้แกะรูปนกฮูกแน่นอน เขายิ้มกว้างขึ้นอย่างมั่นใจ "นายเองก็ใส่รองเท้าคู่ใจมาสินะ"พลางหยิบรองเท้าบาสไนกี้หุ้มข้อสีแดงพื้นขาวออกมาเปลี่ยนตรงนั้นเลย ผมยิ้มให้แบบเจื่อนๆและพยักหน้าตอบ แม้ในใจจะเฟลชิ*หายสุดกำลัง แต่เอาเถอะเราเหมือนจะกลับมาคุยเป็นงานเป็นการกันอีกครั้ง ข้างหน้าเราเป็นประตูไม้บานหนึ่ง ณ หลังประตูไม้บานนี้ คือห้องของผู้เสพความตายที่เราตามกันอยู่ ใช่ครับ ในห้างนี่แหละ มีห้องของผู้เสพความตายกะเค้าด้วย.. ประตูแง้มอยู่ และเราทั้งสองก็เห็นผู้เสพความตายสองคนอยู่ในห้อง คนนึงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ส่วนอีกคนนอนอยู่บนเตียง 

  เราทำเป็นคุยเรื่องแผนการดังแจ้วๆอยู่เรื่อยๆขณะที่ใจก็จดจ้องอยู่กับเหล่าวายร้าย ซึ่งมันก็ไม่ควรหรอก เพราะมันเหมือนเป็นการบอกกันชัดๆโต้งๆว่าเราอยู่ข้างนอกนี้นะ แล้วเดี๋ยวเราจะเข้าไปจัดการจู่โจมพวกแกแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเชียวแหละแก และถ้าใครผ่านไปผ่านมาก็จะเห็นพ่อมดอ้วนๆกับพ่อมดผิวดำกำลังนั่งยองๆนินทาผู้เสพความตายกันอย่างออกรส

  ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงยานๆดังลอดประตูออกมา "แกอยู่ตรงนั้นใช่มั้ยแฮร์รี่ พอตเตอร์...." ผมช็อคตกใจ แม้ว่าพูดกันตรงๆถ้าประตูมันแง้มขนาดผมสองคนสามารถเห็นคนในห้องได้ขนาดนั้น ทำไมคนข้างในมันจะไม่เห็นผมวะ แล้วจู่ๆพ่อมดผิวดำก็พุ่งทะยานเข้าไปในห้องแบบยูเซน โบลต์...เดี๋ยวนะ เออ นั่นแหละ พ่อมดผิวดำคนนี้แกชื่อยูเซน โบลต์ (ผมเพิ่งนึกออก ก็ว่าทำไมพี่แกชอบวิ่งจัง) ผมได้สติพลางลุกขึ้นยืนและออกวิ่งบ้าง แต่ผมดันหนีออกมาโดยทิ้งพี่มืดไว้

  แผนแตกจนได้ ผมนึกในใจและวิ่งเข้าไปหลบเนียนๆในห้องของรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์..ในห้างเนี่ยแหละครับ ใช่ มันมีอยู่จริงๆ ทั้งห้องผู้เสพความตายและห้องรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ด้วย อยู่ชั้นเดียวกันอีกต่างหาก (ทำไมสะดวกแบบนี้ แล้วมันอยู่กันยังไง) ผมหลบเข้าไปหลังโต๊ะและร่ายคาถาแปลงร่างเป็นรัฐมนตรีเองเนียนๆ เผื่อผู้เสพความตายวิ่งเข้ามา ปรากฏว่าจู่ๆรัฐมนตรีตัวจริงโผล่มาจากไหนไม่รู้ แกเดินช้าๆเข้ามาในห้อง มือมีไม้กายสิทธ์ส่องแสงสีฟ้าที่ปลาย ปากท่องคาถายาวเฟื้อยและมองมาทางผมอย่างเจ้าเล่ห์ แกร่ายคาถาไม่ทันจบ ผมวิ่งเข้าไปต่อยหน้ารัฐมนตรีแก่ๆคนนั้นและผลักเขาออกไปจากประตู เขาเซถลาล้มลงไปและมองหน้าผมแบบงงๆเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ราวกับว่าไม่เคยมีการยิ้มเจ้าเล่ห์หรือการเตรียมจะร่ายคาถาใส่ผมใดๆ ผมวิ่งหนีมาตรงระเบียงโถงที่มองลงไปเป็นลานน้ำพุ มันสูงมากเพราะผมอยู่ชั้นห้า แย่แน่ๆผมอาจจะโดนจับได้ ถ้าไม่โดนผู้เสพความตายฆ่าก็คงโดนข้อหาประทุษร้ายรัฐมนตรีแน่นอน 

  ทันใดนั้นผมเหลือบไปเห็นนกกระจอกตัวเล็กๆตัวหนึ่งบินถลา(สาบานจริงๆว่าเป็นนกกระจอกที่บินถลาได้) อยู่แถวชั้นสามเหนือลานน้ำพุ ใช่แล้ว นั่นต้องเป็นเฮ็ดวิกแน่ๆเลย ทว่าจริงๆเฮ็ดวิกต้องเป็นนกฮูกมั้ย..แต่นาทีนั้นผมไม่สนแล้ว มันบินถลาได้ ผมเลยเชื่อมัน... ผมปีนขึ้นไปบนรั้วกั้นแล้วตะโกนเรียกชื่อมัน "เฮ็ดวิกกกกกก.." พลางกระโดดทะยานสุดกำลังไปยังเฮ็ดวิก ซึ่งจริงๆผมอาจจะจำวิธีใช้นกผิด..นกมันน่าจะเอาไว้ส่งจดหมาย ไม่ได้เอาไว้ขี่...แล้วนี่มันนกกระจอก ทุกอย่างเหมือนเป็นภาพสโลว์โมชั่น..คนอ้วนหนักราวๆร้อยกิโลกึ่งทะยานกึ่งร่วงจากชั้นห้าลงไปหานกกระจอกตัวหนึ่งที่บินอยู่ นิ้วชี้และนิ้วโป้งผมคว้าหมับแม่นยำเข้าไปที่หางของนกกระจอกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ผมเพิ่งตั้งชื่อว่าเฮ็ดวิกเดี๋ยวนั้น มันร้องตกใจแล้วผมกับเฮ็ดวิกก็ร่วงลงไปในท่านอนและดิ่งตกกระแทกพื้นลานน้ำพุชั้นหนึ่งด้วยกัน

  ผมลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ มองเห็นพื้นลานน้ำพุแตกร้าวจากแรงปะทะ เฮ็ดวิกน้อยยังคงนิ่งคามือผมอยู่(น่าจะเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุดในฝันเรื่องนี้)..แต่ผมก็ออกวิ่งอย่างทุลักทุเลอีกครั้งมายังลานจอดรถ ที่นั้นมีรถม้าจอดรออยู่ มีแต่คนที่ไม่รู้จักทั้งนั้นเต็มคันรถ พวกเขาตะโกนเร่งให้ผมรีบวิ่งมาขึ้น ทั้งๆที่รถก็เต็มแล้ว เต็มชนิดที่ว่าให้หมาสักตัวเบียดเข้าไปยังไม่ได้ ผมยืนเหรอหราอยู่หน้ารถม้าคันนั้น ผู้คนในรถก็ตะโกนเร่งอยู่นั่นแหละ มันขึ้นไม่ได้โว้ย ทันใดนั้น ยูเซน โบลต์พุ่งตัว(อีกแล้ว)มาจากไหนไม่รู้ แล้วโดดแทรกตัวเข้าไปในรถม้าได้เฉยๆ แล้วรถม้าก็ควบออกไป ผมทำตัวไม่ถูก ผมควรประหลาดใจที่เขาทิ้งผมไว้ง่ายๆตรงลานจอดรถ หรือผมควรประทับใจที่ยูเซน โบลต์สามารถยัดตัวเข้าไปในรถม้าแน่นๆคันนั้นได้ แล้วทุกอย่างก็จบลงดื้อๆตรงนั้นเอง...

จบแล้วครับ ขอบคุณที่มาอ่านนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่