สวัสดีค่ะ เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก แทคผิดห้องขออภัยด้วยค่ะ
สืบเนื่องจากเมื่อ 2-3 วันก่อน มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นพนักงานที่ช่วยตรวจสอบเรื่อง ผลประโยชน์ของลูกค้าประกันภัย เพื่อให้ลูกค้าได้เพิ่มการรับผลประโยชน์จากกรมธรรม์แต่จ่ายเบี้ยประกันในราคาเท่าเดิม บุคคลทางปลายสายได้ทำการสอบถามจำนวนประกันภัยที่เราทำทั้งหมด และระยะเวลาที่ทำประกันภัย หลังจากที่คุยรายละเอียดกันคร่าวๆ ได้มีการนัดหมายเวลาและสถานที่เพื่อนัดพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติม โดยบุคคลปลายสายได้บอกว่า จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ที่มีใบรับรองจาก คปภ. ไปพูดคุย และได้เน้นย้ำว่า
เจ้าหน้าที่นั้นไม่ใช่พนักงานขาย แต่เป็นฝ่ายดูแลลูกค้า ให้เราเตรียมกรมธรรม์ทั้งหมดที่มีติดตัวไปด้วยเพื่อการตรวจวสอบ
พอถึงวันที่นัดหมาย มีผู้หญิงคนหนึ่ง (ต่อไปนี้ขอแทนว่า เจ๊) มาเจอกับเรา และได้ขอดูหน้ากรมธรรม์ของเราทีละเล่ม จากนั้นก็เลือกเฉพาะกรมธรรม์ที่ทำมาแล้วมากกว่า 4 ปี เจ๊เริ่มอธิบายให้เราฟังว่า กรมธรรม์ที่เราทำอยู่ เราจ่ายเบี้ยจนเต็มความคุ้มครองสูงสุดแล้ว สามารถย้ายโอนไปจ่ายที่กรมธรรม์อื่นได้เพื่อเพิ่มการคุ้มครองของเราเอง (กรรมธรรม์ที่เรามีอยู่นั้น ฉบับนึง ส่งมา 16 ปีแล้วเหลืออีก 5 ปีจะครบสัญญา ส่วนอีกฉบับเพิ่งส่งได้ประมาณ 8 ปี โดยทั้ง 2 ฉบับเป็นประกันชีวิตอย่างเดียวไม่พ่วงสุขภาพ)
เจ๊ได้บอกว่า ให้นำเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่กับกรมธรรม์เจ้าเดิมย้ายมาลงเงินกับกรมธรรม์เจ้าใหม่ได้เพื่อเพิ่มสิทธิ์ในการคุ้มครอง โดยที่สิทธิ์คุ้มครองเดิมก็จะไม่หายไปไหน เจ๊ขีดๆเขียนๆลงในกระดาษให้ดู และบอกว่า ตัวเค้าเองเป็นโบรคเกอร์ที่จะคอยดูแลสิทธิประโยชน์ให้ทางลูกค้านะ จะเลือกอะไรที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์มากขึ้นซึ่งหลังจากเปรียบเทียบดูแล้ว เจ๊ก็ได้แนะนำให้โยกย้ายเบี้ยประกันของเราไปลงกับประกันของ ทซซ. ซึ่งคุ้มค่าสุด เจ๊ถามเราว่า ผลประโยชน์แบบนี้ สนใจมั้ย.... บอกตามตรงว่า ข้อมูลมันไหลผ่านหู ผ่านตาไปเยอะ จนเรางง และคล้อยตามจริงๆ ประกอบกับเราเพิ่งเป็นคนมาดูแลเรื่องประกันชีวิตของตัวเองได้ปีกว่า และยอมรับตามตรงว่า แทบไม่มีความรู้เรื่องประกันภัยเลย เคยฟังเรื่องสิทธิประโยชน์มาแค่ผ่านๆแต่ก็ไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ ตอนนั้นเรานึกจริงๆ ว่าการโยกย้ายสิทธิ์กรณีที่จ่ายเบี้ยประกันมาระยะนึงแล้วมันสามารถทำได้ ก็เลยเออออเริ่มเซ็นเอกสารแบบงงๆ
คุยๆกันไปซักพัก เราถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ได้ขอดูบัตรของเจ้าหน้าที่เลย ซึ่งเจ๊บอกว่า เค้าเองมาจากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง อยู่ฝ่ายดูแลลูกค้า ตอนนี้บัตรอยู่ในรถ ไม่ต้องกลัวโดนหลอกนะคะ เดี๋ยวยังไงถ่ายบัตรส่งให้ทางไลน์แน่นอน ทีนี้เค้าก็ยื่นเอกสารให้เซ็นเยอะแยะ แบบไม่ได้อธิบายรายละเอียดเอกสารอะไร พอเราถามก็ตอบแบบผ่านๆ และขอเลขบัตรเดรดิตเพื่อใช้เป็นช่องทางในการชำระเบี้ยประกัน ช่วงเวลาเซ็นเอกสารทุกอย่างมันเร็วมากแล้วเจ๊ก็จากไป โดยทิ้งท้ายว่า ต้องการสำเนาบัตรประชาชนด้วยนะคะ ยังไงเดี๋ยวถ่ายหน้าบัตรส่งให้ทางไลน์ด้วย แล้วเจ๊ก็จากไป ทิ้งเราไว้กับกองกรมธรรม์ตัวเองแบบสติหลุด....
พอได้สติ เราถึงเพิ่งมาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ประกันภัยเพิ่ม ยิ่งหาก็ยิ่งเขางอก อ๋อ! ตรูโดนหลอกให้ยกเลิกประกันตัวเดิม ทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ ไม่ได้เกี่ยวกับโยกย้ายสิทธิ์บ้าบออะไรเลย แถมพอลองเอาชื่อในไลน์ไปเสิร์ชดูในเฟส ก็เจอว่าจริงๆ แล้วเจ๊ก็คือ ตัวแทนขายประกันของ ทซซ. นั่นแหละ ไม่ใช่โบรคเกอร์อะไรที่อ้างมาเลย อันนี้เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคเลยป่ะ ดีที่ยังไม่ได้ถ่ายหน้าบัตร ปชช. ไปให้ แต่ก็ ให้เลขบัตรเดรดิต และเซ็นเอกสารไปแล้ว ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรตามมามั้ย เป็นเครียดเลย T-T
โดนหลอกขายประกัน แบบงงๆ งงยังไง ไปดู
สืบเนื่องจากเมื่อ 2-3 วันก่อน มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นพนักงานที่ช่วยตรวจสอบเรื่อง ผลประโยชน์ของลูกค้าประกันภัย เพื่อให้ลูกค้าได้เพิ่มการรับผลประโยชน์จากกรมธรรม์แต่จ่ายเบี้ยประกันในราคาเท่าเดิม บุคคลทางปลายสายได้ทำการสอบถามจำนวนประกันภัยที่เราทำทั้งหมด และระยะเวลาที่ทำประกันภัย หลังจากที่คุยรายละเอียดกันคร่าวๆ ได้มีการนัดหมายเวลาและสถานที่เพื่อนัดพูดคุยรายละเอียดเพิ่มเติม โดยบุคคลปลายสายได้บอกว่า จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ที่มีใบรับรองจาก คปภ. ไปพูดคุย และได้เน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่นั้นไม่ใช่พนักงานขาย แต่เป็นฝ่ายดูแลลูกค้า ให้เราเตรียมกรมธรรม์ทั้งหมดที่มีติดตัวไปด้วยเพื่อการตรวจวสอบ
พอถึงวันที่นัดหมาย มีผู้หญิงคนหนึ่ง (ต่อไปนี้ขอแทนว่า เจ๊) มาเจอกับเรา และได้ขอดูหน้ากรมธรรม์ของเราทีละเล่ม จากนั้นก็เลือกเฉพาะกรมธรรม์ที่ทำมาแล้วมากกว่า 4 ปี เจ๊เริ่มอธิบายให้เราฟังว่า กรมธรรม์ที่เราทำอยู่ เราจ่ายเบี้ยจนเต็มความคุ้มครองสูงสุดแล้ว สามารถย้ายโอนไปจ่ายที่กรมธรรม์อื่นได้เพื่อเพิ่มการคุ้มครองของเราเอง (กรรมธรรม์ที่เรามีอยู่นั้น ฉบับนึง ส่งมา 16 ปีแล้วเหลืออีก 5 ปีจะครบสัญญา ส่วนอีกฉบับเพิ่งส่งได้ประมาณ 8 ปี โดยทั้ง 2 ฉบับเป็นประกันชีวิตอย่างเดียวไม่พ่วงสุขภาพ)
เจ๊ได้บอกว่า ให้นำเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่กับกรมธรรม์เจ้าเดิมย้ายมาลงเงินกับกรมธรรม์เจ้าใหม่ได้เพื่อเพิ่มสิทธิ์ในการคุ้มครอง โดยที่สิทธิ์คุ้มครองเดิมก็จะไม่หายไปไหน เจ๊ขีดๆเขียนๆลงในกระดาษให้ดู และบอกว่า ตัวเค้าเองเป็นโบรคเกอร์ที่จะคอยดูแลสิทธิประโยชน์ให้ทางลูกค้านะ จะเลือกอะไรที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์มากขึ้นซึ่งหลังจากเปรียบเทียบดูแล้ว เจ๊ก็ได้แนะนำให้โยกย้ายเบี้ยประกันของเราไปลงกับประกันของ ทซซ. ซึ่งคุ้มค่าสุด เจ๊ถามเราว่า ผลประโยชน์แบบนี้ สนใจมั้ย.... บอกตามตรงว่า ข้อมูลมันไหลผ่านหู ผ่านตาไปเยอะ จนเรางง และคล้อยตามจริงๆ ประกอบกับเราเพิ่งเป็นคนมาดูแลเรื่องประกันชีวิตของตัวเองได้ปีกว่า และยอมรับตามตรงว่า แทบไม่มีความรู้เรื่องประกันภัยเลย เคยฟังเรื่องสิทธิประโยชน์มาแค่ผ่านๆแต่ก็ไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ ตอนนั้นเรานึกจริงๆ ว่าการโยกย้ายสิทธิ์กรณีที่จ่ายเบี้ยประกันมาระยะนึงแล้วมันสามารถทำได้ ก็เลยเออออเริ่มเซ็นเอกสารแบบงงๆ
คุยๆกันไปซักพัก เราถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ได้ขอดูบัตรของเจ้าหน้าที่เลย ซึ่งเจ๊บอกว่า เค้าเองมาจากโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง อยู่ฝ่ายดูแลลูกค้า ตอนนี้บัตรอยู่ในรถ ไม่ต้องกลัวโดนหลอกนะคะ เดี๋ยวยังไงถ่ายบัตรส่งให้ทางไลน์แน่นอน ทีนี้เค้าก็ยื่นเอกสารให้เซ็นเยอะแยะ แบบไม่ได้อธิบายรายละเอียดเอกสารอะไร พอเราถามก็ตอบแบบผ่านๆ และขอเลขบัตรเดรดิตเพื่อใช้เป็นช่องทางในการชำระเบี้ยประกัน ช่วงเวลาเซ็นเอกสารทุกอย่างมันเร็วมากแล้วเจ๊ก็จากไป โดยทิ้งท้ายว่า ต้องการสำเนาบัตรประชาชนด้วยนะคะ ยังไงเดี๋ยวถ่ายหน้าบัตรส่งให้ทางไลน์ด้วย แล้วเจ๊ก็จากไป ทิ้งเราไว้กับกองกรมธรรม์ตัวเองแบบสติหลุด....
พอได้สติ เราถึงเพิ่งมาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ประกันภัยเพิ่ม ยิ่งหาก็ยิ่งเขางอก อ๋อ! ตรูโดนหลอกให้ยกเลิกประกันตัวเดิม ทั้งที่ไม่ได้ร้องขอ ไม่ได้เกี่ยวกับโยกย้ายสิทธิ์บ้าบออะไรเลย แถมพอลองเอาชื่อในไลน์ไปเสิร์ชดูในเฟส ก็เจอว่าจริงๆ แล้วเจ๊ก็คือ ตัวแทนขายประกันของ ทซซ. นั่นแหละ ไม่ใช่โบรคเกอร์อะไรที่อ้างมาเลย อันนี้เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภคเลยป่ะ ดีที่ยังไม่ได้ถ่ายหน้าบัตร ปชช. ไปให้ แต่ก็ ให้เลขบัตรเดรดิต และเซ็นเอกสารไปแล้ว ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรตามมามั้ย เป็นเครียดเลย T-T