ถึงเวลาที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์บ้านเมืองอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ความสงบที่แท้จริง ในระบบเลือกตั้ง

ระยะนี้จะเห็นแฟชั่นเฟลชม็อบระบาดไปในหมู่ มหาวิทยาลัย โรงเรียน และสถาบันต่างๆ  โดยมุ่งจะโจมตีไปที่ตัวนายกฯเป็นหลัก เอาสว.มาอ้างในการเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ การยุบพรรคส้ม
ขวัญใจคนรุ่นใหม่  

เฟลชม็อบที่จัดในสถานที่มีรั้วในสถาบัน สถานศึกษา ไม่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงจะมีคนที่หนุนอยู่เบื้องหลังต้องพยายามให้ลงถนน เพื่อขยายจำนวนมวลชนให้มากขึ้น
อย่าบอกเลยว่า เฟลชม็อบไม่มีผู้นำทำกันเอง  นักเรียนนักศึกษา ทำกันเองไม่ได้ ไม่ว่าผ่านมาในสมัยไหน ก็จะมีผู้นำแฝงเข้าไปทุกครั้ง  เช่น นักการเมืองที่เป็นดาวดับรับใช้นายทุน นักวิชาการอกหัก เอ็นจีโอที่มีต่างชาติหนุน  ล้วนแต่มีส่วนทั้งสิ้น

รัฐบาลต่อสู้อยู่ในระบบเลือกตั้ง มาตามรัฐธรรมนูญ  การอภิปรายในสภาก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่ระบบประชาธิปไตยทำกัน  ไม่มีการพบทุจริต คอรับชั่นให้ได้ลากไส้ออกมาอย่างรัฐบาลปูแม้ว  ทุกเรื่องล้วนทำตามกติกากฎหมาย อย่างที่ส้มยุบก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตัวเองโดนยุบเสียเอง เพราะความสามารถในการตรวจสอบตัวเองทางกฎหมายต่างกัน พปชร.มีคนเก่งและรู้กฎกติกา พรรคนี้จึงไม่มีข้อกฎหมายที่พลาดพลั้งให้เอาผิดได้

การต่อสู้ในระบบของนายกฯ กับการต่อสู้นอกระบบของเฟลชม็อบ กฎหมายจึงเข้าควบคุมได้ และ คนที่เห็นความไม่ชอบของเฟลชม็อบมีมากกว่าหลายล้านคน  เฟลชม็อบจึงต่อสู้กับประชาชนที่ตื่นรู้เบื่อการลงถนนของม็อบ
ปลุกกระแสแค่ให้ได้ฟินๆกันไปชั่วครู่ชั่วคราว ไม่สามารถไปต่อได้

ดังนั้น  ลุงนั่งอยู่เฉยๆก็ชนะแล้วค่ะ....