เคยมีคำทำนายว่า "จะมีนักบวชนอกศาสนามาช่วยเหลือมวลมนุษย์ ปราบสัตว์ร้ายในจิตใจให้มลายหายสิ้น"

ครั้งหนึ่งในอดีต อาจารย์เจ้าสำนักผู้ทรงชาญลัทธิหนึ่งในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังไม่ได้อุบัติขึ้นในโลกนี้  ตระหนักรู้ถึงความไม่เที่ยงแท้ ความวุ่นวายและความสับสนบนโลกใบนี้ เขาได้บอกกล่าวแก่ศิษย์ที่สำเร็จวิชาของตน "จงไปแสวงหาสถานที่ที่ซึ่งไร้ความทุกข์ ความสับสนและความวุ่นวาย สถานที่แห่งความเบิกบาน" โดยที่ตัวเขาจะรออยู่ในโลกมนุษย์ คอยสั่งสอนศิษย์รุ่นเยาว์ต่อไป 
          เหล่าศิษย์ที่สำเร็จวิชาแล้วต่างมาหารือกันว่าผู้ใดจะไปสถานที่แห่งไหนบ้าง บางคนไปอยู่ในที่ปลีกวิเวกไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต บางคนไปอยู่ในป่าเขา บางคนไปเมืองลับแล บางคนไปสวรรค์ บางคนไปห้วงที่ลึกที่สุดในนรก บางคนไปเมืองบาดาล บางคนไปป่าหิมพานต์ บางคนไปแดนฉิมพลี บางคนไปสวรรค์ของชาวยุโรป บางคนไปอยู่ในอากาศ บางคนไปอยู่สายน้ำ และอีกหลายที่ที่พวกเขาคิดว่าจะพบสถานที่ในอดุมคติของอาจารย์
         เมื่อตกลงกันได้แล้ว จึงนัดวันเวลากลับ โดยอิงเวลาจากโลกมนุษย์เป็นหลัก เหล่าศิษย์ต่างไปกราบลาอาจารย์ อาจารย์ผู้ทรงชาญกล่าวสั่งเสียว่า ตัวเขานั้นเป็นผู้โง่เขลา ครั้งหนึ่งเคยตามหาสถานที่แห่งนี้เช่นกัน แต่ด้วยความด้อยปัญญาแลไร้วาสนาทำให้ไม่พบสถานที่แห่งนั้น จึงได้แต่หวังพึ่งศิษย์ เช่น พวกเขา
         เมื่อถึงเวลา ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่ในสถานที่ที่ตนเลือกไว้ ไปสำรวจดูว่าจะเป็นสถานที่ที่ตามหาหรือไม่ แล้ววันเวลาก็ผ่านไป 20 ปี ครบกำหนดการกลับมาที่โลกมนุษย์ เหล่าศิษย์มาพบกันอีกครั้งตามที่ตกลงกันไว้ ทุกคนหวังว่าจะต้องมีใครสักคนแน่ที่เจอสถานที่แห่งนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครเจอสถานที่นั้นเลย ศิษย์คนที่ไปอยู่ในที่ปลีกวิเวกไม่มีสิ่งมีชีวิตบอกว่า ที่นั่นแม้จะไร้ผู้คน ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีแต่หินผาที่ดูมั่นคง แต่เมื่อนานไป สายลมและสายฝนกลับกัดกร่อนหินผาที่ดูมั่นคงเหล่านั้นให้พังทลายลงมา ไม่มีความมั่นคงเที่ยงแท้อยู่เลย ศิษย์คนที่ไปสวรรค์เล่าว่า ช่วงแรกที่เขาไปทุกอย่างล้วนเป็นไปอย่างที่อาจารย์ต้องการหมด ไร้ความทุกข์ มีแต่ความรื่นรมย์เบิกบาน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่สวยงามวิจิตรยิ่งกว่าโลกมนุษย์หลายเท่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขากลับเห็นความลุ่มหลง มีแต่โมหะเต็มไปหมด ศิษย์คนที่ไปนรกกล่าวว่า ที่นั่นมีแต่ความทุกข์ความเศร้าหมอง เสียงกรีดร้องของสัตว์นรกดังระงมไปทั่วแม้แต่จุดที่ลึกที่สุดของนรก หาความสงบไม่ได้เลย ศิษย์คนที่ไปเมืองบาดาล แดนฉิมพลี ป่าหิมพานต์กล่าวว่า สถานที่เหล่านั้นแม้จะมีสวยงามเพียงไหนก็ไม่ต่างจากโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ศิษย์คนที่ไปสวรรค์ของชาวยุโรปเล่าว่า ที่นั้นแม้แปลกตาไปบ้างแต่ก็มีความสวยงามยากจะบรรยาย เหล่าผู้อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นต่างมีความสุขความรื่นเริง พวกเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตเมตตา คอยช่วยเหลือมนุษย์ในยามทุกข์ยากด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ แต่เมื่อเกิดสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาเหล่านั้นจะร้องไห้ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
        เมื่อรู้ว่าไม่มีใครพบสถานที่แห่งนั้น พวกเขาจึงพากันไปพบอาจารย์เพื่อบอกกล่าวสิ่งที่พบเจอพร้อมกับคิดในใจว่า สถานที่ที่อาจารย์ตามหาอาจไม่มีอยู่จริง หลังจากที่กลับไปสำนักแล้ว พวกเขาก็พบว่าอาจารย์ได้เสียชีวิตไปแล้ว ศิษย์ในสำนักพาพวกเขาไปพบร่างอาจารย์ ซึ่งเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไป
        เมื่อพวกเขาเห็นศพของอาจารย์ กลับพบว่าใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอยู่ พร้อมกับเสียงที่ก้องมาในหัวว่า "อาจารย์พบสถานที่แห่งนั้นแล้ว สถานที่ที่ไร้ความทุกข์ มีแต่ความเบิกบาน เพียงแต่ที่แห่งนั้นไม่มีใครสามารถพาเราไปได้ มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะพาตัวเองไปได้ หวังว่าพวกเจ้าจะตามมาในไม่ช้า"
       เมื่อนานมาแล้วเคยมีคำทำนายว่า จะมีนักบวชนอกศาสนามาช่วยเหลือมวลมนุษย์ ปราบสัตว์ร้ายในจิตใจให้มลายหายสิ้น อาจารย์คงได้พบนักบวชผู้นั้นแล้ว (พระปัจเจกพุทธเจ้า) เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างตระหนักรู้ดีว่าอาจารย์เจอสถานที่ในอุดมคติแล้ว สถานที่แห่งนั้นคือ พระนิพพาน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่