เรารู้ข่าวหลุดจากหมอที่โพสกระทู้ว่ามีโรคคล้าย ซาร์ส SARS ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนกำลังระบาด พร้อมถูกจับคุมตัวข้อหาทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ประมาณช่วงเดือนธันวาคม 2019
วันที่ 30-31 ธันวาคม 2019 มีกระแสข่าวในกลุ่มเพื่อนๆให้เตรียมสิ่งของต่างๆ อาหารเพื่อกักตุน ยามเกิดโรคระบาด และ น้ำยาฆ่าเชื้อโรคแบบที่แพทย์ใช้ สำหรับใช้กับผิวหนังและซักล้างได้ , หน้ากากอนามัย ( บอกคนอื่นไปไม่มีใครเชื่อเลย เผลอๆจะโดนจับด้วย ก็เลยจัดเตรียมกันเอง คิดว่ามันก็ไม่เสียหายหนิถ้าเราจะซื้อมาตุนไว้เยอะๆ หากไม่เกิดอะไรก็ดี ยังไงซะของที่ซื้อมาตุนก็ได้ใช้อยู่ดี ซื้อมาม่า พวกอาหารและเนื้อแช่แข็งเยอะมากกก )
วันที่ 7 มกราคม 2020 เราไปส่องกล้องผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกที่รพ.ให้พักฟื้น 1 คืนแล้วกลับบ้าน เพราะหมอที่รู้จักกันว่าบอกมีโรคกำลังระบาด ตอนแรกต้องนอนต้องนอน 2 คืน
วันที่ 12 มกราคม 2020 ใส่หน้ากากไปตัดไหมที่รพ. รู้สึกได้ว่ามีการตื่นตัวเรื่องผู้ติดเชื้อในอู่ฮั่นแล้ว เพราะมีข่าวผู้ติดเชื้อและเฝ้าดูอาการในเน็ตมากจนน่ากังวล เราเลยซื้ออุปกรณ์ และ น้ำเกลือ ทำความสะอาดแผลมาตุนไว้เพิ่มด้วย ( แล้วแผลก็อักเสบจ้า ทำแผลเองจ้าสามีหน้ามืดจ้า )
วันที่ 15 มกราคม 2020 พบหมอในอู่ฮั่นติดเชื้อCovid-19 หลายคน
วันที่ 23 มกราคม 2020 ก่อนวันตรุษจีนเพียงวันเดียวทางการประกาศว่าโรคนี้มีการระบาดที่เร็วมาก ติดต่อผ่าน ตา จมูก ปาก มีระยะแฝงตัวประมาณ 2 อาทิตย มีผู้ที่ติดเชื้อ และผู้อยู่ในการเฝ้าระวังอีกมากมาย
อัตราการระบาดมีสัดส่วน 1 : 14 คน
มันบานปลายมากๆแล้วตอนนั้น จริงๆเราก็ไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดนี้ มันเป็นตรุษจีนที่โคตรเงียบมากกก
จีนจึงมีมาตราปิดประเทศ ปิดสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศทั้งหมดและยกเลิกสายการบินทั้งภายในและต่างประเทศหลายๆสายการบิน การคมนาคมสาธารณะทั้งหมด
ตั๋วที่จองไว้สามารถยกเลิกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
กักคุมโรคปิดทั้งมณฑล หูเป่ย ซึ่งมีเมืองอู๋ฮันเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรค สามารถเข้าได้แต่ไม่ให้ผู้คนเดินทางออกโดยเด็ดขาด
ภายหลังปิดเพิ่มอีกเมืองคือ เมือง ซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง
เพราะถ้าจะเอาโรคนี้ให้อยู่คือ กักตัว ไม่ให้ระบาดเพิ่ม
( เราก็เห็นข่าวกันอยู่ในอู่ฮั่นกักกันโหดมาก จะป่วยตาย รึ อดตาย เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ก็มีการบรรเทาเรื่องปากท้องกันแล้วนะคะ )
ซึ่งทางรัฐบาลจีน ออกมาแจ้งว่า น่าจะควบคุมโรคนี้อยู่หมัดและใช้ชีวิตตามปกติได้ในเดือนเมษายน แต่นักวิชาการและสักเกตุการณ์หลายๆท่านให้ความเห็นว่าน่าจะยาวไปจนถึงกลางปี คือช่วง มิถุนายน 2020 อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ตัวเลขที่ทางการจีนแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อ เหยียบ 8 หมื่นคนคือตัวเลขที่ยืนยันแล้ว ...สามารถยืนยันได้ แต่จริงๆแล้วตกหล่นเพียบ เพราะอุปกรณ์ บุคคลากรไม่เพียงพอ ( เอาง่ายๆว่า x3 หละกันจากตัวเลขที่แจ้ง บางคนบอกว่า x10 )
สถานะการผู้ติดเชื้อไม่ได้มีมากในมณฑลยูนนานพบผู้ติดเชื้อประมาณ 145 คน ในเมืองคุนหมิงเมืองที่เราอยู่ มีประมาณ 40 คนแต่ทางภาครัฐเข้มงวด และ ประชาชนต่างกลัวและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กักตุนอาหาร ลดการออกไปข้างนอก
รูปที่เอามาคือภายในห้างดังในคุนหมิง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2020 ( ก็ไปทุกวัน มีแต่ความว่างเปล่า )
ห้างก็เปิดตามปกติ แต่
ไม่มีคนมาทำงาน ไม่มีคนออกมาเดินซื้อของ ร้านอาหารก็ปิดเช่นกัน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครสั่งอาหารจากด้านนอก และไม่มีคนส่งอาหาร ทางห้างได้ลดค่าเช่าบ้าง ยืดเวลาการจ่ายบ้าง มีรายจ่ายแต่ไม่มีรายรับกันถ้วนหน้า ...อดทน!
ภายนอกห้างเหมือนเมืองร้าง ทุกอย่างหยุดหมด รถที่สัญจรไปมา คือ นับคันได้เลย
https://www.bbc.com/zhongwen/simp/chinese-news-51257588
มีรถส่วนตัวที่เข้าออกหมู่บ้านเพื่อออกไปซื้อของที่ตลาดสดที่เปิดภายนอกอาคาร ไม่แออัด และมีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่เปิดขาย ราคาสูงกว่าปกติ ซึ่งก็ปกติ😭
ร้านขายยา ยังมีเปิดอยู่บ้าง แต่พวกหน้ากาก ยาฆ่าเชื้อ ไม่มีของขายเลย
การเข้าออกหมู่บ้าน จะเข้าออกได้แค่คนในหมู่บ้านเท่านั้น
การไปสถานที่แต่ละที่ จะต้องมีการสแกน QR Cord เข้าและออกเพื่อให้ทางสาธารณสุขได้รับรู้
เมื่อมีใครติดเชื้อแล้ว ผู้ติดเชื้อไปที่ไหน เจอใคร รวมถึงบุคคลอีกหลายๆคนที่เข้าออกบริเวณนั้นบ้างในเวลา 2 อาทิตย์ ต้องถูกส่งไปกักตัวดูอาการโรค
การดูแลตัวเองหลังออกจากบ้าน :
เวลาเราออกจากบ้าน จะสวมหน้ากาก สวมทั้งแว่นครอบตาด้วย ใครจะหาว่าเว่อร์ก็ได้แต่เวลานี้ เราต้องรักตัวเองให้มากๆ แค่นึกถึงภาพรพ.ในข่าวที่เห็นเวลานั้น มีคนป่วยเยอะแยะล้นรพ.ไปหมดก็น่ากลัวแล้ว
กลับมาถึงบ้าน ก็จะเอาน้ำยาฆ่าเชื้อที่เราผสมไว้ในฟ็อกกี้ 3 ลิตร เราผสมเข้มข้นกว่าปกติหน่อยคะ (กะไม่ถูก ) พ่นประตูบ้านทั้งด้านนอกและใน ( มีข่าวในเน็ต จับภาพผู้ติดเชื้อถมน้ำลายในลิฟท์ ประตูบ้านคนอื่น เพื่อให้คนอื่นติดโรคด้วย ประมาณว่า " กูจะไม่ยอมตายคนเดียว " น่ากลัวอะ )
ต่อมาก็พ่นเสื้อนอกที่เราใส่ทั้ง2ด้านเช่นกันแล้วเอาไปผึงแดด ( จริงๆพ่นทั้งตัวเลย )
หน้ากากอนามัยพ่นยาฆ่าเชื้อแล้ว ทิ้งเลย ( การใช้หน้ากากมีระยะเวลา 4 ชม. ควรเปลี่ยนอันใหม่ รึเคยใช้แล้วก็อย่าเสียดายมันเลย เราใช้กรรไกรตัดกลางก่อนทิ้งด้วยคะ เพราะมีคนเก็บมาขายต่อ )
ถอดชุดทั้งหมดลงในเครื่องซักผ้า ลงน้ำยาฆ่าเชื้อและซักทันที จากนั้น ล้างมือแล้วก็อาบน้ำ
ของสดที่ซื้อมาจากข้างนอก เราก็จะล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับใช้กับอาหารนะหลังๆไม่ได้ทำแล้วเพราะน้ำยาฆ่าเชื้อของอาหารมันหมด หาซื้อไม่ได้ ทำอาหารให้สุกแล้วล้างมือก่อนกินอาหารด้วย
เรากักตัวเองเป็นเวลา 1 เดือนจนมั่นใจแล้วว่ากลับมาไทยได้ก็จองตั๋ว
การเตรียมตัวก่อนจะกลับมา โดยการ นั่งเครื่องบิน :
เราโทรถามสายการบินที่เราจะนั่งกลับมาว่ามีมาตราการอย่างไรกับการป้องกันโรค ในทุกๆสายการบินที่ยังมีการเปิดให้บริการ จะมีการพ่นยาฆ่าเชื้อ ทั้งลำทุกที่นั่งและช่องเก็บสัมภาระ ในระหว่างการเดินทางก็มีการพ่นฆ่าเชื้อด้วย
ทุกท่านที่เป็นผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย
จากนั้นเราโทรหาทางบ้านให้เตรียมตัวซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ให้ด้วย ต้องมีมงกุฏนะคะ
https://m.facebook.com/textile.phys.and.chem/posts/2011906792181078
ก่อนออกจากบ้าน ก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ไม่ค่อยดื่มน้ำด้วย ออกบ้านล่วงหน้า 3 ชม. เพราะมีการตรวจเข้มค่ะ
เราพก แว่นครอบตา ( มันติดผ่านตาได้หนิหน่า )
หน้ากากอนามัย N95 ,ผ้าคลุมหน้าเวลาปั่นจักรยาน คลุมทับอีกที
ชุดกันฝนสีใสจะได้ไม่เด่น หาแบบมีที่รูดให้หมวกมันกระชับ ( อากาศหนาวนะ แต่พอใส่ชุดกันฝนคือมันร้อนมากๆ )
เตรียมกระดาษเปียกแล้วผสมน้ำยาฆ่าเชื้อลงไปในซอง เอาไว้สำหรับเช็คของที่เราต้องสัมผัส เช็คมือหลังการหยิบจับนู้นนี้ เพราะไม่ให้พกน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นขวดทั้งแบบพ่นและปั้มขึ้นเครื่อง
จากนั้นใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ด้วยคะ😅 ( เผื่อว่าปวดฉี่จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ แต่เหมือนสมองมันสั่งการมาดี ตลอดการเดินทางท้องไส้ปกติมาก ไม่งอแงเลย )
ถุงพลาสติกถุงใหญ่หน่อย 2 ใบ เอาไว้ถอดชุดพ่นฆ่าเชื้อก่อนเข้าบ้าน
พอถึงสนามบินคุนหมิง ก็ต่อแถวสแกน QR Cord ทุกอย่างที่มีการเข้าคิวจะเว้นระยะค่อนข้างห่างเลยคะ ทุกคนระแวงกันไปหมด จากนั้นเดินผ่านกล้องตรวจจับความร้อน ต่อด้วยยิงหน้าผากด้วยเครื่องวัดไข้รอบแรกตรวจเราวัดได้ 36.2 °C เค้าก็จะจดบันทึกค่ะ
ถ้าเกิดว่า เกินกว่า 37.3 °C จะโดนกันตัวนะคะ
พนักงานภาคสนามก็สวมหน้ากาก แว่นครอบตา ถุงมือ (คือเราไม่ได้เว่อร์ไปเองแล้ว) พอเราได้พาสปอร์ตกลับมาก็เอากระดาษเปียกฆ่าเชื้อที่เราเตรียมมา ก็เช็ดวนไปคะเช็ดจนหลังๆรู้สึกผิวเเห้งมาก 😅
การตรวจร่างกาย ผ่านด่าน คือ เข้า 1 :1 เลย เหมือนเข้าไปในห้องแลป ไรงี้ มีพ่นละอองฆ่าเชื้อ ถอดหน้ากาก แว่นตา ออก เจ้าหน้าที่ทุกคนใส่ชุด "ฆ่าไก่ "แบบนี้
ยิงวัดไข้ที่ครั้งที่ 2 ได้ 36.2 °C เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จดบันทึก "ผ่าน"
แล้วก็รอขึ้นเครื่อง ไม่เดินไปไหนเลย นั่งไกลๆห่างๆ เช็ดๆ
ก่อนจะขึ้นเครื่อง ประมาณ ครึ่งชม. ทุกคนต้องมาสแกน QR Cord อีกรอบ ว่าขึ้นเครื่องลำไหน เดินทางไปไหน กรอกข้อมูลในโทรศัพท์หลังสแกนคะ ต่อแถวขึ้นเครื่อง ห่างๆ แล้วโดนยิงวัดไข้รอบที่ 3 ได้ "36.2 °C " เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกต่อ"ผ่าน"
พอเราขึ้นเครื่อง คนเต็มเลย แอบกังวลมาก เห็นได้ชัดเลย เหมือนเราใส่เยอะอยู่คนเดียวทั้ง แว่น หน้ากาก เสื้อกันฝน แต่ทุกคนแม้แต่พนักงานบริการ ก็ใส่แค่หน้ากากอนามัยคะ เราแอบสบตากับฝรั่ง คน 1 จัดเต็มคล้ายเราเลย ยังพออุ่นใจบ้าง ยังมีเพื่อน
ระหว่างการเดินทางเราไม่ออกไปห้องน้ำ ไม่กิน ไม่ดื่ม กอดอก นั่งหลับตาอย่างเดียว ได้ยินประกาศว่าจะพ่นยาให้หลับตาแล้วเค้าก็พ่นสเปร์ฆ่าเชื้อรอบเครื่อง ได้กลิ่นผ่านหน้ากาก2ชั้นเลย คิดในใจว่าโชคดีที่คลุมมาขนาดนี้
ปกติจะเดินทางจากคุนหมิง ถึง เชียงใหม่ ประมาณ 1 ชม. 30 นาที แต่ครั้งนี้ สายการบินแจ้งว่าจะใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม. เพราะจอดที่เมือง สิบสองปันนา
ผู้โดยสารทุกคนต้องลงจากเครื่อง เข้าสแกน QR Cord อีก เดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน แล้วยิงวัดไข้รอบที่ 4 ของเรายังคงวัดได้ " 36.2 °C " เจ้าหน้าที่จดบันทึก "ผ่าน"
รอขึ้นเครื่องอีกประมาณ 20 นาที ก่อนขึ้นเครื่องสแกนQR Cord อีก แล้วโดนยิงวัดไข้รอบที่ 5 😅 "36.2 °C " ผ่าน " จดบันทึก
ตรวจเยอะให้มั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย
ในที่สุด ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็เห็นมีมีแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ มีพนักงาน 4-5 คนเอาฟ๊อกกี้มาพ่นๆนักท่องเที่ยวแต่ละคน แล้วยิงวัดไข้ ของเราก็วัดได้เท่าไหร่ไม่รู้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้ง แต่คงไม่ถึงเกณฑ์แล้วก็ผ่านไป....จบ คือเราแบบงงๆหน่อยๆ
แล้วก็ให้กระดาษใบเล็กๆว่า "ขอความร่วมมือให้ดูอาการของตัวเองและห่างจากชุมชน เป็นเวลา 14 วัน "
หากมีอาการที่สงสัย โทร 1422 DDC Hotline
แล้วก็เห็นตม. ใส่แค่หน้ากาก คนจีนก็เยอะไปรุมกันที่มุมขอเข้าเมืองแบบ 15 วัน เราก็เลี่ยงเดินมาที่ ตม. เพื่อรีบไปรีบกระเป๋า สนามบินเชียงใหม่เล็กๆนะ ถ้าเป็นสุวรรณภูมิจะเยอะขนาดไหน แต่การตรวจคงดีกว่า?
แล้วก็รอเอากระเป๋าได้มาก็เช็ดๆกระเป๋าของเรา จากนั้น ที่บ้านก็เอารถกระบะมารับ เราก็นั่งหลังรถกระบะ เข้าบ้านที่เคยปล่อยเช่าว่ามาหลายอาทิตย์แล้ว
ทางบ้านเตรียมของให้สำหรับแยกตัวเอง เราก็กักตัวไม่ออกจากบ้านตั้งแต่กลับมา วัดไข้ สำรวจตัวเองทุกวัน ว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ ไม่มีแรง ปวดเมื่อย หายใจหอบเหนื่อย หรือท้องเสีย รึเปล่ามาตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 ก็อยู่มาจนตอนนี้ เบื่อมากกก
ก็ดูข่าวตลอดหลังจากที่กลับมา มันมาไวมากนะ
https://www.sanook.com/news/8042686/
จริงๆเราคิดนะว่าการกลับมาครั้งนี้ดีจริงๆรึเปล่า คือ การเข้ามาไทยมันง่ายขนาดนี้เลยหร๋อ เทียบกันกับการเข้าออกของจีนคือ ช่างแตกต่างจากไทยมากเลย จริงๆ
รัฐบาลไทยต้องรอให้เป็นเหมือนจีนเลยหร๋อ
ควบคุมไม่ได้แล้วมาประกาศ
แม้แต่การรณรงค์ให้ตื่นตัวเรื่องโรคระบาด
การคัดกรองคนเข้าประเทศ ....
จะมีการจำกัดหรือกักตัวบ้างมั๊ย
จีนคือคอมมิวนิสต์นะรัฐสั่งหยุดคือหยุดหมด
คือแค่การโฆษณาการล้างมือใน ข่าวยังไม่ค่อยมีเลย
ประเทศโซนยุโรป มีมาตราการให้คนที่เดินทางออกจากจีน ออกมาก่อน 14 วันแล้วถึงไปโซนยุโรปได้ แล้วเค้าก็แห่กันมาไทย เพื่อพักตัว 14 วันก่อนไปยุโรป
ข่าวอัพเดตใหม่อีกจ๊าาา
คนที่มาจากจีนเพื่อมาเก็บตัวในไทย 14 วัน เพื่อเดินทางไปยุโรป....เค้าก็ไม่นับแล้วนะจ๊ะ เพราะเห็นว่าเข้าออกกันสบายเหลือเกิน
ตอนนี้เรายังรอในบ้านให้ครบ 2 อาทิตย์ แต่ไหนจะฝุ่น ไหนจะโรคอีก
เริ่มให้ที่บ้านซื้อของกักตุนไว้บ้างแล้ว เผื่อไว้ วันนี้ก็อยู่บ้านออกกำลังกายในบ้าน วิ่งขึ้นชั้นบน ชั้นล่าง วันจันทร์หน้าค่อยว่ากันใหม่ #ทำตัวเป็นนักสังเกตการณ์ไปวันๆ
เล่าเรื่องสถานการณ์ในจีนเกี่ยวกับไวรัสCovid-19 การป้องกัน,ดูแลตัวเองและการเดินทางกลับประเทศไทย
วันที่ 30-31 ธันวาคม 2019 มีกระแสข่าวในกลุ่มเพื่อนๆให้เตรียมสิ่งของต่างๆ อาหารเพื่อกักตุน ยามเกิดโรคระบาด และ น้ำยาฆ่าเชื้อโรคแบบที่แพทย์ใช้ สำหรับใช้กับผิวหนังและซักล้างได้ , หน้ากากอนามัย ( บอกคนอื่นไปไม่มีใครเชื่อเลย เผลอๆจะโดนจับด้วย ก็เลยจัดเตรียมกันเอง คิดว่ามันก็ไม่เสียหายหนิถ้าเราจะซื้อมาตุนไว้เยอะๆ หากไม่เกิดอะไรก็ดี ยังไงซะของที่ซื้อมาตุนก็ได้ใช้อยู่ดี ซื้อมาม่า พวกอาหารและเนื้อแช่แข็งเยอะมากกก )
วันที่ 7 มกราคม 2020 เราไปส่องกล้องผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกที่รพ.ให้พักฟื้น 1 คืนแล้วกลับบ้าน เพราะหมอที่รู้จักกันว่าบอกมีโรคกำลังระบาด ตอนแรกต้องนอนต้องนอน 2 คืน
วันที่ 12 มกราคม 2020 ใส่หน้ากากไปตัดไหมที่รพ. รู้สึกได้ว่ามีการตื่นตัวเรื่องผู้ติดเชื้อในอู่ฮั่นแล้ว เพราะมีข่าวผู้ติดเชื้อและเฝ้าดูอาการในเน็ตมากจนน่ากังวล เราเลยซื้ออุปกรณ์ และ น้ำเกลือ ทำความสะอาดแผลมาตุนไว้เพิ่มด้วย ( แล้วแผลก็อักเสบจ้า ทำแผลเองจ้าสามีหน้ามืดจ้า )
วันที่ 15 มกราคม 2020 พบหมอในอู่ฮั่นติดเชื้อCovid-19 หลายคน
วันที่ 23 มกราคม 2020 ก่อนวันตรุษจีนเพียงวันเดียวทางการประกาศว่าโรคนี้มีการระบาดที่เร็วมาก ติดต่อผ่าน ตา จมูก ปาก มีระยะแฝงตัวประมาณ 2 อาทิตย มีผู้ที่ติดเชื้อ และผู้อยู่ในการเฝ้าระวังอีกมากมาย
อัตราการระบาดมีสัดส่วน 1 : 14 คน
มันบานปลายมากๆแล้วตอนนั้น จริงๆเราก็ไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดนี้ มันเป็นตรุษจีนที่โคตรเงียบมากกก
จีนจึงมีมาตราปิดประเทศ ปิดสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศทั้งหมดและยกเลิกสายการบินทั้งภายในและต่างประเทศหลายๆสายการบิน การคมนาคมสาธารณะทั้งหมด
ตั๋วที่จองไว้สามารถยกเลิกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
กักคุมโรคปิดทั้งมณฑล หูเป่ย ซึ่งมีเมืองอู๋ฮันเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรค สามารถเข้าได้แต่ไม่ให้ผู้คนเดินทางออกโดยเด็ดขาด
ภายหลังปิดเพิ่มอีกเมืองคือ เมือง ซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง
เพราะถ้าจะเอาโรคนี้ให้อยู่คือ กักตัว ไม่ให้ระบาดเพิ่ม
( เราก็เห็นข่าวกันอยู่ในอู่ฮั่นกักกันโหดมาก จะป่วยตาย รึ อดตาย เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ก็มีการบรรเทาเรื่องปากท้องกันแล้วนะคะ )
ซึ่งทางรัฐบาลจีน ออกมาแจ้งว่า น่าจะควบคุมโรคนี้อยู่หมัดและใช้ชีวิตตามปกติได้ในเดือนเมษายน แต่นักวิชาการและสักเกตุการณ์หลายๆท่านให้ความเห็นว่าน่าจะยาวไปจนถึงกลางปี คือช่วง มิถุนายน 2020 อันนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ตัวเลขที่ทางการจีนแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อ เหยียบ 8 หมื่นคนคือตัวเลขที่ยืนยันแล้ว ...สามารถยืนยันได้ แต่จริงๆแล้วตกหล่นเพียบ เพราะอุปกรณ์ บุคคลากรไม่เพียงพอ ( เอาง่ายๆว่า x3 หละกันจากตัวเลขที่แจ้ง บางคนบอกว่า x10 )
สถานะการผู้ติดเชื้อไม่ได้มีมากในมณฑลยูนนานพบผู้ติดเชื้อประมาณ 145 คน ในเมืองคุนหมิงเมืองที่เราอยู่ มีประมาณ 40 คนแต่ทางภาครัฐเข้มงวด และ ประชาชนต่างกลัวและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กักตุนอาหาร ลดการออกไปข้างนอก
รูปที่เอามาคือภายในห้างดังในคุนหมิง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2020 ( ก็ไปทุกวัน มีแต่ความว่างเปล่า )
ห้างก็เปิดตามปกติ แต่
ไม่มีคนมาทำงาน ไม่มีคนออกมาเดินซื้อของ ร้านอาหารก็ปิดเช่นกัน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครสั่งอาหารจากด้านนอก และไม่มีคนส่งอาหาร ทางห้างได้ลดค่าเช่าบ้าง ยืดเวลาการจ่ายบ้าง มีรายจ่ายแต่ไม่มีรายรับกันถ้วนหน้า ...อดทน!
ภายนอกห้างเหมือนเมืองร้าง ทุกอย่างหยุดหมด รถที่สัญจรไปมา คือ นับคันได้เลย
https://www.bbc.com/zhongwen/simp/chinese-news-51257588
มีรถส่วนตัวที่เข้าออกหมู่บ้านเพื่อออกไปซื้อของที่ตลาดสดที่เปิดภายนอกอาคาร ไม่แออัด และมีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่เปิดขาย ราคาสูงกว่าปกติ ซึ่งก็ปกติ😭
ร้านขายยา ยังมีเปิดอยู่บ้าง แต่พวกหน้ากาก ยาฆ่าเชื้อ ไม่มีของขายเลย
การเข้าออกหมู่บ้าน จะเข้าออกได้แค่คนในหมู่บ้านเท่านั้น
การไปสถานที่แต่ละที่ จะต้องมีการสแกน QR Cord เข้าและออกเพื่อให้ทางสาธารณสุขได้รับรู้
เมื่อมีใครติดเชื้อแล้ว ผู้ติดเชื้อไปที่ไหน เจอใคร รวมถึงบุคคลอีกหลายๆคนที่เข้าออกบริเวณนั้นบ้างในเวลา 2 อาทิตย์ ต้องถูกส่งไปกักตัวดูอาการโรค
การดูแลตัวเองหลังออกจากบ้าน :
เวลาเราออกจากบ้าน จะสวมหน้ากาก สวมทั้งแว่นครอบตาด้วย ใครจะหาว่าเว่อร์ก็ได้แต่เวลานี้ เราต้องรักตัวเองให้มากๆ แค่นึกถึงภาพรพ.ในข่าวที่เห็นเวลานั้น มีคนป่วยเยอะแยะล้นรพ.ไปหมดก็น่ากลัวแล้ว
กลับมาถึงบ้าน ก็จะเอาน้ำยาฆ่าเชื้อที่เราผสมไว้ในฟ็อกกี้ 3 ลิตร เราผสมเข้มข้นกว่าปกติหน่อยคะ (กะไม่ถูก ) พ่นประตูบ้านทั้งด้านนอกและใน ( มีข่าวในเน็ต จับภาพผู้ติดเชื้อถมน้ำลายในลิฟท์ ประตูบ้านคนอื่น เพื่อให้คนอื่นติดโรคด้วย ประมาณว่า " กูจะไม่ยอมตายคนเดียว " น่ากลัวอะ )
ต่อมาก็พ่นเสื้อนอกที่เราใส่ทั้ง2ด้านเช่นกันแล้วเอาไปผึงแดด ( จริงๆพ่นทั้งตัวเลย )
หน้ากากอนามัยพ่นยาฆ่าเชื้อแล้ว ทิ้งเลย ( การใช้หน้ากากมีระยะเวลา 4 ชม. ควรเปลี่ยนอันใหม่ รึเคยใช้แล้วก็อย่าเสียดายมันเลย เราใช้กรรไกรตัดกลางก่อนทิ้งด้วยคะ เพราะมีคนเก็บมาขายต่อ )
ถอดชุดทั้งหมดลงในเครื่องซักผ้า ลงน้ำยาฆ่าเชื้อและซักทันที จากนั้น ล้างมือแล้วก็อาบน้ำ
ของสดที่ซื้อมาจากข้างนอก เราก็จะล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับใช้กับอาหารนะหลังๆไม่ได้ทำแล้วเพราะน้ำยาฆ่าเชื้อของอาหารมันหมด หาซื้อไม่ได้ ทำอาหารให้สุกแล้วล้างมือก่อนกินอาหารด้วย
เรากักตัวเองเป็นเวลา 1 เดือนจนมั่นใจแล้วว่ากลับมาไทยได้ก็จองตั๋ว
การเตรียมตัวก่อนจะกลับมา โดยการ นั่งเครื่องบิน :
เราโทรถามสายการบินที่เราจะนั่งกลับมาว่ามีมาตราการอย่างไรกับการป้องกันโรค ในทุกๆสายการบินที่ยังมีการเปิดให้บริการ จะมีการพ่นยาฆ่าเชื้อ ทั้งลำทุกที่นั่งและช่องเก็บสัมภาระ ในระหว่างการเดินทางก็มีการพ่นฆ่าเชื้อด้วย
ทุกท่านที่เป็นผู้โดยสารต้องใส่หน้ากากอนามัย
จากนั้นเราโทรหาทางบ้านให้เตรียมตัวซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ให้ด้วย ต้องมีมงกุฏนะคะ
https://m.facebook.com/textile.phys.and.chem/posts/2011906792181078
ก่อนออกจากบ้าน ก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ไม่ค่อยดื่มน้ำด้วย ออกบ้านล่วงหน้า 3 ชม. เพราะมีการตรวจเข้มค่ะ
เราพก แว่นครอบตา ( มันติดผ่านตาได้หนิหน่า )
หน้ากากอนามัย N95 ,ผ้าคลุมหน้าเวลาปั่นจักรยาน คลุมทับอีกที
ชุดกันฝนสีใสจะได้ไม่เด่น หาแบบมีที่รูดให้หมวกมันกระชับ ( อากาศหนาวนะ แต่พอใส่ชุดกันฝนคือมันร้อนมากๆ )
เตรียมกระดาษเปียกแล้วผสมน้ำยาฆ่าเชื้อลงไปในซอง เอาไว้สำหรับเช็คของที่เราต้องสัมผัส เช็คมือหลังการหยิบจับนู้นนี้ เพราะไม่ให้พกน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นขวดทั้งแบบพ่นและปั้มขึ้นเครื่อง
จากนั้นใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ด้วยคะ😅 ( เผื่อว่าปวดฉี่จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ แต่เหมือนสมองมันสั่งการมาดี ตลอดการเดินทางท้องไส้ปกติมาก ไม่งอแงเลย )
ถุงพลาสติกถุงใหญ่หน่อย 2 ใบ เอาไว้ถอดชุดพ่นฆ่าเชื้อก่อนเข้าบ้าน
พอถึงสนามบินคุนหมิง ก็ต่อแถวสแกน QR Cord ทุกอย่างที่มีการเข้าคิวจะเว้นระยะค่อนข้างห่างเลยคะ ทุกคนระแวงกันไปหมด จากนั้นเดินผ่านกล้องตรวจจับความร้อน ต่อด้วยยิงหน้าผากด้วยเครื่องวัดไข้รอบแรกตรวจเราวัดได้ 36.2 °C เค้าก็จะจดบันทึกค่ะ
ถ้าเกิดว่า เกินกว่า 37.3 °C จะโดนกันตัวนะคะ
พนักงานภาคสนามก็สวมหน้ากาก แว่นครอบตา ถุงมือ (คือเราไม่ได้เว่อร์ไปเองแล้ว) พอเราได้พาสปอร์ตกลับมาก็เอากระดาษเปียกฆ่าเชื้อที่เราเตรียมมา ก็เช็ดวนไปคะเช็ดจนหลังๆรู้สึกผิวเเห้งมาก 😅
การตรวจร่างกาย ผ่านด่าน คือ เข้า 1 :1 เลย เหมือนเข้าไปในห้องแลป ไรงี้ มีพ่นละอองฆ่าเชื้อ ถอดหน้ากาก แว่นตา ออก เจ้าหน้าที่ทุกคนใส่ชุด "ฆ่าไก่ "แบบนี้
ยิงวัดไข้ที่ครั้งที่ 2 ได้ 36.2 °C เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จดบันทึก "ผ่าน"
แล้วก็รอขึ้นเครื่อง ไม่เดินไปไหนเลย นั่งไกลๆห่างๆ เช็ดๆ
ก่อนจะขึ้นเครื่อง ประมาณ ครึ่งชม. ทุกคนต้องมาสแกน QR Cord อีกรอบ ว่าขึ้นเครื่องลำไหน เดินทางไปไหน กรอกข้อมูลในโทรศัพท์หลังสแกนคะ ต่อแถวขึ้นเครื่อง ห่างๆ แล้วโดนยิงวัดไข้รอบที่ 3 ได้ "36.2 °C " เหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกต่อ"ผ่าน"
พอเราขึ้นเครื่อง คนเต็มเลย แอบกังวลมาก เห็นได้ชัดเลย เหมือนเราใส่เยอะอยู่คนเดียวทั้ง แว่น หน้ากาก เสื้อกันฝน แต่ทุกคนแม้แต่พนักงานบริการ ก็ใส่แค่หน้ากากอนามัยคะ เราแอบสบตากับฝรั่ง คน 1 จัดเต็มคล้ายเราเลย ยังพออุ่นใจบ้าง ยังมีเพื่อน
ระหว่างการเดินทางเราไม่ออกไปห้องน้ำ ไม่กิน ไม่ดื่ม กอดอก นั่งหลับตาอย่างเดียว ได้ยินประกาศว่าจะพ่นยาให้หลับตาแล้วเค้าก็พ่นสเปร์ฆ่าเชื้อรอบเครื่อง ได้กลิ่นผ่านหน้ากาก2ชั้นเลย คิดในใจว่าโชคดีที่คลุมมาขนาดนี้
ปกติจะเดินทางจากคุนหมิง ถึง เชียงใหม่ ประมาณ 1 ชม. 30 นาที แต่ครั้งนี้ สายการบินแจ้งว่าจะใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชม. เพราะจอดที่เมือง สิบสองปันนา
ผู้โดยสารทุกคนต้องลงจากเครื่อง เข้าสแกน QR Cord อีก เดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน แล้วยิงวัดไข้รอบที่ 4 ของเรายังคงวัดได้ " 36.2 °C " เจ้าหน้าที่จดบันทึก "ผ่าน"
รอขึ้นเครื่องอีกประมาณ 20 นาที ก่อนขึ้นเครื่องสแกนQR Cord อีก แล้วโดนยิงวัดไข้รอบที่ 5 😅 "36.2 °C " ผ่าน " จดบันทึก
ตรวจเยอะให้มั่นใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย
ในที่สุด ก็ถึงสนามบินเชียงใหม่ ก็เห็นมีมีแอลกอฮอล์ให้ล้างมือ มีพนักงาน 4-5 คนเอาฟ๊อกกี้มาพ่นๆนักท่องเที่ยวแต่ละคน แล้วยิงวัดไข้ ของเราก็วัดได้เท่าไหร่ไม่รู้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้ง แต่คงไม่ถึงเกณฑ์แล้วก็ผ่านไป....จบ คือเราแบบงงๆหน่อยๆ
แล้วก็ให้กระดาษใบเล็กๆว่า "ขอความร่วมมือให้ดูอาการของตัวเองและห่างจากชุมชน เป็นเวลา 14 วัน "
หากมีอาการที่สงสัย โทร 1422 DDC Hotline
แล้วก็เห็นตม. ใส่แค่หน้ากาก คนจีนก็เยอะไปรุมกันที่มุมขอเข้าเมืองแบบ 15 วัน เราก็เลี่ยงเดินมาที่ ตม. เพื่อรีบไปรีบกระเป๋า สนามบินเชียงใหม่เล็กๆนะ ถ้าเป็นสุวรรณภูมิจะเยอะขนาดไหน แต่การตรวจคงดีกว่า?
แล้วก็รอเอากระเป๋าได้มาก็เช็ดๆกระเป๋าของเรา จากนั้น ที่บ้านก็เอารถกระบะมารับ เราก็นั่งหลังรถกระบะ เข้าบ้านที่เคยปล่อยเช่าว่ามาหลายอาทิตย์แล้ว
ทางบ้านเตรียมของให้สำหรับแยกตัวเอง เราก็กักตัวไม่ออกจากบ้านตั้งแต่กลับมา วัดไข้ สำรวจตัวเองทุกวัน ว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ ไม่มีแรง ปวดเมื่อย หายใจหอบเหนื่อย หรือท้องเสีย รึเปล่ามาตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2020 ก็อยู่มาจนตอนนี้ เบื่อมากกก
ก็ดูข่าวตลอดหลังจากที่กลับมา มันมาไวมากนะ
https://www.sanook.com/news/8042686/
จริงๆเราคิดนะว่าการกลับมาครั้งนี้ดีจริงๆรึเปล่า คือ การเข้ามาไทยมันง่ายขนาดนี้เลยหร๋อ เทียบกันกับการเข้าออกของจีนคือ ช่างแตกต่างจากไทยมากเลย จริงๆ
รัฐบาลไทยต้องรอให้เป็นเหมือนจีนเลยหร๋อ
ควบคุมไม่ได้แล้วมาประกาศ
แม้แต่การรณรงค์ให้ตื่นตัวเรื่องโรคระบาด
การคัดกรองคนเข้าประเทศ ....
จะมีการจำกัดหรือกักตัวบ้างมั๊ย
จีนคือคอมมิวนิสต์นะรัฐสั่งหยุดคือหยุดหมด
คือแค่การโฆษณาการล้างมือใน ข่าวยังไม่ค่อยมีเลย
ประเทศโซนยุโรป มีมาตราการให้คนที่เดินทางออกจากจีน ออกมาก่อน 14 วันแล้วถึงไปโซนยุโรปได้ แล้วเค้าก็แห่กันมาไทย เพื่อพักตัว 14 วันก่อนไปยุโรป
ข่าวอัพเดตใหม่อีกจ๊าาา
คนที่มาจากจีนเพื่อมาเก็บตัวในไทย 14 วัน เพื่อเดินทางไปยุโรป....เค้าก็ไม่นับแล้วนะจ๊ะ เพราะเห็นว่าเข้าออกกันสบายเหลือเกิน
ตอนนี้เรายังรอในบ้านให้ครบ 2 อาทิตย์ แต่ไหนจะฝุ่น ไหนจะโรคอีก
เริ่มให้ที่บ้านซื้อของกักตุนไว้บ้างแล้ว เผื่อไว้ วันนี้ก็อยู่บ้านออกกำลังกายในบ้าน วิ่งขึ้นชั้นบน ชั้นล่าง วันจันทร์หน้าค่อยว่ากันใหม่ #ทำตัวเป็นนักสังเกตการณ์ไปวันๆ