เรื่องที่ 33 : Sonic the Hedgehog - เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี แต่แฟนเซก้าคงกริ๊ดลั่นโรงตั้งแต่ต้นจนจบ


ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าผมจะไฮป์ภาพยนตร์นี้ขนาดไหน ในฐานะแฟนโซนิคที่เล่นตั้งแต่เมก้าไดรฟ์ จนถึงเครื่องคอนโซลปัจจุบัน หลังจากที่รู้ว่าจะได้เอามาทำเป็นหนัง ผมก็ทำตื่นเต้น และสงสัยว่ามันจะออกมาดีหรือเปล่า เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเราคงทราบกันดีว่าหนังจากเกม ไม่พ้นแป้กแน่ ๆ ถ้าไม่ดีจริง เพราะหนังแต่ละเรื่องที่ออกมา ไม่ออกมาแย่สุด ก็คงพอใช้ได้ แต่คงไม่มีใครคิดแน่ ๆ ว่าหนังจากเกมจะปัง เพราะหนังเรื่องนี้สามารถทำได้แล้ว ด้วยคะแนนในเว็บมะเขือสด Rotten Tomatoes เป็นอันดับสามรองจากยอดนักสืบ พิคาชูและ แองกรี้เบิร์ด 2 ด้วยคะแนน 94% พร้อมกระแสชื่นชมอย่างล้นหลามจากทั่วโลก กวาดรายได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกไปได้สวยงามในขณะนี้

และในวันนี้เจ้าเม่นสายฟ้าก็ได้วิ่งมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องซีจีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาผมจะไม่ขอพูดถึงละนะ เพราะว่าเราคงเบื่อแล้วล่ะ เอาเป็นว่าซีจีที่เป็นอยู่คือเวอร์ชั่นใหม่ละกัน (อยากจะลบล้างเม่นที่สมจริงจนน่ากลัวแหล่ะ5555)

“โซนิค เดอะ เฮดจ์ฮ็อก สิ่งมีชีวิตประเภทเม่น เขาหลุดจากต่างโลกมาอยู่ที่โลกในกรีนฮิลล์ เมืองเล็ก ๆ ในรัฐมอนทาน่ามากว่าสิบปี แต่แล้วด้วยเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ชีวิตของเขาต้องมาพบกับ ทอม วาเคาว์สกี้ นายอำเภอหนุ่มรูปหล่อที่กำลังจะมีอนาคตการงานที่แสนสดใส แต่เมื่อดร.โรบอทนิกส์ นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐ ต้องการจะตามล่าตัวโซนิค ทั้งสองจึงต้องผนึกกำลังกันหาทางหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายที่จะครอบครองโลกของดร.โรบอทนิกส์ให้ได้ก่อนที่จะสายไป”

ถ้าคุณคาดหวังหนังที่มีเนื้อหายิ่งใหญ่ ซับซ้อนคุณอาจจะผิดหวัง เพราะหนังมีการเล่าเรื่องธรรมดามาก อาจจะมีเทคนิคการเล่าเรื่องในช่วงแรก ๆ ที่แปลกหน่อย แต่หนังกลับเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหล เพราะแค่ 5 นาทีแรกหนังก็เข้าสู่เรื่องทันที โดยที่ไม่ต้องปูอะไรมาก แต่ก็เข้าใจความเป็นตัวละครแต่ละตัวได้ดี ก่อนที่จะปาสถานการณ์สุดปั่นป่วนและวุ่นวายใส่อย่างรวดเร็วและเคลียร์ปมต่าง ๆ อย่างง่าย ๆ ซึ่งนี่อาจจะทำให้คนที่คาดหวังพล็อตแน่น ๆ อาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่เท่าที่ชมมาตลอดชั่วโมงครึ่งมันกลับเพียงพอแล้วที่จะเล่าทุกอย่างให้จบ เพราะถ้ามากกว่านั้น หนังคงไม่ออกมากลมกล่อมแบบนี้ หนังมีฉากแอ็คชั่นสุดตื่นตา ฉากฮาลั่นโรง ฉากซึ้งน้ำตาไหล และการแสดงออกของตัวละครที่น่าเอาใจตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นเพราะหนังรู้ตัวเองดีว่าต้องการจะเล่าอะไร มันจึงออกมาได้แบบเป็นธรรมชาติ และไม่มีอะไรมาทำให้อารมณ์สะดุด เรียกได้ว่าทำได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว

ขอขอบคุณทางทีมกราฟิควิชัวร์อย่าง MPC ที่ทุ่มเทกับงานกว่าห้าเดือนกว่าจะออกมาได้ แถมต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจในแคนาดาจนต้องปิดตัวสาขาแวนคูเวอร์ไป พวกคุณได้ทำให้โซนิคที่เรารักกลับคืนมา โซนิคในเรื่องนี้ให้ลืมโซนิคแบบเท่ ๆ ในเกมที่ผ่านมา เพราะมันมีพัฒนาการ มีมิติที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่เป็นฮีโร่เลยแบบที่เห็นในตัวอย่าง เราจะได้เห็นโซนิคในหลายมุมทั้งน่ารัก กวนทีน น่าสงสาร และเท่เป็นระดับ

ส่วน เจฟฟ์ โฟว์เลอร์ ผู้กำกับนั้นสามารถสะกัดองค์ประกอบจากเกมให้ออกมาเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังใส่กิมมิคแบบที่เกมทำ เช่น ฉากวิ่งที่มีสไตล์ ฉากการต่อสู้ที่อิงจากเกม เป็นต้น

ในขณะที่ฝั่งทีมนักแสดง คนอาจจะชมจิม แคร์รี่เยอะ ใช่ เพราะเขาคือคนที่ขโมยซีนหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง ออกมาทีไรอยากจะต่อยหน้าสักที แต่ไม่ใช่เดอะแบกของเรื่องแน่นอน เจมส์ มาร์สเดน ยังโชว์เสน่ห์ความเป็นผู้ชายอบอุ่นที่รักและหวังดีกับคนอื่นอย่างน่าสนใจ  แถมเคมีเข้ากับเจ้าโซนิคอีกตะหาก สาว ๆ น่าจะกริ๊ดกับคน ๆ นี้ ขนาดผมดู ผมยังแบบ แหม่ จะหล่อไปไหน

ในขณะที่ทิก้า ซัมพ์เตอร์ สาวผิวสีที่ในตัวอย่างแทบไม่บอกว่ามีบทบาทอะไร แต่ในหนังกลับเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ แถมคอยสนับสนุนตัวละครอื่น ๆ ไม่ได้มีอะไรน่ารำคาญเลย คนเขียนบททั้งสามอย่าง แพทริก เคซี จอร์ช มิลเลอร์ โอเรน ยูเซียล ก็สามารถตีความโซนิคในจอเงินให้ออกมาดีได้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกผมเป็นห่วงส่วนนี้มาก ๆ แต่พวกเขากลับทำให้พอใจได้เกินคาดจริง ๆ

สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมคือประเด็นของเรื่องที่หนังใส่เข้ามาอย่างพอดี ทั้งเรื่องของประเด็นของความโดดเดี่ยวที่ตัวละครต้องเผชิญ ซึ่งไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นฉากดัวกล่าว การมองหาเป้าหมายในชีวิต และที่ ๆ ตัวเองสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีใครต้องเดือดร้อน เรื่องของมิตรภาพที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มีร่วมกัน การเคารพในกันและกัน ไม่เบียดเบียนเหยียดหยามคนอื่น และในขณะเดียวกันก็ยังสอนเรื่องการใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ รู้จักการแก้ปัญหา และยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างงดงาม จนไปถึงไม่มีที่ไหนที่จะดีไปกว่า “ครอบครัว” ซึ่งดู ๆ แล้วก็นึกถึงหนังตระกูลฟาสต์ในช่วงหลัง ๆ เลยนะ 

นอกจากการผจญภัยสุดตื่นเต้นแล้ว หนังยังอัดแน่นด้วยวัตถุดิบของยุคเก่า ประมาณ ตั้งแต่ 70 ที่หยิบยกมาใส่อย่างมันส์มือ แต่ไม่ล้นจนเกินไป มีจิกกัดคู่แข่งตัวเองเบา ๆ ให้ขำเล่น (ลึก ๆ ก็เพื่อนกันแหละสองค่ายนี้) พูดถึงภาพยนตร์ นักแสดง หรือแม้แต่เพลงประกอบ (เอาเป็นว่าผมไม่อยากสปอยในส่วนนี้แม้มันจะไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ แต่อยากให้ไปดูกันเอง) รวมไปจนถึงการไทน์อินโฆษณาแบบเนียน ๆ ที่ใครหลายคนได้ดูคงสงสัยว่าได้เหรอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ยัดเยียดกับหนังมากเท่าไหร่

ในขณะที่ฝั่งของความเป็นเกม หนังก็ทำได้ดีมากในการหยอดอีสเตอร์เอ้ก ใครเป็นแฟนโซนิคจะต้องเห็นอะไรบางอย่างที่ว้าวมาก ๆ เพราะมันอาจจะเป็นฉากที่ผ่านตาเพียงแว้บเดียว แต่ถ้าคุณผ่านการเดินทางของโซนิคมากว่าสิบปี หนังเรื่องนี้คือจดหมายรักส่งถึงเราเหล่าแฟนโซนิคจริง ๆ แต่คนที่ไม่รู้จักก็ยังสามารถเพลิดเพลินไปกับอีสเตอร์เอ้กเหล่านี้ได้ แต่อย่างที่บอกคนที่เป็นแฟนโซนิค คงจะกริ๊ดเบา ๆ ในโรงแน่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เพลงประกอบของเรื่องที่ได้ Junkie XL มือแต่งเพลงสุดเจ๋งที่เคยฝากผลงานใน Deadpool และ Batman V Superman เมื่อต้องมาอยู่ในหนังที่มีโทนสดใสก็ช่วยขับอารมณ์ของหนังได้ถูกจังหวะทั้งตื่นเต้น สงบ อบอุ่น โศกเศร้า น่าสะพรึง แต่ที่น่ากริ๊ดคือ เพลงประกอบที่แซมเข้ามาประหนึ่งการ์เดี้ยนออฟกาแล็กซี่ตลอดทั้งเรื่อง เชื่อได้เลยว่าเพลงไหนออกฉากไหนผู้ชมจะต้องว้าว ไม่ก็ตะลึงมากแน่ ๆ เพราะมันมาถูกที่ถูกเวลาจริง ๆ ดูจบแล้วคงต้องหามาเป็นเพลย์ลิสต์ของตัวเองแน่นอน 

เพลงที่คัดมาล้วนดีงาม ผมจะลงลิสต์เพลงให้ไปหากันเอานะ ต้องบอกก่อนว่ามาจากเอนเครดิตที่ผมนั่งดูจนจบนะ โดยผมจะบอกว่าเพลงถูกใช้ในฉากอะไรบ้าง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มันจึงถือเป็นการแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์อย่างงดงามของเจ้าเม่นสายฟ้า โซนิค ที่ต้องฝ่าด่านตั้งแต่การทำซีจีใหม่ หลังโมเดลออกมาไม่ได้เสียงตอบรับที่ดี ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการเป็นหนังจากเกม แต่กลับกลายเป็นว่าความใส่ใจของทั้งผู้กำกับและทีมงาน นักแสดงที่เกี่ยวข้องได้แสดงให้เห็นแล้วว่า หนังจากเกม สามารถดีได้ หากรู้จักวิธีการเล่าเรื่อง และประยุกต์ใช้กับทรัพยากรของเกมให้ดีพอ แค่นี้ก็จะได้หนังจากเกมดี ๆ หนึ่งเรื่องแล้ว ผ

ในฐานะแฟนโซนิค ผมบอกเลยว่าดีใจจนน้ำตาไหล ที่มันออกมาดีเกินคาดขนาดนี้ ลบคำสบประมาทจากคนนับล้าน แต่ตอนนี้กวาดรายได้ไปกว่า 200 ล้านเหรียญทั่วโลกแล้ว ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าจะวิ่งไปได้ถึงกี่ล้าน ส่วนตัวผมคงมีต่อรอบสอง รอบสาม และไอจูนแน่ ๆ เพราะนี่คือหนังโปรดของผมในต้นปี 2020 เลย ต้องรีบวิ่งไปโรงแล้ว 

ปล. 265 ล้านทั่วโลกแล้ววววว
ปล. เสียงไทยพากย์ได้ดีมากทุกคน โดยเฉพาะโอม เปล่งขำที่ตีความโซนิคในยุคใหม่ได้โคตรดี เพราะฉะนั้นคุณจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ รีบไปที่โรงหนังใกล้บ้านเลยครับ
ปล. Mid Credit อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก

ในฐานะคนดูทั่วไป 8.5/10
ในฐานะแฟนโซนิค เอาไปเลย 10000000000000000000
หนังแห่งปี 2020 ของผมเลยยยยย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่