EA โชว์กำไรโค้งสุดท้าย 1,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% ดันปี 62 กำไรนิวไฮ 6,082 ลบ.

https://www.share2trade.com/index.php?mod=news&file=view&id=5740

EA ตอกย้ำความเป็นผู้นำพลังงานทางเลือก โชว์ผลงานไตรมาส 4 มีกำไรสุทธิสูงถึง 1,750 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 62 ทำกำไรสุทธิ 6,082 ล้านบาท จากผลสำเร็จในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม 260 เมกะวัตต์ และทยอย COD จนครบในไตรมาสที่ 2/62 บาท ปี 63 เริ่มมีรายได้จากธุรกิจ Bio-PCM, รถยนต์ไฟฟ้า MINE, เรือไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere 

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทางเลือก เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 4 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,148 ล้านบาท ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมกิจการ Amita Technologies Inc ไต้หวันที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1/61 จำนวน 895 ล้านบาท จะทำให้ปี 62 มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 49% โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 14,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 12,490 ล้านบาท และหากไม่นับกำไรทางบัญชี 895 ล้านบาท จะมีรายได้รวมจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 29% นับเป็นสถิติสูงที่สุด 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตมากขึ้น เนื่องจากฐานกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ ขนาด 260 เมกะวัตต์ ทำให้ในปี 62 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และลมรวมกัน 664 เมกะวัตต์จากปีก่อนอยู่ที่ 404 เมกะวัตต์ ด้วยการออกแบบทางวิศวกรรมและการเลือกใช้เทคโนโลยีกังหันลมที่เหมาะสม ทำให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งจากโครงการหนุมาน และโครงการหาดกังหันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นมา จากการส่งเสริมของภาครัฐในการกำหนดให้น้ำมัน B10 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศ ทำส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณการขายและราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ดีจากทริสเรทติ้งคือระดับ “A” รวมถึงการผ่านการรับรองมาตรฐานจาก Climate Bond Standard ส่งผลให้ในปี 62 บริษัทสามารถออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เพื่อจัดหาเงินทุนด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำมากเพื่อนำไปชำระค่าใช้จ่ายลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมานทั้งจำนวน เมื่อมีโครงสร้างทางการเงินและต้นทุนทางการเงินที่ดี ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการเดินหน้าตามแผนการลงทุนในโครงการใหม่ต่างๆ ต่อไป

“สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจปี 2563 นอกจากจะมีผลประกอบการเติบโตจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจไฟฟ้าทั้ง 664 เมกะวัตต์เต็มปีแล้ว ยังก้าวเข้าสู่การเติบโตรอบใหม่ ที่จะเริ่มเห็นผลประกอบการจากลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้เป็นต้นไป ทั้งจากผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ Bio-PCM นวัตกรรมที่เป็นลิขสิทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม, รถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1, เรือไฟฟ้าที่จะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา, และบริการอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เป็นต้น” นายอมรกล่าวในที่สุด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่