Airfly นั้นหลายๆคนน่าจะทราบข่าวกันดีและเคยเห็นๆมาบ้างสำหรับตัวแปลงรู 3.5 มม. บนเครื่องเป็นแบบไร้สาย และในครั้งนี้ได้ออกรุ่นใหม่มาที่จะรองรับการใช้งานกับพวก Airpods ได้สะดวกขึ้นและใช้งานชาร์จแบบ USB-C และสามารถรับ ส่งได้ในตัวเดียวครับ รวมถึงมีอายุแบตใช้งานนานพอสมควรเลยในตัว Airfly Pro ถ้าหากใครที่เดินทางบ่อยๆและแน่นอนว่า ดูหนังบนเครื่องบิน แต่อยากใช้งานหูฟังไร้สายของตัวเอง ทั้ง Airpods และอื่นๆนั้นตอบโจทย์แน่นอน ไม่ต้องมีสายเกะกะ ไม่ต้องใช้หูฟังเสียงแย่ๆบนเครื่อง และได้กำลังขับอะไรที่ดีกว่าเดิมด้วย สำหรับแอดเองก็เดินทางบ่อยต้องบอกว่าค่อนข้างคุ้มราคาพอสมควรถ้าได้ใช้งานกันครับ และแน่นอนว่า เอามาใช้กับ รู 3.5 ทั่วไปได้ด้วย ที่ไม่มี Bluetooth พวกนี้ครับ หรือ จะใช้เพื่อฟังเพลงกัน 2 คนเพราะมันรองรับ 2 หูฟังได้ด้วยดีมากๆ
AirflyPro นั้นเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในแบรนด์ Twelve South และมีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลกที่ Apple.com และ Apple Storesด้วยเช่นกันนะครับแต่ในไทยยังไม่มีขายนะครับต้องสั่งจากนอกเท่านั้นเลย ซึ่งในรุ่น Pro สามารถใช้หูฟังบลูทูธ เช่น AirPods และ หูฟังอื่นๆทั่วไป เพราะมันทำงานเป็น ตัวรับส่งสัญญาณ ระหว่างหูฟัง Bluetooth และเครื่องเล่นเพลง ที่ไม่มี Bluetooth ได้ เช่นใช้งาน บนเครื่องบิน และ ตามอุปกรณ์ต่างๆได้ครับเช่น ไปฟิตเนส หรือที่ไหนที่ มีแค่ 3.5 มม. แต่อยากฟังเพลง ดูทีวี แต่จะต้องใช้หูฟังที่มีพอร์ต 3.5mm แต่เรามีแค่หูฟัง Bluetooth ทำให้ไม่สามารถฟังได้ เพราะฉะนั้น AirFly จะเป็นตัวแปลงสัญญาณ Analog จาก 3.5mm และปล่อยสัญญาณบลูทูธ เพื่อให้สามารถฟังได้ และในรุ่นนี้รองรับถึง 2 หูฟังฟังเพลงพร้อมกัน และ สามารถเป็นตัวรับเพลงได้ด้วย ทำให้เราส่งเพลงไปยัง รถยนต์ ลำโพง หรือ ทุกอย่างที่มี AUX IN ได้ด้วยครับ ใช้ได้หลากหลายกว่าเดิมเยอะมาก
Airfly Pro นั้นจะต้องสั่งมาจากเมืองนอกและส่งมาไทยครับ ใช้วลาประมาณ 4-6 วันก็จะได้ของแล้ว ของแอดมินสั่งวันที่ 7 และได้ของวันที่ 13 ครับ มันมีติด ส-อ เลยนานหน่อย แต่ถ้าไม่ติดนั้นเคยมีคนสั่งได้ 3-4 วันก็ได้แล้วนั้นเองครับ ส่วนทางด้านราคานั้นสามารถดูได้ที่เว็บเลย และถ้ารวมค่าส่งนั้นน่าจะประมาณ 2,300 บาทครับสำหรับตัวนี้
UNBOX
เมื่อของมาส่งแอดมินเลือกขนส่งแบบ DHL ครับ ตัวกล่องมาในสภาพดีไม่แตกหักอะไร ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมาพร้อมใช้งานเลย มีถุงผ้าอะไรให้เรียบร้อยพร้อมกับสายชาร์จ และคู่มือครับ ส่วนตัว FlyPro นั้นมีห่วงคล้องมาให้
SPEC
- Dimensions: 57 x 25.5 x 11mm
- Weight: 15.6g
- อายุการใช้งาน 16 ชั่วโมง +
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สูงสุด 2 หูฟัง ในการใช้งาน
- ใช้งาน USB-C
- รองรับ RX-TX Mode ใช้งานทั้ง รับ และ ส่งสัญญาณได้
- รองรับใช้งานกับ 3.5 มม. ทุกแบบ ทั้ง ลำโพง ทีวี ลู่วิ่งตามยิม หรือ จะเป็นตัวรับ เช่น เสียบใช้งานบนรถยนต์ ส่งเพลงเข้ารถยนต์ ส่งเพลงเข้าลำโพง ส่งเพลงเข้าอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่รองรับ Bluetooth ได้เลย
DESIGN
ตัวงานออกแบบมาในแนวทางการออกแบบโทนสีขาวเรียบๆคล้ายกับแบรนด์ Apple จริงๆครับและมีความเรียบง่ายในการใช้งาน การใช้วัสดุต่างๆนั้นก็ให้ไปในแนวทางเดียวกับ ตัวอุปกรณ์นั้นมีปุ่ม 2 ปุ่มหลักๆครับ เป็นปุ่มเปิดปิด การใช้งาน การเชื่อมต่อ และด้านข้างเป็นปุ่มสำหรับ รีเซ็ต และ สลับสวิทช์ส่งออกหรือรับ และตัวหัวจะเป็น 3.5 มม. มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เกินไปและไม่เล็กเกินไปครับ ตัวสายสั้นๆเน้นเสียบใช้งานและห้อยอยู่แบบนั้นเลยไม่ต้องซ่อน
ด้านหน้าจะเป็นปุ่มหลักในการใช้งานครับ สำหรับเปิดปิด และ เชื่อมต่อต่างๆ และมีตัวไฟแจ้งเตือนสถานะของตัวเครื่องมาให้ด้วย แต่จะไม่มีปุ่มเช็คสถาะนะแบตอะไรมาให้เลยอันนี้แอบเสียดายมากๆและไม่มีระบบปิดเองเมื่อไม่ใช้งานครับ ส่วนตัววัสดุตัวสายอะไรนั้นจะคล้ายๆพวกอุปกรณ์ของ Apple เลยแบบเดียวกับเป๊ะๆครับ ส่วนด้านหลังไม่มีอะไรมากมีแค่ แบรนด์ชื่อรุ่น และ สเปคนิดหน่อย รวมถึงตัวปลอกนั้นจะเป็นแบถอดและแยกออกจากกันเลยระวังหายอยู่เหมือนกันแต่บางคนอาจจะไปห้อยกับพวงกุญแจอะไรแบบนั้นได้เลยครับ
ในด้านหลังจะเป็นพอร์ท USB-C และเป็นช่องสำหรับจ่ายไฟเข้าครับแน่นอนว่าสามารถใช้งานชาร์จไฟใช้งานไปได้ด้วย และมีสายมาให้ในตัวกล่อง ส่วนในด้านขวานั้นจะเห็นว่ามี สวิทช์ TX-RX สำหรับเปลี่ยนเป็นแบบ รับหรือส่ง TX ใช้งานสำหรับ ส่งสัญญาณเข้าหูฟัง เวลาไปตามเครื่องบิน ส่วน RX ใช้เป็นตัวรับเสียบเข้ารถยนต์ ลำโพงครับ ส่วนปุ่มกลมๆเล็กๆนั้นไว้สำหรับรีเซ็ทค่าหูฟังทั้งหมดที่เคยเชื่อมต่อ ครับกรณีอยากเปลี่ยนหูฟังหรือเชื่อมใหม่ทั้งหมด
FEATURE
ในส่วนของฟีเจอร์หลักๆนั้นอย่างที่แจ้งไปเลยครับคือ รองรับการใช้งาน ส่งเพลงไปยังเครื่องเล่น รถยนต์ได้ รองรับการใช้งาน ส่งออกเพลงจากเครื่องเล่นได้ รวมถึงใช้งานกับ Airpods พวกนี้ได้สบายๆแค่กดเชื่อมต่อง่ายๆครับ และใช้งานบนเครื่องได้สบายๆพร้อมอายุแบตอย่างยาวนานมากๆ และแน่นอนว่ารองรับหูฟัง 2 ชุดได้สำหรับดูหนังกับคนอื่นได้ครับ เป็นตัวเสริมในการใช้งานได้ดีเลยทีเดียว และในรุ่นนี้ก็ใช้งาน USB-C ด้วยครับทำให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้ดีเลยแหละ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นจะมีปุ่มเดียว จะมีการใช้งานหลักๆประมาณนี้
- กดปุ่มค้างไว้ 5 วิ เปิด หรือ ปิด ตัวอุปกรณ์
- กดปุ่มค้างไว้ 4 วิสำหรับการเชื่อมต่อหูฟัง
- กดปุ่ม 2 ครั้งสำหรับเชื่อมต่อ หูฟังตัวที่ 2
สถานะไฟแจ้งเตือน
- ไฟสีขาวกระพริบ 2 ครั้ง คือเปิด
- ไฟสีส้ม ขาว สลับกัน โหมดเชื่อมต่อ
- สีขาวกระพริบ 2 ครั้งทุกๆ 5 วิ ไม่มีการเชื่อมต่อ
- สีส้มกระพริบ 3 ครั้ง แบตอ่อน
- สีส้มติดค้าง ชาร์จไฟเข้า
- สีส้มหายคือชาร์จเต็ม
ฟังเพลง ดูหนังบนเครื่องแบบไร้สาย !
แน่นอนว่าการใช้งานหลักๆนั้นจะเน้นไปที่บนเครื่องบินเลยแหละครับในการออกแบบของตัวนี้ และในแง่ของการเชื่อมต่อหูฟังต่างๆ เมื่อใช้งานในโหมดส่งออกเพลงมาหูฟังหรือ TX ครับผม โดยใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุม และไม่ยากครับ แค่ไม่กี่ขั้นตอนเลยก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้แล้ว และถ้าของ airpods ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที
- จากนั้น เปิดหูฟัง และกดเชื่อมต่อ BT บนตัวหูฟัง แค่นั้นมันจะทำการเชื่อมให้เลย
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ
Apple Airpods
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที
- จากนั้น เปิดฝาหูฟัง และกดปุ่มข้างหลังตัวเครื่องค้างไว้ จกเชื่อมเสร็จจะติดไฟสีเขียวบนเคส
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ บนตัว Airfly Pro
ในการใช้งานจริงๆกันเลยคือต้องบอกว่าที่ชอบคือเสียงมันดีขึ้นกว่าเสียบตรงๆเพราะตัวนี้มันเหมือนมีตัวdac เข้ามาช่วยแน่นอนครับว่าเหมือนพวกหางแปลงทั่วไป ทำให้กำลังขับเสียงอะไรมันดังสะใจและมีมิติมากกว่าเดิมด้วยครับอันนี้ที่ลองเทียบกัน และการใช้งานค่อนข้างง่ายมากถ้าเราเชื่อมไว้แล้วทุกครั้งที่เอามาใช้งานก็แค่เสียบและเปิดแค่นั้นไม่ต้องมาเชื่อมใหม่เลย อีกทั้งเรื่องของอายุแบตนั้นใช้งานได้ยาวนานมากๆจริง 15 ชั่วโมงขึ้นไปก็ไหว แต่ถ้าหมดนั้นก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากเพราะรองรับชาร์จและใช้งานพร้อมกันได้เลยครับสามารถเสียบไปใช้งานไปได้เลย ไม่ขาดตอน และในเรื่องของการออกแบบอะไรพกพาได้ง่ายและเสียบไว้ตรงนั้นได้เลยแต่มันอาจจะห้อยๆเกะกะนิดหน่อยและต้องระวังว่าอย่าลืมเอาออกตอนลงเครื่องครับ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ตอยโจทย์ชีวิตไร้สายในยุคนี้สะดวกมากจริงๆ แต่มีขอบ่นหน่อยจากประสบการณ์เลยคือ ไม่มีตัวสถานะแบตบอกว่าเท่าไรแล้ว ครึ่งนึงหรือเต็มอะไรแบบนั้นมีแค่เตือนตอนจะหมดเท่านั้นเอง และไม่มีระบบปิดเองเมื่อไม่ได้ใช้งานครับทำให้บางที อาจจะเผลอเปิดทิ้งไว้ได้และเปลืองแบตนั้นเอง
ส่งเพลงไป เครื่องเสียงบนรถยนต์ได้ !
ในการใช้งานจริงๆนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะรุ่นนี้จะเป็นรุ่นเดียวที่รองรับการส่งเสียงเพลงเข้าสู่รถยนต์ได้ครับหรือจะเป็นลำโพงอะไรทั้งหลายที่มี AUX IN และเราอยากใช้งานแบบไร้สาย ก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่ทำได้หลากหลายแบบนี้ครับ และเชื่อมต่อได้ง่าย และ กำลังขับเสียงต่างๆนั้นทำได้ดีกว่าต่อแบบทั่วไป หรือแบบสายไปอีกเพราะมี DAC เสริมเข้ามาในการแปลงทำให้ในระดับเสียงเดียวกับมันดีกว่าเชื่อมต่อปกติ หรือ แบบสายได้แบบชัดเจนลยครับในตัวนี้
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที สลับไปใช้ RX
- จากนั้น เสียบเข้าที่ตัว AUX IN
- ดูที่มือถือเชื่อมต่อในชื่อ AIRFLY PRO
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ และพร้อมใช้งาน
ในการใช้งานบนรถนั้นจริงๆอาจจะไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักแต่ก็มีความยืดหยุ่นในการใช้งานเผื่อใครที่รถยนต์นั้นไม่รองรับระบบไร้สายก็สามารถใช้งานได้เลยสบายๆเสียบชาร์จไว้และใช้ไปได้หรือจะใช้ทั้งวันก็เหลือๆ 15 ชั่วโมงครับ แต่อย่าลืมปิดแค่นั้นตอนดับเครื่อง ส่วนในการเชื่อมต่อก็เหมือนเชื่อมต่อปกติแค่หาชื่อเชื่อมต่อได้เลยครับ ฟังเพลงได้สบายๆครับ แต่ถ้าใช้ในรถอาจจะมีเกะกะนิดหน่อยสำหรับใครที่เสียบหน้า font ครับแต่ในภาพรวมนั้นถือว่าคุณภาพเสียง การใช้งาน ดีไซน์ วัสดุในภาพรวมถือว่าสมราคาและคุ้มค่าอยู่พอสมควรเลยแหละครับในตัว Airfly Pro ตัวนี้
[CR] รีวิว AirFly Pro ดูหนังบนเครื่องบินแบบไร้สาย รวมถึง ส่งเพลงเข้ารถยนต์ได้ !
Airfly นั้นหลายๆคนน่าจะทราบข่าวกันดีและเคยเห็นๆมาบ้างสำหรับตัวแปลงรู 3.5 มม. บนเครื่องเป็นแบบไร้สาย และในครั้งนี้ได้ออกรุ่นใหม่มาที่จะรองรับการใช้งานกับพวก Airpods ได้สะดวกขึ้นและใช้งานชาร์จแบบ USB-C และสามารถรับ ส่งได้ในตัวเดียวครับ รวมถึงมีอายุแบตใช้งานนานพอสมควรเลยในตัว Airfly Pro ถ้าหากใครที่เดินทางบ่อยๆและแน่นอนว่า ดูหนังบนเครื่องบิน แต่อยากใช้งานหูฟังไร้สายของตัวเอง ทั้ง Airpods และอื่นๆนั้นตอบโจทย์แน่นอน ไม่ต้องมีสายเกะกะ ไม่ต้องใช้หูฟังเสียงแย่ๆบนเครื่อง และได้กำลังขับอะไรที่ดีกว่าเดิมด้วย สำหรับแอดเองก็เดินทางบ่อยต้องบอกว่าค่อนข้างคุ้มราคาพอสมควรถ้าได้ใช้งานกันครับ และแน่นอนว่า เอามาใช้กับ รู 3.5 ทั่วไปได้ด้วย ที่ไม่มี Bluetooth พวกนี้ครับ หรือ จะใช้เพื่อฟังเพลงกัน 2 คนเพราะมันรองรับ 2 หูฟังได้ด้วยดีมากๆ
AirflyPro นั้นเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในแบรนด์ Twelve South และมีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลกที่ Apple.com และ Apple Storesด้วยเช่นกันนะครับแต่ในไทยยังไม่มีขายนะครับต้องสั่งจากนอกเท่านั้นเลย ซึ่งในรุ่น Pro สามารถใช้หูฟังบลูทูธ เช่น AirPods และ หูฟังอื่นๆทั่วไป เพราะมันทำงานเป็น ตัวรับส่งสัญญาณ ระหว่างหูฟัง Bluetooth และเครื่องเล่นเพลง ที่ไม่มี Bluetooth ได้ เช่นใช้งาน บนเครื่องบิน และ ตามอุปกรณ์ต่างๆได้ครับเช่น ไปฟิตเนส หรือที่ไหนที่ มีแค่ 3.5 มม. แต่อยากฟังเพลง ดูทีวี แต่จะต้องใช้หูฟังที่มีพอร์ต 3.5mm แต่เรามีแค่หูฟัง Bluetooth ทำให้ไม่สามารถฟังได้ เพราะฉะนั้น AirFly จะเป็นตัวแปลงสัญญาณ Analog จาก 3.5mm และปล่อยสัญญาณบลูทูธ เพื่อให้สามารถฟังได้ และในรุ่นนี้รองรับถึง 2 หูฟังฟังเพลงพร้อมกัน และ สามารถเป็นตัวรับเพลงได้ด้วย ทำให้เราส่งเพลงไปยัง รถยนต์ ลำโพง หรือ ทุกอย่างที่มี AUX IN ได้ด้วยครับ ใช้ได้หลากหลายกว่าเดิมเยอะมาก
Airfly Pro นั้นจะต้องสั่งมาจากเมืองนอกและส่งมาไทยครับ ใช้วลาประมาณ 4-6 วันก็จะได้ของแล้ว ของแอดมินสั่งวันที่ 7 และได้ของวันที่ 13 ครับ มันมีติด ส-อ เลยนานหน่อย แต่ถ้าไม่ติดนั้นเคยมีคนสั่งได้ 3-4 วันก็ได้แล้วนั้นเองครับ ส่วนทางด้านราคานั้นสามารถดูได้ที่เว็บเลย และถ้ารวมค่าส่งนั้นน่าจะประมาณ 2,300 บาทครับสำหรับตัวนี้
UNBOX
เมื่อของมาส่งแอดมินเลือกขนส่งแบบ DHL ครับ ตัวกล่องมาในสภาพดีไม่แตกหักอะไร ส่วนอุปกรณ์ในกล่องนั้นมาพร้อมใช้งานเลย มีถุงผ้าอะไรให้เรียบร้อยพร้อมกับสายชาร์จ และคู่มือครับ ส่วนตัว FlyPro นั้นมีห่วงคล้องมาให้
SPEC
- Dimensions: 57 x 25.5 x 11mm
- Weight: 15.6g
- อายุการใช้งาน 16 ชั่วโมง +
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สูงสุด 2 หูฟัง ในการใช้งาน
- ใช้งาน USB-C
- รองรับ RX-TX Mode ใช้งานทั้ง รับ และ ส่งสัญญาณได้
- รองรับใช้งานกับ 3.5 มม. ทุกแบบ ทั้ง ลำโพง ทีวี ลู่วิ่งตามยิม หรือ จะเป็นตัวรับ เช่น เสียบใช้งานบนรถยนต์ ส่งเพลงเข้ารถยนต์ ส่งเพลงเข้าลำโพง ส่งเพลงเข้าอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่รองรับ Bluetooth ได้เลย
DESIGN
ตัวงานออกแบบมาในแนวทางการออกแบบโทนสีขาวเรียบๆคล้ายกับแบรนด์ Apple จริงๆครับและมีความเรียบง่ายในการใช้งาน การใช้วัสดุต่างๆนั้นก็ให้ไปในแนวทางเดียวกับ ตัวอุปกรณ์นั้นมีปุ่ม 2 ปุ่มหลักๆครับ เป็นปุ่มเปิดปิด การใช้งาน การเชื่อมต่อ และด้านข้างเป็นปุ่มสำหรับ รีเซ็ต และ สลับสวิทช์ส่งออกหรือรับ และตัวหัวจะเป็น 3.5 มม. มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่เกินไปและไม่เล็กเกินไปครับ ตัวสายสั้นๆเน้นเสียบใช้งานและห้อยอยู่แบบนั้นเลยไม่ต้องซ่อน
ด้านหน้าจะเป็นปุ่มหลักในการใช้งานครับ สำหรับเปิดปิด และ เชื่อมต่อต่างๆ และมีตัวไฟแจ้งเตือนสถานะของตัวเครื่องมาให้ด้วย แต่จะไม่มีปุ่มเช็คสถาะนะแบตอะไรมาให้เลยอันนี้แอบเสียดายมากๆและไม่มีระบบปิดเองเมื่อไม่ใช้งานครับ ส่วนตัววัสดุตัวสายอะไรนั้นจะคล้ายๆพวกอุปกรณ์ของ Apple เลยแบบเดียวกับเป๊ะๆครับ ส่วนด้านหลังไม่มีอะไรมากมีแค่ แบรนด์ชื่อรุ่น และ สเปคนิดหน่อย รวมถึงตัวปลอกนั้นจะเป็นแบถอดและแยกออกจากกันเลยระวังหายอยู่เหมือนกันแต่บางคนอาจจะไปห้อยกับพวงกุญแจอะไรแบบนั้นได้เลยครับ
ในด้านหลังจะเป็นพอร์ท USB-C และเป็นช่องสำหรับจ่ายไฟเข้าครับแน่นอนว่าสามารถใช้งานชาร์จไฟใช้งานไปได้ด้วย และมีสายมาให้ในตัวกล่อง ส่วนในด้านขวานั้นจะเห็นว่ามี สวิทช์ TX-RX สำหรับเปลี่ยนเป็นแบบ รับหรือส่ง TX ใช้งานสำหรับ ส่งสัญญาณเข้าหูฟัง เวลาไปตามเครื่องบิน ส่วน RX ใช้เป็นตัวรับเสียบเข้ารถยนต์ ลำโพงครับ ส่วนปุ่มกลมๆเล็กๆนั้นไว้สำหรับรีเซ็ทค่าหูฟังทั้งหมดที่เคยเชื่อมต่อ ครับกรณีอยากเปลี่ยนหูฟังหรือเชื่อมใหม่ทั้งหมด
FEATURE
ในส่วนของฟีเจอร์หลักๆนั้นอย่างที่แจ้งไปเลยครับคือ รองรับการใช้งาน ส่งเพลงไปยังเครื่องเล่น รถยนต์ได้ รองรับการใช้งาน ส่งออกเพลงจากเครื่องเล่นได้ รวมถึงใช้งานกับ Airpods พวกนี้ได้สบายๆแค่กดเชื่อมต่อง่ายๆครับ และใช้งานบนเครื่องได้สบายๆพร้อมอายุแบตอย่างยาวนานมากๆ และแน่นอนว่ารองรับหูฟัง 2 ชุดได้สำหรับดูหนังกับคนอื่นได้ครับ เป็นตัวเสริมในการใช้งานได้ดีเลยทีเดียว และในรุ่นนี้ก็ใช้งาน USB-C ด้วยครับทำให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้ดีเลยแหละ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นจะมีปุ่มเดียว จะมีการใช้งานหลักๆประมาณนี้
- กดปุ่มค้างไว้ 5 วิ เปิด หรือ ปิด ตัวอุปกรณ์
- กดปุ่มค้างไว้ 4 วิสำหรับการเชื่อมต่อหูฟัง
- กดปุ่ม 2 ครั้งสำหรับเชื่อมต่อ หูฟังตัวที่ 2
สถานะไฟแจ้งเตือน
- ไฟสีขาวกระพริบ 2 ครั้ง คือเปิด
- ไฟสีส้ม ขาว สลับกัน โหมดเชื่อมต่อ
- สีขาวกระพริบ 2 ครั้งทุกๆ 5 วิ ไม่มีการเชื่อมต่อ
- สีส้มกระพริบ 3 ครั้ง แบตอ่อน
- สีส้มติดค้าง ชาร์จไฟเข้า
- สีส้มหายคือชาร์จเต็ม
ฟังเพลง ดูหนังบนเครื่องแบบไร้สาย !
แน่นอนว่าการใช้งานหลักๆนั้นจะเน้นไปที่บนเครื่องบินเลยแหละครับในการออกแบบของตัวนี้ และในแง่ของการเชื่อมต่อหูฟังต่างๆ เมื่อใช้งานในโหมดส่งออกเพลงมาหูฟังหรือ TX ครับผม โดยใช้งานได้ค่อนข้างครอบคลุม และไม่ยากครับ แค่ไม่กี่ขั้นตอนเลยก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้แล้ว และถ้าของ airpods ก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที
- จากนั้น เปิดหูฟัง และกดเชื่อมต่อ BT บนตัวหูฟัง แค่นั้นมันจะทำการเชื่อมให้เลย
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ
Apple Airpods
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที
- จากนั้น เปิดฝาหูฟัง และกดปุ่มข้างหลังตัวเครื่องค้างไว้ จกเชื่อมเสร็จจะติดไฟสีเขียวบนเคส
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ บนตัว Airfly Pro
ในการใช้งานจริงๆกันเลยคือต้องบอกว่าที่ชอบคือเสียงมันดีขึ้นกว่าเสียบตรงๆเพราะตัวนี้มันเหมือนมีตัวdac เข้ามาช่วยแน่นอนครับว่าเหมือนพวกหางแปลงทั่วไป ทำให้กำลังขับเสียงอะไรมันดังสะใจและมีมิติมากกว่าเดิมด้วยครับอันนี้ที่ลองเทียบกัน และการใช้งานค่อนข้างง่ายมากถ้าเราเชื่อมไว้แล้วทุกครั้งที่เอามาใช้งานก็แค่เสียบและเปิดแค่นั้นไม่ต้องมาเชื่อมใหม่เลย อีกทั้งเรื่องของอายุแบตนั้นใช้งานได้ยาวนานมากๆจริง 15 ชั่วโมงขึ้นไปก็ไหว แต่ถ้าหมดนั้นก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากเพราะรองรับชาร์จและใช้งานพร้อมกันได้เลยครับสามารถเสียบไปใช้งานไปได้เลย ไม่ขาดตอน และในเรื่องของการออกแบบอะไรพกพาได้ง่ายและเสียบไว้ตรงนั้นได้เลยแต่มันอาจจะห้อยๆเกะกะนิดหน่อยและต้องระวังว่าอย่าลืมเอาออกตอนลงเครื่องครับ ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ตอยโจทย์ชีวิตไร้สายในยุคนี้สะดวกมากจริงๆ แต่มีขอบ่นหน่อยจากประสบการณ์เลยคือ ไม่มีตัวสถานะแบตบอกว่าเท่าไรแล้ว ครึ่งนึงหรือเต็มอะไรแบบนั้นมีแค่เตือนตอนจะหมดเท่านั้นเอง และไม่มีระบบปิดเองเมื่อไม่ได้ใช้งานครับทำให้บางที อาจจะเผลอเปิดทิ้งไว้ได้และเปลืองแบตนั้นเอง
ส่งเพลงไป เครื่องเสียงบนรถยนต์ได้ !
ในการใช้งานจริงๆนั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะรุ่นนี้จะเป็นรุ่นเดียวที่รองรับการส่งเสียงเพลงเข้าสู่รถยนต์ได้ครับหรือจะเป็นลำโพงอะไรทั้งหลายที่มี AUX IN และเราอยากใช้งานแบบไร้สาย ก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่ทำได้หลากหลายแบบนี้ครับ และเชื่อมต่อได้ง่าย และ กำลังขับเสียงต่างๆนั้นทำได้ดีกว่าต่อแบบทั่วไป หรือแบบสายไปอีกเพราะมี DAC เสริมเข้ามาในการแปลงทำให้ในระดับเสียงเดียวกับมันดีกว่าเชื่อมต่อปกติ หรือ แบบสายได้แบบชัดเจนลยครับในตัวนี้
- เปิดเครื่อง Airfly กด ค้างไว้ 4 วินาที สลับไปใช้ RX
- จากนั้น เสียบเข้าที่ตัว AUX IN
- ดูที่มือถือเชื่อมต่อในชื่อ AIRFLY PRO
- เมื่อเชื่อมเรียบร้อยไฟสีขาวจะกระพริบ และพร้อมใช้งาน
ในการใช้งานบนรถนั้นจริงๆอาจจะไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักแต่ก็มีความยืดหยุ่นในการใช้งานเผื่อใครที่รถยนต์นั้นไม่รองรับระบบไร้สายก็สามารถใช้งานได้เลยสบายๆเสียบชาร์จไว้และใช้ไปได้หรือจะใช้ทั้งวันก็เหลือๆ 15 ชั่วโมงครับ แต่อย่าลืมปิดแค่นั้นตอนดับเครื่อง ส่วนในการเชื่อมต่อก็เหมือนเชื่อมต่อปกติแค่หาชื่อเชื่อมต่อได้เลยครับ ฟังเพลงได้สบายๆครับ แต่ถ้าใช้ในรถอาจจะมีเกะกะนิดหน่อยสำหรับใครที่เสียบหน้า font ครับแต่ในภาพรวมนั้นถือว่าคุณภาพเสียง การใช้งาน ดีไซน์ วัสดุในภาพรวมถือว่าสมราคาและคุ้มค่าอยู่พอสมควรเลยแหละครับในตัว Airfly Pro ตัวนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้