ประสบการณ์หนีออกจากบ้าน

เราอายุ 23 ปี เรียนจบปริญญาตรีมา 1 ปีแล้ว ทำงานแต่ก็โดนครอบครัวบังคับให้ลาออกเพื่อมาเรียนต่อ ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากเรียน เรามีภาวะเป็นโรคซึมเศร้า เคยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าครอบครัวจะช่วยให้โรคนี้หายไปเอง แต่พอเราเอามาเล่าให้แม่เราฟัง แม่เราบอกว่าโรคไร้สาระ ถ้าอ่อนแอขนาดนั้นก็ตายไปซะเถอะ คนอื่นเขาเครียดไม่เห็นจะตาย พ่อกับแม่เครียดไม่เห็นจะตาย เราอยู่กับครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เรายังเด็ก เข้าใจว่าแม่เลี้ยงมา ส่งเราเรียน แต่เขาไม่ถนอมภาวะจิตใจเราเลย จนเราอายุขนาดนี้แล้ว เขายังจะให้เราอยู่ในกรอบ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ จนครั้งนึงเราคลั่งมากจนเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่แฟนของเรามาช่วยไว้ แม่เราก็ยังมาหาว่าเราแสดงละคร เรากำลังคิดว่า ถ้าทนต่อไปแบบนี้ เราอาจจะตายเข้าสักวันหรือเปล่า ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ทำสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราอยากทำ เพราะเขาไม่ให้เราทำ เขาจะให้เราเรียน ทำงาน ทำงาน ทำงาน อยู่อย่างนี้ ที่มีแฟนก็โดนกีดกันค่ะ แต่ถ้าเราไม่ได้แฟนคอยพูดคอยปลอบให้มีสติ ก็แย่เหมือนกันค่ะ เลยคิดว่าอยากจะหนีไปอยู่กับตัวเอง สร้างเนื้อสร้างตัว เพราะเคยมีประสบการณ์อยู่คนเดียว มีประสบการณ์ทำงาน ขายของ เลี้ยงตัวเอง เคยทำมาทุกอย่างค่ะ เราเข้าใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ที่บอกว่าบ้านคือนรกนะคะ เพราะเราอยู่แล้วไม่มีความสุข อยู่แล้วร้องไห้ทุกวัน ที่บ้านมีแต่ทัศนคติลบๆ ไม่มีใครคิดบวกเลยค่ะ ทำให้ภาวะจิตใจเราแย่ยิ่งไปอีก 

เราเลยอยากถามว่าเราจะผิดมากมั้ย ถ้าอยากหนีไปอยู่คนเดียว แต่ไม่คิดจะทิ้งพวกเขานะคะ จะแอบส่งเงินให้ทุกๆเดือน ไม่ได้ทิ้งออกมาเลย เพราะงานที่ทำฐานเงินเดือนสูงอยู่พอประมาณ เราเป็นคนประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย มีเงินเก็บค่ะ เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น เพราะภาวะจิตใจเราตอนนี้คือแย่มาก เครียดจนประจำเดือนไม่มา พอดาวน์มากๆก็คิดจะฆ่าตัวตาย ต้องเก็บของมีคมออกไปจากห้องให้หมด 

อย่าพูดว่าให้คุยกับพวกเขาดีๆให้พวกเขาเข้าใจนะคะ เพราะเราคุยจนไม่รู้จะคุยยังไงแล้ว พวกเขาก็ยังคงมองว่าเราไร้สาระ เรียกร้องความสนใจอยู่ค่ะ จนกินเวลามา 5-6 ปี นับตั้งแต่เราเริ่มสอบเข้ามหาลัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่