“ภูกระดึง” โหดต่อขา ดีต่อใจ เย็นสุดขั้วมากกว่าการพิชิตยอดเขา คือการพิชิตใจเราเอง....

[CR] “ภูกระดึง” โหดต่อขา ดีต่อใจ เย็นสุดขั้วมากกว่าการพิชิตยอดเขา คือการพิชิตใจเราเอง....

กระทู้รีวิว

ภูกระดึง เดินป่า

⛺️ เพราะการเดินทาง...เป็นเหมือนความสุข 🏕

ลมหนาวยังไม่ได้หมดไปอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะหนาวขนาดนั้น

กลับไปอีกครั้งก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

อยากเดินป่าเดินเขาแบบสุดโหดก็มาสิ “ภูกระดึง”

เปิดใจก่อนอย่าพึ่งปิดใจ เที่ยวหน้าหนาว แบบได้ฟีลแอดเวนเจอร์เบาๆ

ก็แค่ลาพักผ่อนไปตอนกลับก็ลาป่วยซะงั้น

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายน ของทุกปีเช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน

ขอเล่าก่อนเลยว่า...ก่อนมาก็เช็ดอุณหภูมิกันแล้วว่าคงอยู่ 22 -25 องศา ก็คิดว่าคงอยู่ได้ ก็ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวไปมากเท่าไร (หรือเรียกว่าไม่เอาไปเลยดีกว่า) วันแรกที่ลงรถที่ผานกเค้าก็เจอเลยจ้าาา อุณหภูมิ 17-18 องศา กับอุณหภูมิข้างบนที่เจอมา 11 องศา

การเดินทางโดย รถทัวร์ของบริษัทซันบัส
(สามารถจองในเว็บได้เลย หรือไปจองที่หน้าตู้ช่อง 3 หมอชิต)
กล้องที่ใช้ถ่าย “ I PHONE 7 PLUS”
สิ่งที่ต้องเตรียม
-ยาคลายกล้ามเนื้อ/พลาสเตอร์/ยานวด
-ไฟฉาย
-รองเท้าแตะ

การเดินทาง
เดินทางไป (30 มกราคม 2563: รอบ 20.00 – 03.00 น. : หมอชิต - ผานกเค้า)
เดินทางกลับ (2 กุมภาพันธ์ 2563: รอบ 20.00 – 04.00 น. : ผานกเค้า - หมอชิต)

ก่อนจะเดินทางมา #ภูกระดึงครั้งที่2 ใช่! ครั้งที่ 2 ของเรา แต่ครั้งแรกของคู่หูเรา ไปกัน 2 คน นั่งรถทัวร์ที่นานๆ นอนเต้นท์ที่หนาวๆ เดินป่าเดินเขาหลายกิโล การจองรถทัวร์เราได้คิดอยู่ว่าจะจองของบริษัทไหนดีระหว่างแอร์เมืองเลย กับ ซันบัส เราจองผ่านออนไลน์ ล่วงหน้าก่อนเดินทางประมานสองสัปดาห์ เราหาข้อมูลหลายเว็บ ปกติเราจะนั่งของซันบัสนะถ้ามาจังหวัดเลย รถก็สะอาดและพนักงานก็บริการดี ตั๋วอยู่ที่ประมาณ 600 กว่าๆ แต่แอร์เมืองเลยประมาณ 400~500 บาท เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดเราก็เลยจองของบริษัทซันบัส ไปกลับรวมประกันโน้นนี้ระหว่างเดินทางก็คนละประมาณ ~ 1,416 บาท มาขึ้นรถที่หมอชิต ไปลงผานกเค้า เดินทางวันที่ 30 มกราคม 2563

สวัสดี~ -/\- อันยอง หนีห่าว ฮัลโหล อยู่ขนส่งหมอชิตเองนะแกร~ ทำไม จนท. ทักทายเราสองคนหลายภาษาที่แตกต่างกันออกไป I’m thai na u 😆 .... ตอนนี้ 18.00 น. แล้วอยู่หมอชิตทำการไปเอาตั๋วที่ตู้ซันบัสชั้น 3 รอเวลา 20.00 น. ไปขึ้นรถทางช่องหมายเลข 28 อยากบอกว่า....เวลา 20.00 น. รถบัสออกตรงเวลามากจ้าาาา see u Phukradueng naja 😴😴😴 Good night 💤 ...

ประมาณตีสามกว่าๆรถบัสก็มาจอดที่ร้านเก็บตะวัน จุดลงรถผานกเค้า 03.00 น. อุณหภูมิ 18 องศา คนที่อยู่ตรงร้านก็บอกเราว่า...เรามาถึงเร็วกัน ปกติต้องให้ถึงตีสี่ ต้องขึ้นรถรอบสี่ทุ่ม เศร้าเลยจ้า แต่ความมาเร็วก็ทำให้เรามีเวลามากกว่าคนอื่น ได้เปลี่ยนชุดทำธุระส่วนตัวเรื่อยๆไม่ต้องรีบ เพราะจะมีรถสองแถวไปตรงอุทยานรอบแรกตีห้า ตอนนี้!!! ลุ้นมากจะมีคนหารค่ารถสองแถวกับเรามั้ย.... เวลา 04.49 น. อุณหภูมิ 17 องศา เค้าบอกว่าวันนี้เริ่มหนาว แต่!! คือ ไม่ได้เตรียมชุดหรืออะไรที่กันหนาวเลยงัยแกรรรร เวลา 05.00 น. พร้อมขึ้นรถสองแถว มีคนให้หารค่าสองแถวอยู่ เหมาไป 300 บาท ตกคนละ 40 บาท นั่งรถไปที่อุทยาน 20 นาที เวลา 05.20 น. มาถึงแย้ว~ ต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานด้วยนะคนละ 40 บาท พอมาถึงก็ไปหาไรกินก่อนเบาๆ รอเวลาตอนเจ็ดโมง มีร้านข้าวข้างในให้กิน และเปิดอยู่นะไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอะไรให้กิน

ผู้ร่วมทางในการพิชิตภูกระดึงครั้งนี้ โดนการต่างคนต่างหลอกล่อให้มา ......

ช่วงเจ็ดโมงก็จะมีเจ้าหน้าที่มาประจำตามจุด จุดที่ 1 ขายบัตรประกันราคา 10 บาท/คน พร้อมมีแผนที่ขาย 10 บาท จุดที่ 2 จะเป็นบริการจ่ายค่าจุดบริการกางเต้นท์มีทั้งแบบที่มาจองตอนนั้น และออนไลน์ จุดที่ 3 จุดบริการลงชื่อเข้าอุทยาน จุดที่ 4 จุดบริการขนสัมภาระขึ้นภูกระดึง เพราะคาดว่า เราคงไม่สามารถแบกกระเป๋าขึ้นไปบนภูกระดึงพร้อมเดินเท้าไปด้วยได้แน่ งานนี้ขอพึ่งคุณพี่ลูกหาบแล้วกันนะกิโลละ 30 บาท ของเราก็แค่ 6 โล เบาๆ 180 บาท

07.25 จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางขึ้นภูกระดึงแล้วค่ะ! สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำขวดเล็กๆ สำหรับจิบระหว่างทาง แสงแดดเริ่มส่องลอดใบไม้ลงมา อากาศเริ่มเย็นน้อยลง เราก็ถอดเสื้อกันหนาว แล้วเดินได้ปกติ ไปกันจ้า ขึ้นเขา 5 กิโลเมตร บวกทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร

(โห...ไหวไหมเนี่ย)