ก่อนที่จะไปดูข้อมูลเอกสารของแมนซิตี้ ที่ไปลองหาข้อมูลมานะครับ ผิดถูกทักท้วงได้นะครับ
มันไม่ได้ผิดในเชิงการทำธุรกิจครับสำหรับการปั้นรายได้ เพราะมันเป็นสิทธิของนักธุรกิจอยู่แล้ว แต่มันผิดในเชิงกฏของยูฟ่า เพราะมันทำให้สโมสรเล็กๆ ที่ไม่มีกลุ่มทุนมาซื้อเนี้ยได้ลืมตาบ้างอย่างเลสเตอร์และการได้นักเตะที่ไม่แพงเกินไปแล้วเดี่ยวยูฟ่าก็กำลังวางแผนบอลยุโรปสำหรับทีมกลางตารางเพื่อให้ได้ค่าลิขสิทธิ์อยู่
วิธีการตัดสินคือรายรับต้องมากกว่ารายจ่ายโดยจะมีการกำหนดลิมิทของหนี้สะสมไม่เกิน 30 ล้านยูโรใน 3 ฤดูกาล เพื่อให้มีเวลาจัดการหนี้ให้ตรงตามกฏ ถ้าคุณมีกำไรมหาศาลอยู่แล้วคุณทุ่มไปเถอะไม่มีปัญหายิ่งถ้าใช้งบของสโมสรได้ยิ่งดีไปใหญ่
และเป้าหมายของยูฟ่าก็ตามนี้
- เพื่อให้การใช้เงินของสโมสรฟุตบอลมีระเบียบวินัยและสมเหตุสมผลมากขึ้น
- เพื่อลดความกดดันในเรื่องของเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในการย้ายทีม
- กำจัดผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
- เพื่อกระตุ้นให้สโมสรได้แข่งขันด้วยรายได้ของตัวเอง ( ข้อนี้สำคัญมาก )
- เพื่อกระตุ้นการลงทุนระยะยาวในระดับทีมเยาวชนและโครงสร้างอื่นๆ
- เพื่อส่งเสริมศักยภาพในระยะยาวของสโมสรฟุตบอลในยุโรป
- เพื่อให้มั่นใจว่าสโมสรจะชำระหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนด
จะเห็นว่าลิเวอร์พูลเองก็เกือบโดนเหมือนกันตอนก่อนจะกลับไป UCL คราวที่แล้ว สโมสรถึงได้พยายามจำกัดเพดานค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะค่าใช้จ่ายมันจะรวมอยู่ในค่าเหนื่อยทั้งหมดของสโมสร แล้วตอนนี้ลิเวอร์พูลรอด FFP แบบไม่ต้องคิดมากเพราะกำไรมหาศาลมากและการซื้อขายใช้งบของสโมสร
มาดูค่าใช้จ่าย
รายรับ ค่าเข้าสนาม, ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด, สปอนเซอร์, ค่าโฆษณาต่างๆ และกำไรที่ได้จากการซื้อขายนักเตะ
รายจ่าย ค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนของนักเตะที่ย้ายเข้ามา ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อีกด้วย
แต่รายจ่ายจะไม่รวมในส่วนของ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมพัฒนานักเตะรุ่นเยาวชน กิจกรรมพัฒนาชุมชน และพัฒนาโครงสร้างอื่นๆ เช่น การปรับปรุงสนามแข่งขันและสนามซ้อม สโมสรสามารถใช้จ่ายในเรื่องได้แบบไม่จำกัด และไม่มีความเสี่ยงต่อการผิดกฎ FFP
ที่แมนซิตี้โดนมีอยู่ 3 แบบจากที่สื่อมันแฉออกมานะครับ
1. แจ้งเอกสารการเงินเป็นเท็จ หรือก็คือปลอมเอกสาร อันนี้ผิดเต็มๆ ทั้ง 2 ข้อ
2. แจ้งเอกสารว่า มีสปอนเซอร์เท่าไร แต่ค่าที่รายงานออกมาเป็นเท็จ อาจได้มากกว่าความเป็นจริง อันนี้ผิดทั้ง 2 ข้อเหมือนกัน เช่นบอกว่าได้ค่าสปอนเซอร์มา 150 ล้านแต่อันที่จริงได้มาเพียง 90 ล้าน
3. แจ้งเอกสารถูกต้อง แนวให้ญาติของเจ้าของมาซื้อโฆษณาแพงๆ แต่เผอิญรายรับที่ได้เข้ามามันดูเกินจริงไม่มีที่มาที่ไปออกแนวปั่นรายได้
เปิดเผยเอกสารข้อมูลจากทาง Der Spiegel เกี่ยวกับเอกสารทางการเงินแมนซิตี้
มันไม่ได้ผิดในเชิงการทำธุรกิจครับสำหรับการปั้นรายได้ เพราะมันเป็นสิทธิของนักธุรกิจอยู่แล้ว แต่มันผิดในเชิงกฏของยูฟ่า เพราะมันทำให้สโมสรเล็กๆ ที่ไม่มีกลุ่มทุนมาซื้อเนี้ยได้ลืมตาบ้างอย่างเลสเตอร์และการได้นักเตะที่ไม่แพงเกินไปแล้วเดี่ยวยูฟ่าก็กำลังวางแผนบอลยุโรปสำหรับทีมกลางตารางเพื่อให้ได้ค่าลิขสิทธิ์อยู่
วิธีการตัดสินคือรายรับต้องมากกว่ารายจ่ายโดยจะมีการกำหนดลิมิทของหนี้สะสมไม่เกิน 30 ล้านยูโรใน 3 ฤดูกาล เพื่อให้มีเวลาจัดการหนี้ให้ตรงตามกฏ ถ้าคุณมีกำไรมหาศาลอยู่แล้วคุณทุ่มไปเถอะไม่มีปัญหายิ่งถ้าใช้งบของสโมสรได้ยิ่งดีไปใหญ่
และเป้าหมายของยูฟ่าก็ตามนี้
- เพื่อให้การใช้เงินของสโมสรฟุตบอลมีระเบียบวินัยและสมเหตุสมผลมากขึ้น
- เพื่อลดความกดดันในเรื่องของเงินเดือนและค่าใช้จ่ายในการย้ายทีม
- กำจัดผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
- เพื่อกระตุ้นให้สโมสรได้แข่งขันด้วยรายได้ของตัวเอง ( ข้อนี้สำคัญมาก )
- เพื่อกระตุ้นการลงทุนระยะยาวในระดับทีมเยาวชนและโครงสร้างอื่นๆ
- เพื่อส่งเสริมศักยภาพในระยะยาวของสโมสรฟุตบอลในยุโรป
- เพื่อให้มั่นใจว่าสโมสรจะชำระหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนด
จะเห็นว่าลิเวอร์พูลเองก็เกือบโดนเหมือนกันตอนก่อนจะกลับไป UCL คราวที่แล้ว สโมสรถึงได้พยายามจำกัดเพดานค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะค่าใช้จ่ายมันจะรวมอยู่ในค่าเหนื่อยทั้งหมดของสโมสร แล้วตอนนี้ลิเวอร์พูลรอด FFP แบบไม่ต้องคิดมากเพราะกำไรมหาศาลมากและการซื้อขายใช้งบของสโมสร
มาดูค่าใช้จ่าย
รายรับ ค่าเข้าสนาม, ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด, สปอนเซอร์, ค่าโฆษณาต่างๆ และกำไรที่ได้จากการซื้อขายนักเตะ
รายจ่าย ค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนของนักเตะที่ย้ายเข้ามา ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อีกด้วย
แต่รายจ่ายจะไม่รวมในส่วนของ ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมพัฒนานักเตะรุ่นเยาวชน กิจกรรมพัฒนาชุมชน และพัฒนาโครงสร้างอื่นๆ เช่น การปรับปรุงสนามแข่งขันและสนามซ้อม สโมสรสามารถใช้จ่ายในเรื่องได้แบบไม่จำกัด และไม่มีความเสี่ยงต่อการผิดกฎ FFP
ที่แมนซิตี้โดนมีอยู่ 3 แบบจากที่สื่อมันแฉออกมานะครับ
1. แจ้งเอกสารการเงินเป็นเท็จ หรือก็คือปลอมเอกสาร อันนี้ผิดเต็มๆ ทั้ง 2 ข้อ
2. แจ้งเอกสารว่า มีสปอนเซอร์เท่าไร แต่ค่าที่รายงานออกมาเป็นเท็จ อาจได้มากกว่าความเป็นจริง อันนี้ผิดทั้ง 2 ข้อเหมือนกัน เช่นบอกว่าได้ค่าสปอนเซอร์มา 150 ล้านแต่อันที่จริงได้มาเพียง 90 ล้าน
3. แจ้งเอกสารถูกต้อง แนวให้ญาติของเจ้าของมาซื้อโฆษณาแพงๆ แต่เผอิญรายรับที่ได้เข้ามามันดูเกินจริงไม่มีที่มาที่ไปออกแนวปั่นรายได้