แชร์ประสบการณ์ เมื่อฉันเคยเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม

เราเป็นคนหนึ่งที่รักการทำงานมากๆ นั่งทำงานทั้งวันเพื่อเคลียงานที่เต็มโต๊ะให้เสร็จทันปิดโปรเจค โดยปกติแล้วเรามักจะนั่งทำงานอยู่กับโต๊ะเกือบตลอดเวลา ลุกไปห้องน้ำน้อยมาก และเราเป็นคนไม่ค่อยชอบลงไปกินข้าวนอกออฟฟิศ มักจะฝากเพื่อนหรือป้าแม่บ้านซื้อเข้ามาให้กินในห้องทำงานเลยทำให้ไม่ค่อยได้ลุกไปไหน ส่วนตัวเรายุ่งอยู่กับงานตลอดเวลา รวมถึงเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องออกไปพบลูกค้าเลยทำให้ไม่มีเวลาได้พักผ่อนและออกกำลังกาย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็คือเราเริ่มมีอาการมึนๆปวดหัวบ่อย ปวดหลังเป็นระยะและเริ่มมีอาการปวดตารวมถึงปวดแขนและตึงบริเวณไหล่หนักมาก ซึ่งเราไปปรึกษาหมอพบว่าตัวเราเองมีอาการเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรม หากยังไม่ปรับตัวและทำงานเป็นลูทีนแบบนี้ ตัวเราเองเราไม่เคยคิดเลยว่าการที่เราทำงานหนักๆจะเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ง่ายขนาดนี้ 

สิ่งที่เราเริ่มปรับเปลี่ยนกิจวัตรและตัวเราเองเราเริ่มจาก
• การปรับเปลี่ยนการนั่งทำงานนานๆในออฟฟิศ ด้วยการลุกเดินเพื่อผ่อนคลายร่างกายบ่อยขึ้น เดินออกไปกินข้าวนอกออฟฟิศบ้าง แบ่งเวลางานกับการพักผ่อนหลังทำงานให้มากขึ้น
• แบ่งเวลาออกกำลังกาย วิ่งบ้าง เดินรอบสนามบ้างหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็เริ่มไปปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกายเป็นการชมวิวไปด้วยในตัว
• เริ่มหาเวลาว่างๆไปนวดแผนไทย เพื่อคลายกล้ามเนื้อและลดอาการกล้ามเนื้อตึงหรือนวดอโรม่าบ้างให้รู้สึกผ่อนคลายร่างกายมากกว่าเดิม

สำหรับเราเวลาทำงานเราจะใช้แผ่นประคบร้อนสมุนไพรด้วย เพื่อนซื้อมาฝากเป็นของขวัญปีใหม่เพราะเราบ่นๆเกือบตลอดว่าปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดคอเพื่อเลยซื้อมาให้เพราะบอกว่ารำคาญเราบ่น555 เราติดใช้แผ่นประคบร้อนสมุนไพรเป็นประจำเกือบทุกวันเพราะบางช่วงก็ไม่มีเวลาแวะเข้าไปนวดเลย เวลาใช้ก็เอาแผ่นประคบร้อนเข้าไมโครเวฟง่ายๆแล้วเอาออกมาใช้วางที่ไหล่และหลัง ถ้าใครสนใจและไม่มีเวลาว่างเข้าไปนวด เราแนะนำนะชื่อว่า GAYA Herbal Pad แผ่นประคบร้อนสมุนไพรไทย ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อระหว่างวันได้ดีมาก วางอุ่นๆที่ไหล่หรือหลัง ช่วยให้คลายกล้ามเนื้อเวลาปวดๆให้ดีขึ้น และก็มีกลิ่นสมุนไพรหอมๆผ่อนคลายดี 

ตั้งแต่เราเริ่มปรับการใช้ชีวิตและวางแผนการทำงานของตัวเอง อาการก็ดีขึ้นเยอะเลย ถึงจะมีปวดๆอยู่บ้างแต่ก็ลดลงเยอะ ไม่ปวดไหล่ ปวดหลัง ตึงๆมากๆแบบแต่ก่อน สำหรับใครที่กำลังหกโหมทำงานหนักเหมือนกับเราและเริ่มมีอาการปวดไหล่ ปวดหลัง อย่านิ่งนอนใจเหมือนกับเรา ให้ลองปรับตัวเองแบ่งเวลาการทำงานไม่ให้หนักเกินไป แบ่งเวลาให้กับการพักผ่อนบ้างและเริ่มหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น 

"งานเป็นส่วนที่เราต้องรับผิดชอบ แต่สำหรับสุขภาพในชีวิตก็สำคัญสำหรับเราเช่นกัน"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่