เพิ่งอ่านข่าวอยู่แหม็บ ๆ ว่า วันนี้หลายคนพลิกวิกฤติเป็นโอกาสจากโรคระบาด เร่งทำคะแนน รีบไปแจกหน้ากากอนามัย อย่าง รมว.สาธารณสุข คุณอนุทินก็ควงแขนคุณคีรี (เจ้าของบีทีเอสและคู่หูพันธมิตรโปรเจ็กท์ล่าสุด โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา) ร่วมกันไปแจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส
กำลังจะชมอยู่ทีเดียว แต่อ่านยังไม่ทันจบข่าว ก็ต้องมาสะดุดตรงคำพูดที่สื่อถึงอารมณ์เสียหน้าของเสี่ยหนูที่แจกแล้วประชาชนไม่รับ ถึงขนาดกล่าวหาเป็นพวกทำร้ายบ้านเมืองกันเลยทีเดียว เรียกว่าจากข่าวดี ๆ พลิกมาเป็นข่าวร้ายแบบเฉียบพลัน เร็วจนตามไม่ทันกันเลย
“นายอนุทิน ยังตัดพ้อ ถึงคนที่ไม่รับแจกหน้ากากอนามัย ทั้งๆ ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ว่าที่นำมาแจกเพราะความปรารถนาดี ในการป้องกันการระบาดไวรัสโคโรนา คนไทยต้องให้ความร่วมมือ เดินแจกอยู่ บางคนไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่อยื่นให้ก็ปฏิเสธที่จะรับ คนเหล่านี้คือคนที่ทำร้ายบ้านเมือง อยู่ในที่สาธารณะ ต้องใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง ป้องกันการแพร่เชื้อด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลาย ถ้ามีคนยื่นให้ก็ควรจะรับ ไม่ควรปฏิเสธ เป็นการช่วยเหลือกันในการป้องกันโรค ไม่ใช่ไม่สนใจ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"อนุทิน" แจกหน้ากากอนามัย ซัดคนไม่สวม เมินรับ เป็นพวกทำร้ายบ้านเมือง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1766030?fbclid=IwAR2AXBiQrp1w352LsvI8ddDMH4x9aLd1tDUSFkweYW9ynKJu6pN7qkNP5lE
ของขึ้นขนาดฟาดงวงฟาดงาลามไปถึงฝรั่งมังค่าที่มาท่องเที่ยวด้วย
“ประชาชนทั่วไป ถ้ามีการแจกก็ควรจะรับ ไอ้ฝรั่งอีก ไอ้พวกฝรั่งนักท่องเที่ยว ต้องบอกไปยังสถานทูต บอกประชาชนทั่วไปด้วย ไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมรับ แบบนี้ต้องไล่ออกจากประเทศไทย ไม่ใช่ไปสนใจคนที่ภาพรวม คนที่อยู่ในประเทศไทยนี่เอง นักท่องเที่ยว เราเอาไปให้ยังปฏิเสธอยู่ ไม่ท่าทางยี่หระต่อสถานการณ์ คนจีน คนเอเซีย เขารับกันทุกคน พวกคนยุโรปมันน่านัก รู้ได้ไงจะไม่เป็นตัวแพร่เชื้อ อาจจะไปเที่ยวเมืองอื่นก่อนมาเมืองไทย ถ้าเจอคนแบบนี้ไล่มันออกจากประเทศไปเลย”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อนุทิน ของขึ้น ไล่ไอ้พวกฝรั่ง ไม่ใส่หน้ากากก็ออกจากประเทศไปเลย (คลิป)
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_3539892
อ่านแล้วก็ให้ตกกะจัย ทำไมคนระดับรัฐมนตรีจึงเพลี่ยงพล้ำหลุดปากหลุดอารมณ์ได้สุดขั้วถึงปานนี้ วุฒิภาวะหายไปไหนหมด ไม่ต่างจากคำที่พระท่านว่า “เวลาโกรธขึ้นมา ด๊อกเตอร์หรือป.4 ก็ไม่ต่างกัน”
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง น่าจะตั้งสติสักนิดก่อนกล่าวโทษคนอื่นรุนแรงปานนี้ อย่างน้อยน่าจะหันกลับมาดูตัวเองก่อน เหตุที่เขาไม่รับ อาจไม่ใช่เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือ แต่อาจเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในตัวเราหรือเปล่า…ก็ท่านรัฐมนตรีเล่นใช้มือเปล่าเปลือย หยิบหน้ากากอนามัยส่งให้ทุกคน แทนที่จะใช้ถุงมือหรืออะไรที่ดูจะน่ามั่นใจมากกว่านี้
ถึงจะออกมาขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วาจาที่ลั่นไปแล้ว ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ เพราะวาจาสื่อออกมาจากจิตจากใจ ที่บอกทัศนคติภายในบุคคลคนนั้น และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านรัฐมนตรีอนุทินปากไวกว่าความคิด พูดออกไปแล้ว คำพูดกลายเป็นดาบทิ่มตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจดจะจำใส่ใจสักที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อนุทิน
https://www.facebook.com/AnutinC/photos/a.2095908953777308/3109745735726953/?type=3&__tn__=-R
ดราม่าอนุทินแจกหน้ากาก อารมณ์ต่างขั้ว เปลี่ยนเร็วและแรงยิ่งกว่าทอร์นาโด
กำลังจะชมอยู่ทีเดียว แต่อ่านยังไม่ทันจบข่าว ก็ต้องมาสะดุดตรงคำพูดที่สื่อถึงอารมณ์เสียหน้าของเสี่ยหนูที่แจกแล้วประชาชนไม่รับ ถึงขนาดกล่าวหาเป็นพวกทำร้ายบ้านเมืองกันเลยทีเดียว เรียกว่าจากข่าวดี ๆ พลิกมาเป็นข่าวร้ายแบบเฉียบพลัน เร็วจนตามไม่ทันกันเลย
“นายอนุทิน ยังตัดพ้อ ถึงคนที่ไม่รับแจกหน้ากากอนามัย ทั้งๆ ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ว่าที่นำมาแจกเพราะความปรารถนาดี ในการป้องกันการระบาดไวรัสโคโรนา คนไทยต้องให้ความร่วมมือ เดินแจกอยู่ บางคนไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่อยื่นให้ก็ปฏิเสธที่จะรับ คนเหล่านี้คือคนที่ทำร้ายบ้านเมือง อยู่ในที่สาธารณะ ต้องใส่หน้ากากป้องกันตัวเอง ป้องกันการแพร่เชื้อด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลาย ถ้ามีคนยื่นให้ก็ควรจะรับ ไม่ควรปฏิเสธ เป็นการช่วยเหลือกันในการป้องกันโรค ไม่ใช่ไม่สนใจ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ของขึ้นขนาดฟาดงวงฟาดงาลามไปถึงฝรั่งมังค่าที่มาท่องเที่ยวด้วย
“ประชาชนทั่วไป ถ้ามีการแจกก็ควรจะรับ ไอ้ฝรั่งอีก ไอ้พวกฝรั่งนักท่องเที่ยว ต้องบอกไปยังสถานทูต บอกประชาชนทั่วไปด้วย ไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมรับ แบบนี้ต้องไล่ออกจากประเทศไทย ไม่ใช่ไปสนใจคนที่ภาพรวม คนที่อยู่ในประเทศไทยนี่เอง นักท่องเที่ยว เราเอาไปให้ยังปฏิเสธอยู่ ไม่ท่าทางยี่หระต่อสถานการณ์ คนจีน คนเอเซีย เขารับกันทุกคน พวกคนยุโรปมันน่านัก รู้ได้ไงจะไม่เป็นตัวแพร่เชื้อ อาจจะไปเที่ยวเมืองอื่นก่อนมาเมืองไทย ถ้าเจอคนแบบนี้ไล่มันออกจากประเทศไปเลย”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อ่านแล้วก็ให้ตกกะจัย ทำไมคนระดับรัฐมนตรีจึงเพลี่ยงพล้ำหลุดปากหลุดอารมณ์ได้สุดขั้วถึงปานนี้ วุฒิภาวะหายไปไหนหมด ไม่ต่างจากคำที่พระท่านว่า “เวลาโกรธขึ้นมา ด๊อกเตอร์หรือป.4 ก็ไม่ต่างกัน”
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง น่าจะตั้งสติสักนิดก่อนกล่าวโทษคนอื่นรุนแรงปานนี้ อย่างน้อยน่าจะหันกลับมาดูตัวเองก่อน เหตุที่เขาไม่รับ อาจไม่ใช่เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือ แต่อาจเป็นเพราะเขาไม่มั่นใจในตัวเราหรือเปล่า…ก็ท่านรัฐมนตรีเล่นใช้มือเปล่าเปลือย หยิบหน้ากากอนามัยส่งให้ทุกคน แทนที่จะใช้ถุงมือหรืออะไรที่ดูจะน่ามั่นใจมากกว่านี้
ถึงจะออกมาขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วาจาที่ลั่นไปแล้ว ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ เพราะวาจาสื่อออกมาจากจิตจากใจ ที่บอกทัศนคติภายในบุคคลคนนั้น และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านรัฐมนตรีอนุทินปากไวกว่าความคิด พูดออกไปแล้ว คำพูดกลายเป็นดาบทิ่มตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะจดจะจำใส่ใจสักที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้