เสียงเด็กหัวเราะในที่สาธารณะโดยเฉพาะในร้านอาหารหรือรถไฟฟ้า...รำคาญกันมั้ยคะ?

เราก็เห็นกันบ่อยๆ ว่าเด็กงอแง ร้องไห้ วิ่งเล่นวุ่นวาย เป็นที่น่ารำคาญใจสำหรับคนรอบๆ ข้าง ซึ่งผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้ไปรบกวนชาวบ้านเค้า แต่เสียงหัวเราะล่ะคะ สาธารณะอย่างร้านอาหาร หรือในรถไฟฟ้าคิดยังไงกัน อยากทราบความเห็นค่ะ

คือเรามีลูกชาย 2 คนค่ะ คนโตใกล้ๆ จะ 4 ขวบ คนเล็กใกล้ๆ จะ 2 ขวบ คนพี่ซนตามวัยแต่ถ้าเทียบกับเด็กอายุเดียวกันถือว่าเป็นเด็กเรียบร้อย คนเล็กอารมณ์ดี หัวเราะเสียงดัง ช่วงนี้ชอบออกเสียงดังๆ (ไม่ใช่กรี๊ด) เช่นพูดว่า "ไป" "เอา" "ฮ่าๆ" "อ้ามมม" เสียงดัง

เวลาพี่ทำท่าอะไรก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดัง เช่นวันนี้พี่ยืนเต้นท่าลิง อีกรอบแค่ทำนิ้ว I love you คนน้องก็หัวเราะลั่นร้านอาหาร จนเราต้องคอยทำปากชู่วๆ ให้เบาๆ หน่อย ทั้งหมดนี้ไม่มีการวิ่งเล่นวุ่นวายนะคะ เด็กๆ อยู่กับที่ของตัวเอง ลูกคนเล็กก็หันมาทำหน้างงๆ หน่อย ว่าแม่ชู่วๆ ไม่ให้หัวเราะ ไม่รู้เข้าใจแค่ไหน

ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเสียงหัวเราะของเด็กๆ เราเฉยๆ แต่ถ้าร้องไห้ งอแง วุ่นวายเราก็ไม่ชอบ เลยไม่แน่ใจว่ารอบข้างคิดเห็นยังไงกันค่ะ ขอบคุณค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าพ่อแม่มีท่าปรามลูกหน่อยนี่รับได้นะครับ แต่ถ้าดูไม่สนใจเลยนีแทบอยากเข้าไปสั่งสอนแทน
ความคิดเห็นที่ 15
ของเราต้องขอโทษก่อนจริงๆ เราชอบเสียงหัวเราะนะ แต่ถ้าดังเกินไป เราว่ามันก็รบกวนอ่ะ  เราเป็นคนที่ทนเสียงดังมากๆไม่ค่อยไหวด้วย อาจจะเพราะแบยนี้ แม้แต่เสียงหัวเราะ เราเลยไม่ไหว  ทุกอย่าง มันคงต้องอยู่ที่ความพอดี  เราจะคิดว่า มันด้านบวกก็จริง แต่ว่าถ้ามันเกินไป มันก็สร้างความรำคาญเหมือนกัน
    เหมือนพวกเปิดเพลงดังๆเผื่อแผ่ชาวบ้าน เค้าบอกว่าเพราะ   แต่เรารำคาญ  คือฟังเบาๆ เราก็ว่าเพราะดี แต่เปิดลั่นโลกโชว์ตะไลอะไรแบบนั้นมันก็ไม่ใช่อ่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
เคยไปกินข้าวที่เขาใหญ่ พ่อแม่ คนไทยพูดภาษาอังกฎษกับลูกเสียงดังลั่นเลย ทั้งๆที่นั่งโต๊ะเดียวกัน

ครอบครัวไหนเป็นแบบนี้ อยากบอกว่าอย่าทำเลย มันน่ารำคาญ  พวกชอบโชว์ง่อวเสล่อๆ ไม่มีใครมองว่าฉลาดหรอก
ความคิดเห็นที่ 20
เด็กเล็กๆ ไม่รู้ว่าเสียงที่ตัวเองเปล่งออกไปเบาหรือดังแค่ไหนค่ะ
ตอนหลานชายของฉันอายุ 4 ขวบ แล้วอยากเที่ยวห้าง ฉันตกลงกับเขาก่อนว่าเราจะคุยกันด้วยระดับเสียงเหมือนอยู่กันที่บ้านนะ ทำได้ไหม ไหนลองคุยดูซิ เอาเสียงเท่านี้นะ ให้ลองพูดดังขึ้น ลองให้พูดกระซิบ สอนให้รู้ว่านี่คือระดับเสียงที่สมควร แล้วสำทับว่าถ้าโหวกเหวกล่ะก็เจอพากลับบ้านทันที หลังจากนั้นก็เรียกว่าหมดปัญหาเสียงดังในที่สาธารณะค่ะ พาเข้าโรงหนังได้ด้วย ต่อให้แกมีเรื่องสงสัยก็ไม่ถามทันที ถือว่าฝึกการระงับความอยากของตัวเองไปพร้อมกัน

สอนเด็กเล็ก ต้องรอสอนตอนที่เขาอยู่ในภาวะรับฟังและมีสมาธิ และเราต้องพูดอย่างจริงจัง เด็กถึงจะฟังค่ะ แค่ชู่ว์ๆ ตอนที่เขากำลังเพลินกับสิ่งอื่น คุณเองก็รู้ว่าเขาไม่ได้ฟังคุณ ในแง่หนึ่งก็เหมือนการบอกเขาว่าเขาไม่ต้องฟังคุณทุกครั้งก็ได้ เพราะถึงไม่ฟังก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จังหวะจึงเป็นสิ่งสำคัญค่ะ คิดจะห้ามเขาต้องตัดจังหวะ เขาจะได้ฟัง ในความเห็นฉัน ฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มองว่า "ชู่ว์ๆ" เนี่ย ถ้าหยุดเขาไม่ได้ก็ไม่นับเป็นการสั่งสอนหรือควบคุมได้หรอกค่ะ อ๊ะ...ฉันไม่เคยคลุกคลีกับเด็กสองขวบเลยไม่แน่ใจว่าโตพอเข้าใจภาษาแค่ไหน ก็ลองดูแล้วกันนะคะ ถ้าเล็กมากนัก การพูดก็ไม่มีผล

สำหรับตัวฉันเอง ถ้าไม่ได้มาโหวกเหวกตอนฉันนอนอยู่ก็รับได้เยอะค่ะ เพียงแต่ว่าในโลกนี้ก็มีคนที่ไม่ชอบสิ่งที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ (เด็กรวมถึงสัตว์เลี้ยง) บางคนที่กำลังอารมณ์เสียก็ฟิวส์ขาดง่าย เราไม่รู้ว่าผู้คนรอบๆ อยู่ในภาวะไหนจึงต้องพยายามสอนให้คนของเรารู้จักควบคุมตัวเอง อย่างน้อยๆ เราก็ไม่อยากให้เด็กเล็กซึ่งไวต่อสิ่งแวดล้อมบังเอิญไปเห็นสีหน้าแววตารังเกียจ หรือคำด่าลอยๆ หรือตะโกนด่า แล้วซึมซับของพวกนี้มาจากคนอื่น

ฉันดีใจที่คุณเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดอย่างจริงจังนะคะ ^^ ไม่ใช่ทุกคนจะพยายามควบคุมพฤติกรรมลูกของตัวเอง มีเยอะแยะไปที่ปล่อยให้หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเพราะมันไม่ใช่เสียงหวีด ซึ่งประเด็นที่ฉันคิดว่าสำคัญไม่ใช่ว่าใครจะยี้เด็กหรือไม่ แต่คือการควบคุมและสั่งสอนเขาตั้งแต่เล็กมากกว่า วัยเด็กเนี่ยเป็นวัยเดียวที่ฟังพ่อแม่ทุกอย่าง พอย่างเข้าวัยรุ่นก็ลำบากแล้วค่ะ โดยเฉพาะเด็กอายุ 3-5 ปีที่สมองกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เรียกว่าเป็นวัยที่สร้างนิสัยพื้นฐานซึ่งยากมากถ้าจะมาแก้ไขทีหลัง เราควรสอนให้ยิ่งรู้จักคิด ปลูกฝังทัศนคติในทางบวกทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่นเป็นหนึ่งในเรื่องเหล่านั้นค่ะ

ฉันขอแนะนำอย่างจริงจังเลยว่าอย่าฟังหากใครบอกว่าไม่เป็นไร อย่าไปถือสาเด็ก ไอ้ตอนเด็กนี่ไม่เป็นไรหรอก แต่เด็กแบบนี้โตขึ้นมาเป็นคนยังไงต่างหากที่น่าคิด พูดไปก็ขำ ในหมู่บ้านฉันเนี่ย มีพ่อแม่ใจดีที่สปอยล์ลูกจัดๆ จะทำเสียงดังนอกบ้านไม่ว่าจะหวีดร้องหรือหัวเราะก็ไม่เคยห้าม บอกว่าเป็นธรรมชาติของเด็กนี่แหละ ก็โตมากลายเป็นคนที่จัดปาร์ตี้ที่ลานโล่งบ้านตัวเอง เปิดเพลงลั่นทุ่งยันตีหนึ่งตีสองจนเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจ ตำรวจเตือนไปก็ไม่เลิก ยิ่งถ้าอยู่ในรถเนี่ย มือแตร์เลยค่ะ หมาขวางประตูรั้วนี่กดยาวอย่างกับมีใครตาย (หมาในบ้านเขาเอง) อายุยี่สิบกว่า มีลูกเล็กเพิ่งเดินได้คนนึงแล้วนะ การใช้เสียงของเขาโคตรมีเอกลักษณ์เลยค่ะ เข้าข่ายมนุษย์สังคมรังเกียจไม่แคร์เวิลด์ไปแล้ว สองสามซอยรอบบ้านก็ยี้เขา บ้านคนรวยหลังใหญ่โต การศึกษาสูงด้วยนะคะเอาจริง เวลาด่าคนใช้นี่ด่าแบบไม่เหลือความเป็นคนเลย ได้ยินกันทั่ว ชัดทุกคำ 5555 คนก็โตๆ แล้ว แต่เพื่อนบ้านยังด่าว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนอยู่เลย ก็เขาไม่รู้ในสิ่งที่คนทั่วไปเขารู้กันอะ อายุเท่านี้ต้องให้บอกอีกเหรอว่าทำไมถึงไม่ควรเปิดลำโพงดังลั่นจนถึงตีหนึ่งตีสอง เขารู้แหละว่าคนด่า แค่ไม่แคร์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนยังเล็กไปเจออะไรมาถึงได้อาการสาหัสแบบนี้ แต่พ่อแม่เขาดีนะคะ สุภาพ เกรงใจ ต่างกับคนลูกแบบไม่น่าจะใช้ดีเอ็นเอร่วมกันเลย ก็พอมองออกแหละค่ะว่าทำไมเอาลูกไม่อยู่ค่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้แต่ตำรวจยังห้ามเขาไม่ได้เลย นี่ล่ะนะถึงว่าการสั่งสอนตั้งแต่ยังเล็กมันสำคัญ
ความคิดเห็นที่ 4
เสียงหัวเราะไม่รำคาญค่ะ
ถ้าเด็กมากๆยังแบเบาะ เสียงกรี๊ดๆเราก็ไม่รำคาญนะคะ

แต่ถ้าโตมาหน่อย สอนได้แล้ว พ่อแม่ต้องปรามบ้าง
ในที่ที่ไม่ควรส่งเสียงดังก็ไม่ควรให้ลูกทำเสียงดังรบกวนคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่