‘เสรีพิศุทธ์’ ลั่นถ้าเป็นประชุม ตร. ‘สิระ’ โดนไล่ออกไปแล้ว
https://www.one31.net/news/detail/18318
 
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมของกมธ.ป.ป.ช. เมื่อวานนี้ที่มี นายชวน หลักภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าไปนั่งฟังการประชุมด้วย และมีเสียงวิจารณ์ว่าถึงแม้นายชวนจะนั่งอยู่ในห้อง แต่ก็มีการถกเถียงกันอยู่ตลอด ว่า ตัวเองต้องขอชี้แจงว่า นายชวน เห็นว่า เรื่องของ กมธ.ป.ป.ช.เยอะจึงไปนั่งสังเกตุการณ์ด้วย ตัวเองก็ให้เกียรตินายชวนให้นั่งเก้าอี้ประธาน แต่นายชวนไม่นั่ง นายชวนก็ให้เกียรติตน ในฐานะประธานในที่ประชุม
 
ซึ่งการประชุมก็เป็นไปด้วยดี แต่เวลามอบงานให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ หนึ่งในกรรมาธิการ ก็ยังไม่รับเหมือนเดิม ซึ่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน หนึ่งในกรรมการขอรับแทน แต่ตัวเองไม่สามารถให้ได้เพราะมอบหมายให้ใครก็ต้องคนนั้น หากนายไพบูลย์รับแทน น.ส.ปารีณา ตลอดก็คงไม่ได้ ทุกคนเมื่อเป็นกรรมาธิการก็อ้างความเสมอภาคเท่าเทียมกันของหญิงและชายในเมื่อเป็นกรรมาธิการแล้วก็ต้องรับผิดชอบงานในการแบ่งเบาภาระประชาชน
 
ทั้งนี้ ในห้องประชุม ได้มีการเรียกผู้ร้องที่ จังหวัดภูเก็ตที่ได้มายื่นคำร้องไว้กับ กมธ.ป.ป.ช. มาซักถาม ซึ่งก่อนหน้าที่ผู้ร้องจะมายื่นที่ กมธ.ป.ป.ช.ก็เคยยื่นให้กับ นายสิระ เจนจาคะ หนึ่งในกรรมาธิการ ที่เคยลงพื้นที่ไปที่จังหวัดภูเก็ตแล้วแต่ นายสิระไม่รับคำร้อง จึงทำให้เกิดข้อถกเถียงขึ้นมา มีการใช้เสียงดังเอะอะโวยวาย ถ้าเป็นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสิระ แสดงพฤติกรรมแบบนี้ โดนไล่ออกไปแล้ว
 
นอกจากนี้ที่ผ่านมา กรรมาธิการทั้ง 3 คน ทำเรื่องมาเสนอในที่ประชุมใหญ่ เพื่ออาศัยเสียงข้างมากมาปลดตัวเองออกจากการเป็นกรรมาธิการ เพราะมีการเสนอให้ยุติเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม กมธ. แต่ในที่ประชุมโหวตแพ้ แต่ก็ยังขอโหวตใหม่ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงต้องให้สภาใหญ่ร่วมโหวตปลดตัวเองออกจากประธานกรรมาธิการ.
 

---

 
สุวัจน์ จี้ "รบ.-หมอหนู" มีข้อมูลไวรัสโคโรน่าถูกต้อง เป็นวัคซีนให้ปชช.
https://www.thairath.co.th/news/politic/1759835
 
“สุวัจน์” ยัน เชื่อมั่นระบบ สธ.ไทย สกัด "ไวรัสโคโรน่า" ย้ำ นักการเมืองควรให้กำลังใจแพทย์พยาบาล ผู้เกี่ยวข้อง เขาเหนื่อยกันมาก จี้ รัฐบาล-หมอหนู ควรมีข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการ ถูกต้อง เป็นวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชน
 
วันที่ 30 ม.ค. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พร้อมด้วยนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคฯ และอาจารย์หมอ กล่าวที่ จ.นครราชสีมา ถึงสถานการณ์ความร่วมมือในการแก้ไขวิกฤติโวรัสโคโรน่า ที่มีการระบาดและมีผู้เสียชีวิตไปทั่วโลกว่า ไวรัสโคโรน่า (ไวรัสอู่ฮั่น) ในภาพรวมตอนนี้เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกังวลกันและหวั่นเกรงว่าจะมีผลกระทบทั้งเรื่องของสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างตนคิดว่าทุกฝ่ายให้ความตื่นตัวและให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยทราบกันดีว่าไวรัสนี้เกิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งทางจีนก็ได้แสดงออกถึงความรับผิดชอบในการที่จะดูแลแก้ไขด้วยการปิดเมือง หรือไม่ให้กลุ่มท่องเที่ยวออกจากเมืองที่เกี่ยวพันกับไวรัสที่ระบาด อันนี้เป็นการล้อมกรอบปิดสถานการณ์ให้อยู่ในขีดหรือเขตที่จำกัดที่สามารถจะเข้าไปบริหารจัดการได้
 
ส่วนที่บางคนหรือหลายคนที่ติดเชื้อออกมาแล้วและไปประเทศต่างๆ อย่างประเทศไทย มีเจอกว่า 10 คน ประเทศอื่นๆ ก็เจอเป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่จะไปบริหารจัดการ ส่วนสถานการณ์ของไทยตนมองว่า ขณะนี้รัฐบาลได้มีมาตรการต่างๆ ออกมาดำเนินการและมีความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าภาคเอกชน โรงพยาบาล ศูนย์การค้า สถานประกอบการการท่องเที่ยวต่างๆ สถานศึกษาที่มีความร่วมมือกันในเรื่องของการสร้างระบบในการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารหรือแม้แต่บนแอร์ไลน์ต่างๆ ที่มีระบบในการคัดกรองตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่มากไปกว่านี้ ตั้งแต่มาถึงสนามบินหรือขึ้นเครื่องบินมีการตรวจสอบหรือจะเข้าศูนย์การค้าต่างๆ  ตนว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นการแสดงออกถึงการเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์
 
ทั้งนี้ ประเทศไทย เคยมีประสบการณ์เรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่ระบาดมามากแล้ว ไม่ว่าโรคซาร์ส โรคเมอร์ส หรือไข้หวัดนก ด้วยพื้นฐานของประสบการณ์ที่เราเคยเจอเหตุการณ์หลายครั้งของโรคระบาดเหล่านี้ ตนเชื่อว่า คณะแพทย์หรือระบบสาธารณสุขหรือส่วนราชการต่างๆ มีประสบการณ์เพียงพอ และด้วยความเอาจริงเอาจังของรัฐบาล ในการที่จะประสานและให้ข้อมูลติดต่อหรือที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติที่มีทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันติดตามสถานการณ์แก้ไขปัญหาต่างๆ ตนเชื่อว่าได้ดำเนินมาในทิศทางที่ถูกต้องและมีการตรวจสอบ อย่างน้อยไม่มีของใหม่มา แต่ยกเว้นที่ได้ติดตัวมาแล้วได้เข้ามาแล้วและเราก็ติดตามให้ครบแล้วดูแลสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ ตนยังมองว่า รัฐบาลได้จัดโครงสร้างต่างๆภายในประเทศรวมทั้งการมีผู้คนมีกรรมการระบบสาธารณสุขต่างๆ บวกกับประสบการณ์ที่คณะแพทย์ของเรามีอยู่ถือว่าเป็นการตั้งรับที่เหมาะสมกับสถานการณ์
  
นายสุวัจน์ กล่าวว่า มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ให้สะอาดบ่อยๆ ตอนนี้ประชาชนจะได้รับข้อมูลข่าวสารกันมามากพอสมควร ฉะนั้นตนคิดว่าถ้าเกิดว่าเราจะมีข้อมูลข่าวสารที่เป็นทางการที่อย่างถูกต้องที่เป็น Official เลยว่า หมอหรือแพทย์ว่าอย่างนี้ เราเป็นคนไข้ต้องฟังหมอ หมอบอกว่าเรื่องของไวรัสโคโรน่า มันต้องดูแลอย่างไร ติดต่อกันอย่างไร อย่างน้อยให้ทุกคนรู้ และวิธีการป้องกันยังไง ตนว่าอันนี้จะเป็นพื้นฐานเหมือนกับเป็นวัคซีนเบื้องต้นให้กับประชาชนจะได้ระวังและก็รู้ว่าไวรัสตัวนี้ถ้าระบาดจะติดต่อกันอย่างไร แล้วถ้ามีอาการอะไรเกิดขึ้น เราก็จะได้สำรวจตัวเองแล้วรีบไปพบแพทย์ก็จะสามารถป้องกันปัญหาต่างๆ ได้ ฉะนั้น ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ส่วนที่มีกลุ่มบางกลุ่มจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ปิดประเทศไม่ให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวคนจีนเข้าประเทศไทยนั้น ตนว่าเรื่องนี้ต้องว่ากันไปตามระบบสาธารณสุขที่จะเป็นคำตอบ และด้วยมาตรการ ด้วยมาตรฐานอย่างนี้อันนี้ต้องฟังหมอ ตนว่าหมดหรือระบบสาธารณสุขจะบอกได้ดีว่า วิธีการควบคุมสถานการณ์ว่า ขณะนี้ควรจะแค่นี้ ขณะนี้ควรจะแค่ไหน
 
ส่วนที่มีกรณีนำไปเป็นเรื่องทางการเมืองโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีนั้น ตนคิดว่า เรื่องไวรัสนี้มันเป็นปัญหาของประชาชน วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันให้ข้อมูลหรือให้กำลังใจของคนที่เขามีหน้าที่ทำงาน ทั้งแพทย์ หมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลต่างๆ เจ้าหน้าที่สนามบิน แอร์ไลน์ ศูนย์การค้าต่างๆ เขาเหนื่อยกันมาก ตนว่าวันนี้เราควรจะให้กำลังใจและให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนในการดูแลตนเอง ฉะนั้นวันนี้ต้องเอาเรื่องนี้กันก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง
 
“ผมมองประสบการณ์ที่เคยเกิดจากประเทศไทย ผมยังมีความรู้สึกว่า ระบบการแพทย์ ระบบสาธารณสุข ระบบโรงพยาบาล ระบบวิชาการต่างๆ ในประเทศไทยของเรา ผมว่าเรามีประสบการณ์กับเรื่องนี้มา ส่วนตัวผมยังมีความวางใจกับระบบการแพทย์ของเราที่มีอยู่ และประสบการณ์ที่เรามีอยู่ ฉะนั้นไวรัสโคโรน่าก็ต้องติดตามทั่วไป เพราะเราก็ไม่รู้จำนวนของคนที่ติดเชื้อมาก่อนหน้านี้ เพราะตอนนั้นไม่มีใครรู้ก็ไม่ได้ระวังอะไร แต่เมื่อรู้แล้ว ของใหม่ๆ ไม่มี ตอนนี้ก็ไปดูของเก่าว่ามีอะไรมั้ย แต่ผมเชื่อว่าของใหม่ไม่น่าจะมีเพิ่มขึ้นด้วยระบบการคัดกรองต่างๆ จากจุดเข้า-ออกของประเทศ” นายสุวัจน์ กล่าว.