JJNY : พท.จี้รบ.หยุดชี้นำปธ.สภา/จี้ตร.จับไวพจน์/สิระป่วน/โคราชแล้งหนัก/เฝ้าระวัง4คนไทย/ซีไอเอ็มบีลดคาดจีดีพีเหลือ 2.3%

พท.จี้รบ.หยุดกดดันชี้นำประธานสภา
https://www.innnews.co.th/politics/news_592200/
 

 
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี รัฐบาลยืนยันข้อสรุปให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ระหว่างวันที่ 25-27 ก.พ.และโหวตลงมติในวันที่ 28 ก.พ. ว่า
 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจทำใจลำบากที่จะต้องถูกขึงพืด ตรวจสอบ แต่ขอให้ทำความเข้าใจว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะยังอยู่ สืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง ตัวช่วยมากมายที่เคยมี อาจเหลือไม่เท่าเดิม จะหวังให้เป็นการยอวาที เหมือนอยู่กับแม่น้ำ 5 สายคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จะทวงบุญคุณ อย่ามาทวงกับประชาชน ให้ไปทวงกับแม่น้ำ 5 สาย ที่สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เหมือนปล้นเช็คเปล่าจากประชาชน ไปกรอกจำนวนเงินตามอำเภอใจ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ถ้าเห็นว่า ไม่โปร่งใส สุ่มเสี่ยงว่าจะมีการทุจริตคอรัปชั่น ฝ่ายค้านก็ถาม รัฐมนตรีก็ตอบ ไม่ใช่เรื่องยอมให้ด่า หรือไม่ยอมให้ด่า 
 
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จะตอบได้หรือไม่ ผ่าน หรือไม่ผ่าน ประชาชนดูอยู่ ตัดสินและประเมินผลได้ ทุกฝ่ายควรทำหน้าที่สร้างสรรค์ สิ่งที่ประชาชนไม่สบายใจ คือการพยายามชี้นำกดดันประธานสภาหลายครั้ง เพื่อให้รัฐบาลได้ประโยชน์มากที่สุด ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นเท็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นถ้อยคำที่ใช้ได้ หรือไม่ เป็นหน้าที่ของประธานวินิจฉัย รัฐบาลชี้นำกดดันฝ่ายอื่นจนเคยชิน ท่าทีแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง ลด ละ เลิกได้ ควรรีบดำเนินการ
 

 
'เพื่อไทย' จี้ ตร.จับ 'ไวพจน์' เผยยังเคลื่อนไหวช่วยลูกชายสู้เลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร
https://voicetv.co.th/read/-P90Rtu1K
  
'นคร มาฉิม' อัด ตร.กำแพงเพชร เมินจับ 'ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์' หลังศาลพิพากษาจำคุกใน 2 คดี แต่ยังเคลื่อนไหวช่วยลูกชายที่ลงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมกำแพงเพชร เขต 2 บี้ ตร. อย่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่
 
นายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร เขต 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ พ้นจาก ส.ส.เพราะต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 คดี โดยคดีแรกเป็นคดีอาญา หมายเลขดำที่ 3537/2552 คดีขัดขวางการประชุมอาเซียน ศาลฎีกาจำคุก 4 ปี ปรับ 200 บาท คดีถึงที่สุดแล้ว ศาลออกหมายจับแล้ว ส่วนคดีที่ 2 คดีหมายเลขแดงที่ 5518/2562 คดีบุกรุกที่ดิน ป่าสงวน ป่าไม้ จำคุก 50 ปี คดีถึงที่สุดแล้ว 
 
โดยรองหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งข้อสังเกตว่าประชาชนในจังหวัดกำแพงเพชร รู้เห็นความเคลื่อนไหวของจำเลยทั้งหมดรู้ว่า ไปซื้อกับข้าวที่ไหน รู้ว่านอนที่ไหน รู้ว่าเคลื่อนไหวช่วยลูกชายที่กำลังสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. รู้ว่าโทรศัพท์หาผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นคนไหน เบอร์โทรศัพท์เบอร์อะไร
 
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 6 และเจ้าหน้าที่อื่นๆที่มีหน้าบังคับตามกฎหมาย ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องทำการจับกุม คุมขัง กลับมองไม่เห็น กลับไม่ปฎิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบ หรือเพราะกลัวอำนาจรัฐกลัวรัฐบาล [เผล่ะจัง] ซ่อนรูปนี้ ที่อาจให้คุณให้โทษ  
 
"หากเกรงกลัวแม้แต่ที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้ว เท่ากับท่านกลัวโจร กลัวผู้กระทำผิด ไม่กล้าปกป้องคุ้มครองรักษากฎหมายเพื่อประชาชน เพื่อความถูกต้อง ความเป็นธรรม บ้านเมืองจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ยุคโจรครองเมืองอย่างแท้จริง ท่านควรพิจารณาลาออก หรือย้ายออกไปเสีย ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดี แต่ขอให้ท่านกล้าบังคับใช้กฎหมาย อย่าให้คำพิพากษาของศาล เป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ค่านะครับ
 

 
“สิระ”ป่วนยื่นหนังสือ “เสรีพิศุทธ์” สอบสร้างบ้านรุกเจ้าพระยา เพื่อนกมธ.สุดเอือม
https://www.matichon.co.th/politics/news_1946488
 
“กมธ.ป.ป.ช.” นัวไม่เลิก “สิระ” ยื่นร้องเรียน ”เสรีพิศุทธ์” ปมสร้างบ้านรุกแม่น้ำเจ้าพระยา “ปารีณา” เสริม เพื่อนกมธ.ร่วมคณะสุดเอือม
 
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏร ที่มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกมธ. เป็นประธานการประชุม เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง จากกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องการยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานกรมเจ้าท่าและกระทรวงคมนาคม เนื่องจากปล่อยปะละเลยให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก่อสร้างบ้านพักรุกล้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
 
โดยนายสิระได้เดินลุกจากเก้าอี้ไปยังหัวโต๊ะซึ่งเป็นบริเวณที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั่งอยู่ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่ยอมรับยื่นหนังสือ โดยอ้างว่าที่ประชุมอยู่ระหว่างการประชุมตามระเบียบวาระจะมายื่นแทรกวาระไม่ได้ และขอให้ยื่นกับฝ่ายเลขานุการแทน ทำให้นายสิระ ตอบกลับว่า ถ้าไม่รับไปยื่นกับฝ่ายเลขานุการก็ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ประธานไม่ยอมรับการตรวจสอบเรื่องของตัวเอง จากนั้นนายสิระได้เดินออกจากห้องประชุมไป
 
นอกจากนี้ น.ส.ปารีณา ได้ท้วงถามถึงเรื่องราวร้องทุกข์ที่เคยยื่นไว้แต่ทางคณะกมธ.ไม่ยอมรับ ทำให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะกมธ. กล่าวว่า ขอสนับสนุนพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่ไม่รับหนังสือร้องเรียนของนายสิระ และขอให้กมธ.ทุกท่านพยายามอย่าทำให้งานของคณะกมธ.เสียหาย เพราะขณะนี้ประชาชนมองว่า พวกเราไม่ทำงาน
 
ด้านนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. ในฐานะกมธ. กล่าวว่า การทำแบบนี้ไม่เป็นผลดีของการเป็นส.ส. เพราะส.ส.มีหน้าที่ทำความกระจ่างและนำความยุติธรรมสู่ประชาชนในเรื่องที่เขาร้องเรียน ดังนั้น ขอให้กมธ.ทุกคนมีวุฒิภาวะ โดยระหว่างที่นายประเดิมชัยพูดยังไม่เสร็จ น.ส.ปารีณา ได้กดไมค์พูดแทรก เพื่อประท้วงประธานการประชุม ขอให้ควบคุมการประชุมให้อยู่ในประเด็น อย่าให้กมธ.พูดนอกเรื่อง ทำให้นายประเดิมชัย ต่อว่าน.ส.ปารีณา ว่าขอให้มีมารยาท เวลาตนพูดกรุณาอย่าพูดแทรก และขอให้กมธ.อยู่ให้เลิกประชุม ไม่ใช่ถึงเที่ยงแล้วก็ลุกออกห้องเลิกประชุม ทั้งนี้ พวกเราทำงานมาเกือบ 1 ปี เรื่องที่รับมาควรได้รับการพิจารณาได้แล้ว ดังนั้น จึงขอให้ที่ประชุมดำเนินการตามระเบียบวาระ
 
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เชิญผู้สื่อข่าวออกจากห้อง และดำเนินการตามวาระประชุม
 
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมถึงกรณีนายสิระ ยื่นเรื่องให้กมธ.ตรวจสอบกรณีการสร้างบ้านรุกลำน้ำเจ้าพระยา ว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพของเดิมผ่านมา 20 ปีแล้ว นายสิระต้องเข้าใจว่า กมธ.ยังมีงานอีกมาก เรื่องที่ยื่นให้ตรวจสอบไม่ใช่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตนกำลังพิจารณาเรื่องการหมิ่นประมาทและให้การเท็จ และจะพิจารณาว่า กมธ.ที่ออกไปตามที่ต่างๆ เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ นี่คือปัญหาของคนไม่มีความรู้ ความเข้าใจ นายสิระมีปัญหากับตน เข้ามาในกมธ.เพื่อเสนอญัตติให้ยุติเรื่องการตรวจสอบนายกรัฐมนตรีถวายสัตย์ไม่ครบ
 
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า บ้านพักหลังดังกล่าวเป็นบ้านพักของตนเองจริง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว จนเกิดจากปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ยืนยันว่า ไม่ได้ลุกล้ำลำน้ำ ทั้งนี้ ในปี 2552 มีนายตำรวจที่ตนเองสั่งสอบสวนกรณีเกี่ยวพันกับบ่อน ป.ประตูน้ำ ร้องให้ตรวจสอบท่าเรือบริเวณบ้านพักตนเอง จนมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และมีผลสรุปทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการไม่สั่งฟ้อง จึงถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งท่าเรือก็ไม่เคยมีการต่อเติมอะไรใหม่ นอกจากที่กรมเจ้าท่าเคยอนุญาตไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่