ก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกับสามี ก็ใช้ชีวิตกินเที่ยวกันปกติ งอนก็ไม่ไปเจอ ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แฟนเราไม่ได้ทำงาน อยู่บ้านเล่นแต่เกมส์ ช่วงนึงติดเพื่อนบ้านไม่กลับ กินใช้อะไรเราจะเป็นคนออกตลอด คือถ้าออกไปไหนเราไม่มีเงิน ก็คงไม่มีใครจ่าย เราก็ทนใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา หลายครั้งที่จะเลิกลา แต่ด้วยความที่ยังรัก ก็ตัดใจไม่ได้ซักที จนวันนึงที่เราได้แต่งงานมีลูก และย้ายไปอยู่บ้านเขา ชีวิตหลังแต่งงานเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน แม่สามีเป็นคนหัวสมัยใหม่ มีสังคม คิดต่างตลอดจนเราไม่อยากออกความเห็นอะไร มีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว ทีนี้รายจ่ายก็มากขึ้น เรารับผิดชอบเองคนเดียว ค่านม ค่าแพมเพิส ค่าใช้จ่ายต่างๆ เขาก็ยังคงไม่ทำงานเช่นเคย ด้วยแม่เขาเลี้ยงแบบตามใจและสุขสบายมาตลอด ถึงเป็นพ่อคนแล้วก็คงยังใช้ชีวิตสบายเหมือนเดิม หลายครั้งที่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องงานบ้าน คือเราต้องออกมาทำงาน เข้าบ้านก็คือเย็น ทำให้มีเวลาน้อยที่จะทำงานบ้าน ซึ่งเขาอยู่บ้านทั้งวัน แต่กลับว่าเราว่าไม่ช่วยทำงานบ้าน ห้องสกปรก มีฝุ่น คือเราผิดไหมคะ ที่บอกให้เขาช่วยทำ แต่เขากลับบอกมันคือหน้าที่เรา กลับบ้านไปเราก็เป็นคนเลี้ยงลูกต่อจากแม่เขา ชีวิตแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง คือบางทีลูกงอแง เรายืนล้างขวดนมก็เรียกเรา ลูกฉี่ล้นแพมเพิสก็เรียก ทั้งๆที่พ่อก็ทำได้ไหมคะ ออกไปเดินห้างกันอุ้มลูกหน่อยพองอแง ก็จะให้เราดูลูก ตั้งแต่ลูกเกิดมาจนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คิดการไกลอยากหาเงินให้ได้มากๆ ใครๆก็อยากจะรวยไหมคะ แต่ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้บอกตามตรงคะ ยังไม่กล้าลงทุนทำอะไรเลย เราทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่ช่วยเขาหาเงินมาทำกิจการก็หาว่าเราเป็นเมียที่ไม่ช่วยเหลือครอบครัว ทำนั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ คือ ทำอะไรก็ผิดไปหมด เช้าเรารีบตื่นก่อนลูกจะตื่น แต่งตัวด้วยแฟลชโทรศัพท์เพราะไม่กล้าเปิดไฟ กลัวลูกตื่น ห้องค่อยข้างมืด แต่ก็มีบางวันที่ลูกตื่นก่อน ก็นั่นแหละค่ะ แต่งไปดูลูกไป ให้เขาช่วยดูก็กลับเป็นว่าเราว่าต้องแต่งหน้า ทำผมทุกวันเลยหรอ หรือว่าเราต้องเสียสละเวลาตรงนี้คะ ทำไมชีวิตหลังแต่งงานมันไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีความสุขเลยค่ะ เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในบ้านนั้น หลายครั้งที่พ่อแม่เราบอกให้เรากลับมาอยู่บ้าน แต่พอเราทำหน้าที่แม่แล้ว ก็ทิ้งลูกกลับมาไม่ได้ ฟังดูแล้วชีวิตอาจจะไม่ได้แย่ที่สุดสักเท่าไหร่ แต่มันท้อมากเลยค่ะ
เมียที่ดี ต้องดีแค่ไหน