บอกเล่าประสบการณ์ บวชเณรครั้งแรก ที่ วัดเทพนิมิตศาลายา หลวงพ่อ ชอบนั้งสมาธิมากๆ
บวชเณร วัดนี้ถ่าไม่ทำวัตร หลวงพ่อ เปิดไมค์ ประกาศได้ยินทั้งตำบล ออกไปเป็นกิโล 555+
บอกเณร ให้ออกมา ทำวัตร ทุกวัน
ถ่า เราไม่ออกมาก็เป็นหนี้โยม เพราะ
เรารับ สังฆทาน และปัจจัย โดย อาศัย
โยมทั้งนั้น ตั้งแต่นั้น เลยออกมา ทำวัตรทุกวัน
ตื่น 03.40 อาบน้ำ ทำวัดเสร็จ ก็ ไปเดินบิณฑบาต เดินไปเป็นกิโลเลยเอาเป็นว่า
ทำวัตรเสร็จ 05.00 ไปเดินบิณฑบาต 6.00
ก็คือ เดิน กลับวัดมาถึงวัดราวๆ 8.00
เดินไปได้ 2ชั่วโมง ถ่าเทียบกะเดินออกกำลังกาย
ก็สุขภาพดีสุดๆ ไปเลย
17.30 ไปนั้งเตรียมตัว หรือ 18.00 เริ่มสวดมนต์ นั้งจนเมื่อยไปทั้งตัว
21.00 กลับกุฏิ และ จำวัด (นอน)
บอกเลย ตอนนั้นยังเด็กอายุ 13 เลยคิดว่า มันลำบาก
เมื่อยไป ทั้งตัวเลย เหมือน กับว่าฝึก ให้ตัวเอง
อยู่เฉยๆ เนี้ยยาก นะ ไม่เชื้อลองดู แล้วต้องทำ เป็นชั่วโมง
แถมแอร์ ในห้องเย็นมากๆ -0- วัดนี้ มีแอร์ในห้องสมาธิ
ที่ โครตจะกว้างเลย (ชวนให้ไปแอบหลับ) แอบหลับได้ เอาจริงๆ มีแอบไปพิง งีบ
ด้านหลัง ไกลๆ หน่อยด้วย เป็นการ ฝึกจิต ในจิตจริงๆ ครับ
เพราะห้องที่สบาย เนี้ยแหละ ทำให้ไม่สบาย จะหลับตลอด
เพราะ มันจะหลับให้ได้เลย คุณลองนึกภาพ ว่า ห้าม หลับ
หลังจากง่วง ในเวลา 15 นาที แล้วต้องอยู่ต่อ อีก นาน.....
ว่าทรจิตคุณใหม หล่ะ แถมตอนเด็กๆ ผมง่วงง่าย สุดๆ เลยนึกถึงความหลังว่า
วัดนี้ สอนให้ผม โตมา กะ ความอดทน ต่อความรู้สึกตัวเอง
คิดว่าท้ายที่สุดแล้ว ผมชอบ แนวทางการปฏิบัติ ที่นี้
วัดนี้ สอนนั้งสมาธิ จริงจัง ในขั้นที่ต้องทำให้สุด
ตอนนั้น หลวงพี่ที่คุมคอยตีถ่าเราเผลอหลับ
ผมเห็นเพื่อนๆ ในกลุ่ม คอตก กันหมดเลย
แอร์เย็นเจี๊ยบ พระเจ้าช่วย ผมโครตไม่ชอบแอร์ เอาจริงๆ จะหลับเพราะเย็น
มีเณรองค์นึง 555+ นอนหลับไปเลย กรนชะด้วย
แต่เนียน ในท่านั้งสมาธิ พอมานึกดูแล้ว
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุข แบบนั้นแหละ เป็นช่วงที่ผมรู้สึกสงบจริงๆ
การได้คิดว่าทำอะไรยากๆ แล้วทำให้ตัวเองนิ่งยากกว่า
เด็กจะนิ่งได้ยังไงมากมาย มีเฌรหนีนะครับ ตอนนั้น
บวชภาคฤดูร้อน เท่าอายุหลวงพ่อ ผมจำไม่ค่อยแน่ชัดน่าจะ 50-60องค์
เนื่องจาก นานมากแล้ว ผมบวช ตอนอายุ13 ตอนนี้ 29 จะ 30 แล้ว 16 ปี
แห่งความหลัง จริงๆ ผมรู้สึก เริ่มชิน หลังจากผ่านไป 15 วัน
ผมเริ่มทำได้แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดี ผมโดนเฌรสองคนแกล้ง
ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เรื่องคือ
ผมนั้งต่อจากเขาด้านหลัง คือผมตัวใหญ่กว่านะ
แล้วเขาก็มีเพื่อนอีกคนผมก็มีเพื่อนตัวเล็กๆ
ซึ่งเป็นน้องมากกว่าเพื่อน อายุ ห่างผมราวๆ 4ปี
คือผม 13 แล้ว เลยคิดว่าโตพอสมควร รู้เรื่องเยอะแล้ว
ก็โดนแขวะ ทั้งๆ ที่บวช น่าแปลก ผมกลับไม่ฟ้องพระอาจารย์
ไม่รู้ว่าทำใม อยู่ก็นัดผมไปต่อย น่าแปลกใจ คือ ผมรับคำท้า
เพราะคิดว่าไม่ควรกลัวตอน นั้นไม่คิดว่ามันจะผิดอะไรเณรต่อยกัน
ก็เลยสู้ ปรากฏว่า ในที่กว้าง ผมตัวใหญ่กว่าเลยเหมือนจะได้เปรียบ
เพื่อน คู่ท้าผม เลยบอกว่าไปในห้องน้ำ ผมซึ่งไม่กลัวเลยนะ ตอนนั้น และประมาทโดนเปิด
ก่อนเลย ได้แค่กัน อยู่อย่างเดียว ตอนนั้นในใจไม่รู้ทำใมกลัวอาการเหมือนรู้สึกว่าสู้ไม่ได้ แหะ จะสวนกลับ ก็ ไม่ได้
เพราะห้องน้ำด้านข้างเป็นรั่วหมด เหมือนติดเชือกอะไรทำนองนั้น และ ไม่นาน ก็ เลิกกัน แต่ไม่มีใครล้ม
เจ้าตัวเลิกเอง บอก จะเอาอีกบอกได้นะ ผม ก็ยอมรับว่าแพ้นะ แต่ในใจคือ
อยากสู้ต่อ อยู่ๆ คิดไงไม่รู้ ว่าเราเป็นพระ คำนี้มันขึ้นมาในหัว
บอกว่าแพ้เป็นพระชนะเป็นมาร จริงๆ ครับผมคิดแบบนั้นไปเฉย เลย
ไม่รู้สึกว่าผิดอะไรเลยด้วยนะ ผมมารู้ตัวอีกที เลยเข้าใจว่าไอ้เพื่อน ของคนที่ท้าผมอ่ะมันยุ
ก็ ว่า เราไม่ได้ทำไรผิดใม อยู่ๆ มันมาท้าต่อย ได้เนี้ย
ผม ก็ ไม่ไปอะไร กะ เจ้าเพื่อนผู้ท้า ต่อ เพราะ พอและ มาบวชเพื่ออะไรเนี้ย
ตอนนั้นคิดแบบนี้ แล้วสบายใจไปเอง ถ่าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงไม่ยอม เลย
ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอก ด้วย โตมากะคำว่าไม่ยอมง่ายๆ
ที่วัดนี้ สอนผมเอง ให้รู้สึกใจเย็นด้วยตัวเอง วัดนี้ ใครมีลูกส่งไปฝึกจิต ฝึกใจดู น่าจะได้ผล
ผมยอมรับเลยว่า จากที่ไม่นิ่งสุดๆ หลังจากผ่านการอบรมในวัด ก็นิ่งมากๆ
จนบางที ก็ยังติด มาจนปัจจุบัน นั้งสมาธิในเวลารู้สึกไม่สบายใจ แล้วพอทำก็หายได้
แม้ ไม่รู้ว่าได้บุญใหม แต่เชื่อเถอะครับ ว่า ทำแล้วได้ความสบายใจแน่นอน
หลังจากจบการบวชเณร ภาคฤดูร้อน พ่อแม่เด็ก ผู้ท้าชิง ผม
เป็นลูกคนมีเงินแน้นอน เท่าที่ผมรู้ และ ด้วยความที่ผม
เป็นเด็กคนเดียวที่ พ่อ แม่ ทำมาค้าขาย อยู่กรุงเทพ ไม่ได้มารับ
เด็กผู้ท้าชิง ของผม เองเห็นผม คิดว่าผมคงไม่มีพ่อ มี แม่
หรือไม่นั้น ไม่แน่ใจ จึงถามว่า แล้วพ่อ แม่ นายหล่ะ
ผมตอบไปว่า ไม่มี ว่างมา รับหลอก ผมคิดว่าผมไม่อะไร
ผู้ท้าชิงจึงไปเรียก พ่อ และ แม่ของเขามา และ ไม่รู้ว่า บอกอะไร
ทุกคนดูเศร้าๆ และ ก็เดินมา บอกว่า บ้านอยู่ไหน ไปส่งให้ใหมหนูบ้านอยู่ไหน
ผม ก็ อึ้ง และน้ำตาไหลเอง เพราะ จริงๆ ในใจก็ คิดว่า ถ่า พ่อ แม่ มาก็ดี
ผมเลย บอกไป ว่า ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้บ้านอยู่แถวนี้ครับ เข้าก็ตื้อนะแปลกดี
จริงๆ ผมอาศัยอยู่กะยาย ที่ นนทบุรี แต่วัดตั้งอยู่ นครปฐมนะ
จริงๆ มันอยู่ ข้ามกัน ไป แค่สะพานเดียว คือสะพาน หลังวัด นครปฐม กะ นนทบุรี
ผมเดินไป 1 กิโล ก็ถึงบ้านยาย แล้วครับ ไม่ไกลเลย
และด้วยความที่ ว่า ผู้ท้าชิงกลายเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ
ผมเลยสงสัยว่า ที่เราต่อยกันไปทำใม หนอ......
บางทีคนเรามีเรื่องกันเพราะคนอื่นได้เหมือนกันนะอย่าตัดสินใครง่ายๆ
ผมว่าผมได้เรียนรู้ มากๆ เลย ทั้งความกลัว ความกล้าที่จะทำ
ยกตัวอย่าง ตอนไปทัศนศึกษา ของวัด ที่วัด เขาจัดให้ไป
และไปที่วัดเทพนิมิตร2 ครับ อีกที่นึง ซึ่งอยู่ ต่างจังหวัด และ ตัววัดเอง ก็ ยังสร้างไม่เสร็จเลย
แถม ผม ก็ จำไม่ได้ด้วย ว่า อยู่จังหวัดอะไร และ ชื่อน่าจะ เปลี่ยนไปแล้วด้วย ในปัจจุบัน
มีควาย มีทุ่งนา ที่แน่ๆ คือ ตอนไปบิณฑบาต จะมีรถ เป็นรถสองแถวมี
หลังคากันฝน นั้งได้ หลายคน ไปกันที 3-4 คันเป็นรถคันเดียวกะตอนมาส่ง ทัศนศึกษา มารับไปถ่าเดินคงไม่ไหว
เพราะบ้าน แต่ ล่ะ หลัง อยู่ห่างกันเป็นกิโล ที่นั้น เลยต้องนั้งรถ เท่านั้น และ ก็ ลงเดินไปตามบ้าน
ที่วัดนี้แหละ เริ่มฝึก ความกลัวกัน กะ สิ่งสกปรก ด้วยการ เอามือจุ่มลงไปในส้วม
ส้วม นี้ บอกเลยว่า เป็นอุจาระ ของ พระ ทั้งวัด เปิดฝาหลังส้วม ให้เอามือ จุ่มกัน เลยทีเดียว
ที่จริงเขาให้โดด ครับ แต่พระอาจารย์ บอก มือจุ่ม ก็ ได้แล้วรีบไปล้างกันไวไว
มีคน โดดโขว์ ก่อน คือ เณรที่อยู่วัด นี้ ซึ่งเอาจริงๆ อันตราย นะครับเนี้ย ห้ามทำตาม
เพราะ เราไม่รู้ว่ามีเชื้อโรค อะไร มากมาย อยู่ในนั้น -0- ถ่าไม่แน่จริงๆ คงไม่โดดลงไป
และมีครับ คนทำตาม และ ไม่ใช่ผม แน่ๆ
วิธีนี้ อาจจะ ไม่ดี แต่ผมคิดว่า จิตใจคนเรา ก็ ควร ให้ลงต่ำ ก่อน แล้วค่อย
ขึ้นสูง ถ่า ผู้ดีมากๆ มาทำคงหนีไปเลย ผมก็ไม่กล้าโดด หลอกครับ
เอามือจุ่ม แล้ว ก็ วิ่งไปล้างกันเป็นแถว 555+
ถ่ามันแห้งๆ ก็ไม่กลัวครับ นี้ทั้งกลิ่นทั้ง น้ำสุดๆ เหลืองอร่าม... ลอย ละล่อง อยู่ในบ่อขี้
และก็ผ่านไปครับ ทำกัน ทุกคน โดดบ้าง จุ่มบ้าง แล้วแต่เลือก
หลังจาก ทัศนศึกษา ที่นี้ เสร็จ ผม ก็ ไปที่ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
ได้เข้าไปโบสถ์ ด้วยโดยพระอาจารย์บอกว่า คนธรรมดาห้ามเข้า
ไม่รู้ว่าทำใม ท่านบอกแค่นี้ ส่วนตัวผมก็ ไม่คิดติดใจอะไร นะตอนนั้น ปัจจุบันก็ ไม่ได้หาคำตอบ
ถ่าใครรู้ช่วยบอกที ครับ ก็เข้าไปทั้งคณะ เฌร เวลานั้นเข้าไปไหว้
พระพุทธเจ้าองค์ใหญ่ สุดๆ ในโบสถ์ ที่พระทำวัตร กัน และสุดท้าย
ผมก็ได้ใบจบมาด้วยคือนักธรรมตรี ก็เก็บไว้ ใส่กรอบ มีบทสวดที่ต้องท่องให้ได้ก่อนจบ
บทนึง คือ อิติปิโสบทเต็มครับ และก็น่าแปลก ฝึกท่องได้ทุกคน ไม่มีใครไม่ผ่านครับ
พยายามกันทุกคนจริงๆ น่าแปลก ที่ ทุกคนพยายามกันจริงๆ
สุดท้าย ผมอยากบอก ว่าสิ่งที่เล่านี้จะเป็นประโยชน์ กะ ใครได้ บ้างเท่านั้นเอง
ประสบการณ์ บวชเณรครั้งแรกที่รู้สึกดีที่สุดในชีวิต
บวชเณร วัดนี้ถ่าไม่ทำวัตร หลวงพ่อ เปิดไมค์ ประกาศได้ยินทั้งตำบล ออกไปเป็นกิโล 555+
บอกเณร ให้ออกมา ทำวัตร ทุกวัน
ถ่า เราไม่ออกมาก็เป็นหนี้โยม เพราะ
เรารับ สังฆทาน และปัจจัย โดย อาศัย
โยมทั้งนั้น ตั้งแต่นั้น เลยออกมา ทำวัตรทุกวัน
ตื่น 03.40 อาบน้ำ ทำวัดเสร็จ ก็ ไปเดินบิณฑบาต เดินไปเป็นกิโลเลยเอาเป็นว่า
บอกเลย ตอนนั้นยังเด็กอายุ 13 เลยคิดว่า มันลำบาก
เมื่อยไป ทั้งตัวเลย เหมือน กับว่าฝึก ให้ตัวเอง
อยู่เฉยๆ เนี้ยยาก นะ ไม่เชื้อลองดู แล้วต้องทำ เป็นชั่วโมง
แถมแอร์ ในห้องเย็นมากๆ -0- วัดนี้ มีแอร์ในห้องสมาธิ
ที่ โครตจะกว้างเลย (ชวนให้ไปแอบหลับ) แอบหลับได้ เอาจริงๆ มีแอบไปพิง งีบ
ด้านหลัง ไกลๆ หน่อยด้วย เป็นการ ฝึกจิต ในจิตจริงๆ ครับ
เพราะ มันจะหลับให้ได้เลย คุณลองนึกภาพ ว่า ห้าม หลับ
วัดนี้ สอนให้ผม โตมา กะ ความอดทน ต่อความรู้สึกตัวเอง
คิดว่าท้ายที่สุดแล้ว ผมชอบ แนวทางการปฏิบัติ ที่นี้
วัดนี้ สอนนั้งสมาธิ จริงจัง ในขั้นที่ต้องทำให้สุด
ผมยอมรับเลยว่า จากที่ไม่นิ่งสุดๆ หลังจากผ่านการอบรมในวัด ก็นิ่งมากๆ