[CR] ขอเล่าประสบการ์ณการผ่าตัดหลัง ตามคำแนะนำเพื่อน

สวัสดีครับ เมื่อเร็วๆนี้ผมได้รับการผ่าตัดที่หลังบริเวณช่วงเอว โดยวิธีส่องกล้องกับเลเซอร์คู่กัน จนตอนนี้อาการของผมดีขึ้นมากแล้ว ผมก็เลยอยากมาแชร์ประสบการ์ณและความประทับใจจากการรักษาของ รพ.แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น รพ.เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและระบบประสาทที่มีชื่อว่า S spine and nerve hospital 

ก่อนอื่นผมขอแจงก่อนนะครับว่าผมไม่ได้รับว่าจ้างหรือค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่ด้วยความประทับใจ และเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่กำลังเจอปัญหาแบบผม ซึ่งเขาอาจจะกำลังมองหาทางรักษาอยู่ จึงคิดว่าข้อมูลนี้อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งนะครับ
ปัจจุบันผมอายุ 32 ปี ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายมากๆ โดยเฉพาะเล่นฟุตบอลและยกเวทที่ยิมอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งหลังจากออกกำลังกายผมจะมีอาการปวดหลังตามมาตลอด เป็นแบบนี้ต่อเนื่องมาประมาณราวๆ 2 ปีได้แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะหลังจากเล่นกีฬามันคงเป็นเรื่องปกติที่จะมีอาการปวดเมื่อย ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาผมมีอาการปวดเล็กน้อย แบบต่อเนื่อง แต่ว่าแค่ไม่กี่วันก็หาย มันไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันแต่อย่างใด
และแล้วช่วงหลังๆประมาณปลายปีที่ผ่านมา อาการปวดหลังของผมเริ่มทรุดลง ลามไปปวดถึงต้นขา เหมือนมันจะร้าวลงต้นขาฝั่งซ้ายเพราะผมปวดเอวด้านซ้ายมาตลอด จนมาถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ปีที่สองของอาการปวดหลัง) ผมเริ่มมีอาการชาที่เท้าซ้ายเวลาผมนั่งนานๆ เช่น ตอนขับรถ หรือเวลานั่งนานๆ เวลาลุกเดินเท้าซ้ายของผมจะรู้สึกชาๆตรงใต้ฝ่าเท้า ผมตกใจมากแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะคิดว่าคงเป็นเพราะเหน็บชาจากการนั่งนานๆมากกกว่า
แต่แล้วผ่านไปประมาณ 1-2 เดือนผมมีอาการชาที่เท้าเกือบทุกวันและทรุดลงเรื่อยๆ จนมีอยู่วันนึงที่ผมเตะฟุตบอลอยู่นั้น ต้นขาของผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาแทงจนต้องหยุดเล่นกระทันหันและไม่สามารถวิ่งได้เลยเพราะจะเจ็บตรงต้นขามากๆ ซึ่งเวลานั้นผมรู้ตัวแล้วว่าอาการมันไม่ใช่ปกติของการปวดหลังธรรมดาแล้ว
 
และในที่สุดผมจึงได้ตัดสินใจที่จะไปหาหมอ ซึ่งผมนึกขึ้นได้ว่าต้นปีที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสนำกระเช้าปีใหม่ไปเยี่ยมลูกค้าท่านนึงซึ่งอายุราวๆแม่ผม ลูกค้าผมท่านนี้มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงและกำลังเข้ารับรักษาอยู่จึงให้นามบัตรของทางรพ. S spine กับผมมา เพราะเค้ารู้ว่าผมก็กำลังเจอปัญหาปวดหลังอยู่ จึงได้แนะนำผมให้ไปลองปรึกษาที่นี่ดู เพราะเค้าบอกว่าอาการของเค้าดีขึ้นมาก ผมจึงโทรไปที่รพ.และได้ทำการนัดตรวจในไม่กี่วันต่อมา ครั้งแรกที่ผมเห็นสถานที่และได้เดินเข้าไปข้างในผมประทับใจกับการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทางรพ.พอสมควร และความเครียดของผมก็เริ่มลดลง
 
เมื่อถึงเวลาตรวจ คุณหมอแจ้งผมว่าต้องใช้วิธีเอกซเรย์และเข้าเครื่อง MRI ถึงจะรู้สาเหตุที่ชัดเจน ในวันนั้นผมจึงเข้าทำการตรวจอย่างละเอียดทั้งเอกซเรย์และ MRI หลังจากนั้นคุณหมอก็นัดฟังผลในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา

ผลออกมามันทำให้ผมค่อนข้างช็อคมากๆ เพราะหมอบอกว่าผมมีอาการหมอนรองกระดูกส่วน L5(บริเวณเอวด้านซ้าย) อักเสบ และมันบวมมากดทับเส้นประสาท ซึ่งในรูปของผลจากการ MRIของผม มันบ่งบอกชัดเจนเพราะหมอชี้ให้ดูจุดที่เป็นสาเหตุ ผมตกใจแบบมากๆๆ เพราะมันใหญ่ผิดปกติและเห็นถึงความต่างกับข้างขวาเลย เวลานั้นผมแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าหมอนรองกระดูกเราจะมีปัญหาจริงๆ ทั้งๆที่อายุแค่นี้
ทางคุณหมอได้ชี้แจงสาเหตุว่ามันเกิดขึ้นได้จากหลายอย่าง เราไม่สามารถฟันธงได้ว่าเพราะอะไรเพราะอาการแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย คุณหมอจึงแนะนำวีธีการรักษา 2 วิธี

ซึ่งวิธีแรกคือฉีดยาบล็อคหลัง แล้วงดออกกำลังกายไปก่อนเพื่อให้กระดูกมันรักษาตัวมันเอง วิธีนี้มีโอกาส 50-50 ที่จะหายดี หรืออาจกลับมาเป็นอีกก็ได้
ส่วนวิธีที่สองคือส่องกล้องแล้วใช้เลเซอร์จี้กระดูกในส่วนที่มันเกินออกมาทับเส้นประสาทออก ซึ่งแผลมันแค่ 0.5ซม.และแทบไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นเลย เป็นวิธีที่ทันสมัยและกำลังนิยมเพราะคนส่วนมากกลัวการผ่าตัดใหญ่ แต่การรักษาก็จะแพงกว่าวิธีแรก ซึ่งหมอก็แนะนำให้ลองวิธีแรกเพราะว่ามันอาจจะหายก็ได้ไม่ต้องใช้เลเซอร์ ผมจึงขอเวลาตัดสินใจและได้ขอผล MRI กลับไปบ้านด้วย
 
ช่วงสัปดาห์ต่อมาผมได้นำผล MRI ไปปรึกษากับแพทย์ที่รพ.อื่นๆ ก็พบว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีดยาก่อน ผมจึงตัดสินใจเลือกที่จะรักษาด้วยการฉีดยา และได้โทรนัดกับทางรพ.S Spineอีกครั้งและนัดวันเข้ารักษาในที่สุด หลังจากฉีดยาที่บริเวณเอว ผมรู้สึกได้ทันทีว่าอาการปวดที่เอวมันหายไปเลย อาการปวดต้นขาและชาที่เท้าซ้ายมันหายเป็นปลิดทิ้งเลย ผมรู้สึกดีใจมากๆแต่ก็ยังหวั่นๆเพราะว่าคุณหมอบอกผมว่ามีโอกาส 50-50 ที่จะหายขาด
หลังจากนั้นผ่านไป 3 เดือนคุณหมอบอกผมไว้ว่าถ้าจะวิ่งหรือเล่นฟุตบอลก็ให้ลองสังเกตุอาการดูและแล้วผมก็รู้สึกจี๊ดๆที่ต้นขาตอนผมวิ่งในขณะเล่นฟุตบอล ผมจึงรู้ตัวแล้วว่ามันยังไม่หายขาด เลยหยุดออกกำลังกายทุกอย่าง 
ผ่านไปได้ไม่ถึง2เดือน อาการปวดเอวมันเริ่มกลับมาตอนผมนั่งนานๆหรือขับรถ ผมจึงรู้ตัวแล้วว่ามันจะหนักขึ้นอีกแน่ๆถ้าผมปล่อยเอาไว้ ซึ่งมันก็หนักขึ้นจริงๆ เพราะอาการชาที่เท้าซ้ายมันเริ่มกลับมาและถี่ขึ้น ผมจึงตัดสินใจโทรนัดกับทางรพ.และไปปรึกษากับคุณหมออีกครั้งและได้เล่าอาการต่างๆ คุณหมอจึงให้ผมทำการ MRI อีกครั้งเพื่อที่จะเห็นภาพที่ชัดเจน ซึ่งผลออกมาก็เป็นไปในทางที่แย่มากๆเพราะจากรูป MRI มันแทบจะดูใหญ่กว่าเดิม คุณหมอจึงมั่นใจว่ามันไม่หายได้ด้วยตัวเองแน่ๆ จึงแนะนำให้ผมทำวิธีรักษาโดยส่องกล้องและเลเซอร์ เป็นทางเลือกต่อไป ผมไม่มีรอและตกลงเพราะตอนนั้นผมปวดเอวมากๆและนั่งนานๆไม่ได้เลย
 
ผมจึงได้เลือกวันและคอนเฟิร์มวันตามที่ผมสะดวกกับคุณหมอและเข้าแอดมิทที่รพ.ก่อนวันรักษา 1 คืน ผมบอกตรงๆว่าผมเป็นคนนนึงที่กลัวการผ่าตัดมากๆ และไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดเลย ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เลย พยาบาลทุกคนชวนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง มารับตัวผมจากห้องพักแล้วนำไปส่งห้องผ่าตัด ความเครียดที่มีอยู่ก็ค่อยๆหายไป ในขณะที่ผมพูดคุยกับพยาบาลอยู่ๆผมก็รู้สึกตัวอีกทีอ้าวเราหลับไปตอนไหน พร้อมกับพยาบาลบอกผมว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ และคุณหมอก็มาพูดคุย มาทถามว่าเป็นยังไงบ้าง ผมบอกตรงๆเลยว่ามันไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยซักนิดแค่ยังรู้สึกตึงๆที่ตรงแผล แต่ก็ไม่ได้รู้สึกปวดแต่อย่างใดเลย หลังจากนั้นพยาบาลก็นำตัวผมส่งกลับห้องพัก และนอนพักที่รพ.อีกคืนนึง
ในวันต่อมาผมตื่นมากับความรู้สึกที่ดีมากๆ เพราะมันไม่เจ็บปวดอะไรเลย ความกังวลและความเครียดมันหายไปจากหัว พร้อมทั้งสามารถลุกจากเตียงมาเดินได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนั้นผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ทางบ้านผมก็ลุ้นอยู่ตลอดและทุกคนดีใจมากๆที่เห็นผมก้าวเดินในห้องพักอย่างปกติไม่มีปัญหาใดๆ และหลังจากนั้นคุณหมอก็มาหาผมและได้บอกวิธีดูแลตัวเองและข้อควรระวังต่างๆที่ควรงดเว้นเมื่อกลับไปรักษาตัวเองที่บ้าน
 
ตอนนี้ผมไม่มีอาการปวดหลังแล้ว แต่ยังรู้สึกตึงๆที่แผลอยู่นิดหน่อย ผมคิดว่าคงงดการออกกำลังกายอย่างหนักไปซัก 2เดือน และจะกลับมาออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้เหมือนเดิม ขอบคุณทางโรงพยาบาลมากครับที่ทำให้ผมกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม
ปล.ใครที่กำลังปวดหลังอยู่อย่าชะล้าใจนะคับ ควรไปพบหมอตรวจดูอาการ เพราะยิ่งรักษาไว ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายขึ้นเยอะ อย่างเช่นเคสของผมที่ไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดใหญ่ หรือบางคนอาจทำแค่กายภาพบำบัดก็หายแล้ว แต่โดยส่วนตัวผมคอนเฟิมเลยครับว่าการรักษาแบบวิธีของผมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และผลการรักษามันน่าประทับใจจนผมอดที่จะมาแบ่งปันข้อมูลไม่ได้จริงๆครับ
ชื่อสินค้า:   s-spine and nerve hospital
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่