ผมเป็นเหยื่อรายหนึ่งที่สนใจในรถ มาสด้า CX5 เพราะเห็นว่าด้วยรูปทรงและสมรรถนะการขับขี่ ณ ตอนที่ได้ทดสอบนั้นดีทีเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน
ผมได้ตัดสินใจซื้อรถเพื่อใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2018 และเมื่อใช้ไปได้เพียงประมาณ 3 เดือนเท่านั้น ตอนช่วงต้นปี 2019 เลขไมล์ประมาณ 6 พันนิดๆ ขณะที่กำลังขับขี่อยู่รถค่อยๆชะลอตัวลงและดับระหว่างขับขี่ไฟโชว์ขึ้นหน้าจอเต็มไปหมด เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดในกรุงเทพมหานคร โทรแจ้งศูนย์ให้รถยกไปทำการเปลี่ยนปั้มน้ำมั้นเชื้อเพลิง (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าปั้มติ๊ก) ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก กับประสบการณ์รถดับกลางอากาศในชีวิต หลังจากนำรถกลับมาใช้ได้ไม่นานก็พบว่ามีเสียงดังผิดปกติที่ช่วงถังน้ำมัน ต้องกลับเข้าไปที่ศูนย์เคลมอุปกรณ์ดังกล่าวอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 และใช้งานเรื่อยมาจนล่าสุดอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2020 เลขไมล์ 14,xxx ระหว่างขับรถกลับจากเขาใหญ่กับครอบครัวเพื่อเข้ากรุงเทพ ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วพอสมควรบนถนนพหลโยธิน ช่วงจากหนองแค-วังน้อย รถค่อยๆชะลอตัวลงและดับกลางอากาศอีกครั้ง ในรอบ 1ปี กับ เดือน นับจากวันออกรถ และเป็นช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีหลังจากเคลมเปลี่ยนปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งที่2 ซึ่งถือว่าโชคยังดีที่เวลานั้นสามารถประคองรถเข้าข้างทางเพื่อจอดบนไหล่ทางได้ทัน และได้พยายามที่ลองสตาร์ทแต่รถใหม่ก็ไม่สามารถใช้การได้ โดยเวลาขณะนั้นคือประมาณช่วงสี่โมงเย็น จากนั้นก็ต้องรอเรียกรถยกกว่า 1 ชั่วโมงท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด เพื่อนำรถเข้าซ่อมและทำการเปลี่ยนอุปปกรณ์เดิมที่เคยเปลี่ยนไปแล้วเป็นครั้งที่ 3
โดยที่ไม่รู้เลยว่าอนาคตการใช้งานรถคันดังกล่าวจะเกิดปัญหาลักษณะเดิมหรืออื่นๆใดขึ้นอีก ทางเราได้พยายามติดต่อประสานงานไปที่ศูนย์รวมถึงส่งเอกสารทางอีเมล์เพื่ออยากทราบปัญหาที่แท้จริงและความมั่นใจในอนาคต แต่ก็ไม่มีใครติดต่อประสานกลับมารับผิดชอบหรือให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้ชะตากรรมอยู่บนเส้นด้าย โดยทุกรอบที่เปลี่ยนอุปกรณ์ทางศูนย์ได้แต่แจ้งว่าเป็นอุปกรณ์ตัวใหม่ล่าสุดซึ่งเหมือนจะสร้างความมั่นใจให้ แต่แท้จริงแล้วก็ยังคงเป็นปัญหาเช่นเดิม และที่สำคัญไม่เคยได้รับเอกสารในการ Recall ให้กลับเข้าไปเปลี่ยนอุปกรณ์ Defect ใดๆจากทาง Mazda แม้แต่ครั้งเดียว
สิ่งที่อยากเตือนใจเพื่อนๆในการซื้อรถ Mazda โดยเฉพาะรุ่น CX5 ซึ่งเท่าที่ทราบนอกจากปั้มน้ำมันในรุ่นเบนซิน ในส่วนของเครื่องดีเซลก็มีปัญหาเรื่องน้ำดันด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะได้ยินโฆษณาประหลาดตามสื่อของรถยี่ห้อดังโปรโมทรถรุ่น "ไม่ดัน ไม่ติ๊ก" แต่พวกเราก็สามารถเห็นลูกค้ายังคงบ่นถึงปัญหาเดิมๆที่ได้ประสบเจอกันหลายต่อหลายคัน ค้นหาได้เลยใน GOOGLE ก็จะทราบได้เลยว่ามันไม่สนุกเลย หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้รถในยามเร่งด่วนแล้วรถเสีย หากรถคุณเสียในที่เปลี่ยว หากรถดับกลางทางแล้วเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
คำถามที่อยากให้ถามก่อนซื้อรถยี่ห้อนี้เลยคือ
1. ถ้ารถเสียกลางทางแล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายกับเรา ทางบริษัทฯจะรับผิดชอบหรือไม่ หรือถือว่าเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
2. ถ้ารถเสียต่างจังหวัดไกลจากบ้าน เช่นรถเสียบนเขา ค่าใช้จ่ายในการลากรถส่วนเกินทั้งที่เป็น Defect ของรถ บริษัทจะรับผิดชอบหรือเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
3. กรณีรถเสียต่างจังหวัดแล้วลูกค้าต้องทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ใกล้ที่เกิดเหตุค่าเดินทางกลับบ้านควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทหรือเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
4. กรณีรถเสียต่างจังหวัดแล้วลูกค้าต้องทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ใกล้ที่เกิดเหตุ แล้วเจ้าตัวต้องกลับกรุงเทพมหานคร ตอนรถซ่อมเสร็จค่าใช้จ่ายในการส่งรถกลับ หรือค่าเดินทางกลับมารับรถบริษัทรับผิดชอบ หรือเป็นความโชคร้ายของลูค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
5. ความมั่นใจหลังรถซ่อมเสร็จจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ยิ่งกรณีกลับเข้ามาซ่อมแล้วซ่อมอีกหลายรอบกับประเด็นเดิมๆ อนาตคจะเกิดอีกใหม่ มีแผนรองรับสร้างความมั่นใจอย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่เคยมีคำตอบเพื่อความมั่นใจใดๆจาก Mazda Thailand
อย่างน้อยถ้าต้องซื้อรถคันนึงแล้วต้องเสี่ยงขนาดนี้ก็อยากฝากเป็นข้อคิดให้ผู้คิดจะซื้อ รวมถึงหากโชคดีข้อมูลนี้ได้ทราบไปถึงคณะผู้บริหารของมาสด้าให้ได้ใช้ใจมองถึงปัญหานี้เป็นส่วนสำคัญและเรื่องใหญ่ด้วย หากปัญหานี้เกิดขึ้นกับคุณ มันไม่สนุกเลยขณะที่เหตุการณ์อันเลวร้ายเกิดขึ้นกับใครแต่ไร้ซึ่งการตอบกลับเพื่อให้ความมั่นใจกับลูกค้าที่เคยคิดว่าอยากได้ใช้รถดีๆกับเงินที่ต้องจ่ายไปแต่กลับได้คุณภาพรถแบบนี้ เข้าใจคำว่าชีวิตต้องอยู่บนเส้นด้ายก็คราวนี้ ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางรู้ซึ้งถึงประสบการณ์/ความรู้สึกอันเลวร้ายเหล่านี้ได้เลย
เตือนใจผู้สนใจ Mazda CX5 เบนซิน ดับกลางอากาศ 2 รอบเปลี่ยนปั้มติ๊กมาแล้ว 3 รอบ และยังคงไม่รู้ชะตาอนาคตว่าจะเจอปัญหาอีกไหม
ผมได้ตัดสินใจซื้อรถเพื่อใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2018 และเมื่อใช้ไปได้เพียงประมาณ 3 เดือนเท่านั้น ตอนช่วงต้นปี 2019 เลขไมล์ประมาณ 6 พันนิดๆ ขณะที่กำลังขับขี่อยู่รถค่อยๆชะลอตัวลงและดับระหว่างขับขี่ไฟโชว์ขึ้นหน้าจอเต็มไปหมด เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดในกรุงเทพมหานคร โทรแจ้งศูนย์ให้รถยกไปทำการเปลี่ยนปั้มน้ำมั้นเชื้อเพลิง (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าปั้มติ๊ก) ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก กับประสบการณ์รถดับกลางอากาศในชีวิต หลังจากนำรถกลับมาใช้ได้ไม่นานก็พบว่ามีเสียงดังผิดปกติที่ช่วงถังน้ำมัน ต้องกลับเข้าไปที่ศูนย์เคลมอุปกรณ์ดังกล่าวอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 และใช้งานเรื่อยมาจนล่าสุดอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2020 เลขไมล์ 14,xxx ระหว่างขับรถกลับจากเขาใหญ่กับครอบครัวเพื่อเข้ากรุงเทพ ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วพอสมควรบนถนนพหลโยธิน ช่วงจากหนองแค-วังน้อย รถค่อยๆชะลอตัวลงและดับกลางอากาศอีกครั้ง ในรอบ 1ปี กับ เดือน นับจากวันออกรถ และเป็นช่วงระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีหลังจากเคลมเปลี่ยนปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งที่2 ซึ่งถือว่าโชคยังดีที่เวลานั้นสามารถประคองรถเข้าข้างทางเพื่อจอดบนไหล่ทางได้ทัน และได้พยายามที่ลองสตาร์ทแต่รถใหม่ก็ไม่สามารถใช้การได้ โดยเวลาขณะนั้นคือประมาณช่วงสี่โมงเย็น จากนั้นก็ต้องรอเรียกรถยกกว่า 1 ชั่วโมงท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด เพื่อนำรถเข้าซ่อมและทำการเปลี่ยนอุปปกรณ์เดิมที่เคยเปลี่ยนไปแล้วเป็นครั้งที่ 3
โดยที่ไม่รู้เลยว่าอนาคตการใช้งานรถคันดังกล่าวจะเกิดปัญหาลักษณะเดิมหรืออื่นๆใดขึ้นอีก ทางเราได้พยายามติดต่อประสานงานไปที่ศูนย์รวมถึงส่งเอกสารทางอีเมล์เพื่ออยากทราบปัญหาที่แท้จริงและความมั่นใจในอนาคต แต่ก็ไม่มีใครติดต่อประสานกลับมารับผิดชอบหรือให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ปล่อยให้ชะตากรรมอยู่บนเส้นด้าย โดยทุกรอบที่เปลี่ยนอุปกรณ์ทางศูนย์ได้แต่แจ้งว่าเป็นอุปกรณ์ตัวใหม่ล่าสุดซึ่งเหมือนจะสร้างความมั่นใจให้ แต่แท้จริงแล้วก็ยังคงเป็นปัญหาเช่นเดิม และที่สำคัญไม่เคยได้รับเอกสารในการ Recall ให้กลับเข้าไปเปลี่ยนอุปกรณ์ Defect ใดๆจากทาง Mazda แม้แต่ครั้งเดียว
สิ่งที่อยากเตือนใจเพื่อนๆในการซื้อรถ Mazda โดยเฉพาะรุ่น CX5 ซึ่งเท่าที่ทราบนอกจากปั้มน้ำมันในรุ่นเบนซิน ในส่วนของเครื่องดีเซลก็มีปัญหาเรื่องน้ำดันด้วยเช่นกัน ถึงแม้จะได้ยินโฆษณาประหลาดตามสื่อของรถยี่ห้อดังโปรโมทรถรุ่น "ไม่ดัน ไม่ติ๊ก" แต่พวกเราก็สามารถเห็นลูกค้ายังคงบ่นถึงปัญหาเดิมๆที่ได้ประสบเจอกันหลายต่อหลายคัน ค้นหาได้เลยใน GOOGLE ก็จะทราบได้เลยว่ามันไม่สนุกเลย หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้รถในยามเร่งด่วนแล้วรถเสีย หากรถคุณเสียในที่เปลี่ยว หากรถดับกลางทางแล้วเกิดอุบัติเหตุ ฯลฯ
คำถามที่อยากให้ถามก่อนซื้อรถยี่ห้อนี้เลยคือ
1. ถ้ารถเสียกลางทางแล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายกับเรา ทางบริษัทฯจะรับผิดชอบหรือไม่ หรือถือว่าเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
2. ถ้ารถเสียต่างจังหวัดไกลจากบ้าน เช่นรถเสียบนเขา ค่าใช้จ่ายในการลากรถส่วนเกินทั้งที่เป็น Defect ของรถ บริษัทจะรับผิดชอบหรือเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
3. กรณีรถเสียต่างจังหวัดแล้วลูกค้าต้องทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ใกล้ที่เกิดเหตุค่าเดินทางกลับบ้านควรเป็นหน้าที่รับผิดชอบของบริษัทหรือเป็นความโชคร้ายของลูกค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
4. กรณีรถเสียต่างจังหวัดแล้วลูกค้าต้องทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ใกล้ที่เกิดเหตุ แล้วเจ้าตัวต้องกลับกรุงเทพมหานคร ตอนรถซ่อมเสร็จค่าใช้จ่ายในการส่งรถกลับ หรือค่าเดินทางกลับมารับรถบริษัทรับผิดชอบ หรือเป็นความโชคร้ายของลูค้าเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองไป
5. ความมั่นใจหลังรถซ่อมเสร็จจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ยิ่งกรณีกลับเข้ามาซ่อมแล้วซ่อมอีกหลายรอบกับประเด็นเดิมๆ อนาตคจะเกิดอีกใหม่ มีแผนรองรับสร้างความมั่นใจอย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่เคยมีคำตอบเพื่อความมั่นใจใดๆจาก Mazda Thailand
อย่างน้อยถ้าต้องซื้อรถคันนึงแล้วต้องเสี่ยงขนาดนี้ก็อยากฝากเป็นข้อคิดให้ผู้คิดจะซื้อ รวมถึงหากโชคดีข้อมูลนี้ได้ทราบไปถึงคณะผู้บริหารของมาสด้าให้ได้ใช้ใจมองถึงปัญหานี้เป็นส่วนสำคัญและเรื่องใหญ่ด้วย หากปัญหานี้เกิดขึ้นกับคุณ มันไม่สนุกเลยขณะที่เหตุการณ์อันเลวร้ายเกิดขึ้นกับใครแต่ไร้ซึ่งการตอบกลับเพื่อให้ความมั่นใจกับลูกค้าที่เคยคิดว่าอยากได้ใช้รถดีๆกับเงินที่ต้องจ่ายไปแต่กลับได้คุณภาพรถแบบนี้ เข้าใจคำว่าชีวิตต้องอยู่บนเส้นด้ายก็คราวนี้ ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางรู้ซึ้งถึงประสบการณ์/ความรู้สึกอันเลวร้ายเหล่านี้ได้เลย