กับดักของคำว่า ของมันต้องมี ที่หลายคนเข้าใจผิด

ก็ของมันต้องมี เปิดเฟซบุ๊ค เปิดไอจี ขึ้นมา เห็นสิ่งที่เรายังไม่มี เห็นแล้วมันปวดใจอย่างไงก็ไม่รู้ ทำงานมาแสนเหนื่อย ยังต้องมาทนเห็นของคนอื่นที่มีอยู่เนี่ย  
วันนี้จะมานำเสนอ กับดักของคำว่า "ของมันต้องมี" ที่หลายคนเข้าใจผิด
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ไม่ปรง ไม่แปรก เลยค่ะ เพราะพฤติกรรมคน Gen Y ส่วนใหญ่ กลัวตกกระแส จนใช้เงินจ่ายเพื่อจะได้คำว่า “ของมันต้องมี” ผู้คนส่วนใหญ่ฝันจะมีบ้านและรถยนต์เป็นของตัวเองก่อนอายุ 40 ปี 
ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า คน GEN Y มีการกู้เงิน 7.2 ล้านคน คิดเป็น 50% ของประชากร GEN Y เลยทีเดียว
 
คน GEN Y ส่วนใหญ่ใช้จ่ายไปกับทัศนคติว่า “ของมันต้องมี” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อโทรศัพท์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋า นาฬิกาหรือเครื่องประดับ 
คน GEN Y จะซื้อสินค้าเหล่านั้น เพราะกลัวตกกระแส และให้ความสำคัญมากกว่า เงินเก็บออม อีกด้วย
  
ความสุขซื้อได้ด้วยประสบการณ์ ซึ่งเป็นที่มาของประโยคยอดฮิตที่ว่า “ของมันต้องมี”
อะไรกันที่ทำให้คนส่วนใหญ่ใน Gen Y คิดกันแบบนี้  นั้นก็คือ เมื่อมีของที่อยากได้แล้วจะได้มีแรงทำงาน เพราะตอนนี้เรายังหนุ่มยังสาว ยังแข็งแรงอยู่ไง และอีกอย่าง การทำบัตรเครดิตในยุคปัจจุบันทำก็แสนง่าย เมื่อมีแล้วก็สามารถจับจ่ายใช้สอยได้ทันที
 
หากเรามีสติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับของต่างๆที่เรายังไม่มี เอาจริงๆนะ คือ เมื่อเราเปิด เฟซบุ๊ค ไอจี ถ้าเรามีสติ เมื่อเห็นของเหลานั้นแล้ว ถ้ามีเงินหลือ ไม่ใช่ยิมเงินเขามานะ ก็สามารถซื้อได้ ไม่ใช่ เอะอะ ก็จะรูดบัตรซื้ออย่างเดียว สติเลยเป็นสิ่งเดียวที่เราต้องมี
พวกที่เค้ามีเงินหลือ นะ เค้ามีสติกันทั้งนัน  ควบคู่กับวางแผนการบริหารเงินให้ดี โดยเพิ่มการออมการลงทุนให้ถูกที่ แค่นี้ เอง
 
มันไม่ใช่ความผิดที่เราอยากได้อยากมี เพราะทุกคนต้องการ การยอมรับจากกลุ่มเพื่อน แต่หากมากเกินไปเราจะไม่มีความสุข และไม่มีความเป็นตัวเอง
ดังนั้น ความอยากได้อยากมีของเราควรอยู่บนความพอดี มองหาข้อดีของตัวเองแล้วดึงมันออกมาใช้อย่างมีศักยภาพ เพราะทุกคนมีข้อดีเป็นของตัวเองที่ทุกคนอยากนำไปเป็นต้นแบบ
ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ว่าเราสูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้วกับคำว่า “ของมันต้องมี”  

“แค่คิด…ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว”

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่