[CR] มา รีวิว แนะนำการทำ ICL การผ่าตัดตาแบบฝังเลนส์ ที่ โรงพยาบาลกลาง กับ คุณหมอนพมาศ กันนะคะ

สวัสดีค่ะ เราเป็นคนที่สายตาข้างขวาสั้นแบบสั้นมากๆ ค่ะ ส่วนด้านซ้ายก็สั้นแต่น้อยกว่าด้านขวา และเอียงทั้งสองข้างนะคะ คือข้างขวาที่สั้นประมาณ 1,500 ก็คือทำเลสิกไม่ได้ค่ะ เพราะสั้นมากเกินแล้ว ทีนี้เมื่อทำเลสิคไม่ได้ มันก็จะมีการรักษาที่เลื่อนขั้นขึ้นมาอีกแบบ นั้นก็คือผ่าตัดรักษาตาที่เรียกว่า การทำ ICL นั้นเอง ซึ่งราคาจะสูงกว่าเลสิกมากๆ โดยการผ่าตัดใส่เลนส์เข้าไปในตาของเราค่ะ แต่แล้ว เราก็ต้องพบกับอุปสรรคอีกค่ะ นั้นก็คือช่องตาของเรามันแคบมาก ผ่าตัดใส่เลนส์จะเสี่ยงมากที่จะไม่สำเร็จ ฉะนั้นเมื่อพอคุณหมอหลายๆ ท่าน เห็นค่าสายตาและผลการตรวจของตาเรา เบื้องต้นเค้าก็ปฏิเสธกันหมด คุณหมอหลายๆ ท่านที่เราไปปรึกษามาเขาก็เลยไม่รับทำให้ค่ะ

เราต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้มีคุณหมอแค่ไม่กี่ท่านนะคะ ที่สามารถทำ ICL ได้เก่งแล้วก็ชำนาญค่ะ เพราะเลนส์ที่จะเอามาใส่ในตาของเรามันต้องสั่งมาจากต่างประเทศ และมันจะมีบริษัทที่นำเข้ามาขายมีเพียงที่เดียวเท่านั้น มันก็คือที่ๆ เราจะต้องไปวัดสายตาเพื่อตัดเลนส์มาใส่ซึ่งก็อยู่ที่ตรงเมืองทองที่เราจะต้องไปจ่ายมัดจำ 30,000 บาทที่นั้นละค่ะ ทีนี้เราจะมาเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เราได้ไปทำ  ICL กับคุณหมอ นพมาศ  ที่โรงพยาบาลกลางมาค่ะ

ก่อนอื่นเลย เราขอเล่าก่อนนะคะ ตัวเราเองรู้สึกว่า เรามองไม่ชัดช่วงประมาณตอน ม.3 ค่ะ เราจึงไปตรวจสายตา สรุปว่าเราสั้นจริงๆ สั้นไป 150 หรือ 200 แล้วเราก็ตัดแว่นมาค่ะ แต่ก็แบบใส่บ้างไม่ใส่บ้าง (แบบขี้เกียจอะเนอะ) จนอายุ ประมาณ 20 ค่ะ เราก็เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ ทีนี้เวลากลางคืนเริ่มมองอะไรไม่ชัด เวลามองหน้าเพื่อนนี่ต้องเข้าไปจะถึงตัวเพื่อนอยู่แล้ว ถึงจะได้เห็นหน้าเพื่อน ก็เลยกลับมาใส่แว่นอีกครั้ง ครั้งนี้เราสายตาสั้นไม่เท่ากัน ข้างซ้าย 700 ข้างขวา 400 กว่า แถมยังเอียงอีกต่างหาก เราเลยถามพี่ที่ร้านตัดแว่นว่าทำไมค่าสายตาเราไม่เท่ากัน พี่ที่ร้านเลยบอกว่าน่าจะเป็นโรคสายตาขี้เกียจ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใส่แว่นมาตลอด ซึ่งเราก็เคยใส่คอนแทคเลนส์นะคะ แต่เรารู้สึกว่ามันลำบากเกินไปสำหรับชีวิตเราค่ะ
ต่อมาอีก ประมาณ 2-3 ปี แต่สายตาเราก็เริ่มสั้นขึ้นเลยๆ จนล่าสุดเราก็ไปตัดแว่นมา ทีนี้สายตาแย่กว่าเดิม ข้างซ้าย 1500 ข้างขวา 700 เอียงอีก 300 เราตกใจมากเลย ร้านที่เราไปตัดแว่นเค้าบอกเราว่า สายตาสั้นมากแล้วจะไม่มีเลนส์ตัดให้แล้วนะ ควรไปหาทำเลสิคได้แล้วนะ แล้วเราก็ได้คุยกับแม่พี่สาวเรื่องการทำเลสิกกันว่าสงสัยคงต้องทำแล้วจริงๆ ราคามันเท่าไร แล้วจะทำกันที่ไหน หาข้อมูล หารีวิวต่างๆ ที่คนมาโพสค่ะ ตอนนั้นในใจเรา เลือกโรงพยาบาลกลางแล้วก็เลือกโรงพยาบาลที่เรากำลังจะบอกนี่ละค่ะ ขอเราเรียกว่าโรงพยาบาลใกลบ้านแล้วกันนะคะ

เราก็เลือกโรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อเข้าไปตรวจก่อน เพราะเห็นว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนคงไม่ต้องรอนาน ก็คือโรงพยาบาลชื่อดังแถวย่านเกษตร เราขอไม่เอ่ยชื่อรพ.นะคะ เพราะเราก็ได้เจอกับเรื่องที่ไม่โอเคเท่าไหร่เลยค่ะ  โดยเราได้โทรไปหาแผนกเลสิคของรพ.นั้น ทีนี้คนรับสายก็แนะนำมาว่าให้ตรวจกับหมอคนนึงหมอคนนี้เก่งมากเราก็เลยทำตามพี่คนที่รับสายค่ะ เลือกจะเข้าไปปรึกษาคุณหมอคนที่ทางรพ.แนะนำมา ที่นี้ทางโรงพยาบาลก็นัดวันมาค่ะ พอถึงวันตรวจที่เรานัดไว้ กับโรงพยาบาลใกล้บ้าน พอไปถึงเราก็ไปตรวจร่างกาย ก็ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน ตามปกติแต่เราชีพจรเต้นผิดปกติ ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ได้ยินพยาบาลคุยกันว่าเราเป็นไทรอยด์ เพราะถ้าเป็นไทรอยด์จะทำเลสิกไม่ได้
และพยาบาลก็เรียกพี่สาวเราไปคุย แล้วก็เหมือนกับว่ายังไงเราก็เป็นไทรอยด์แน่นอน  ซึ่งตอนนั้นเรากับพี่สาวเราเครียดมาก คิดว่าหมอกับพยาบาลพูดแบบนี้คือยังไงก็น่าจะเป็นแน่นอน เพราะพยาบาลกับหมอพูดเหมือนการันตีว่าเราเป็นแน่นอนค่ะ หลังจากนั้น พยาบาลเรียกให้เข้าไปหยอดยาขยายม่านตาเสร็จรอไป 10 นาที เวลาผ่านไปจนบ่าย 3 (เวลานัด 4 โมงเย็น) รอจนทุ่มนึงคุณหมอก็ยังไม่มาอีก เราก็รอไปเรื่อยๆ ก็ได้เจอคุณหมอ คุณหมอได้อ่านค่าตาของเราแล้วบอกว่ามี 2 ทางเลือก
1.ใส่แว่นเหมือนเดิม 
2.ใส่คอนแทคเลนส์ข้างนึง ทำเลสิกข้างนึงค่ะ 

ส่วนเรากับพี่สาวก็งงๆ กับคำพูดหมอ จึงคิดว่าจะไม่มีทางอื่นแล้วหรอ เราจึงเลือกวิธีที่สอง ใส่คอนแทคเลนส์ข้างนึง ทำเลสิคข้างนึงค่ะ แต่แล้วหมอที่โรงพยาบาลใกล้บ้านนั้น ไม่ยอมออกใบนัดมาให้ เพราะหมอกับพยาบาลที่นั้น เค้าวินิจฉัยว่าเราเป็นไทรอยด์แน่นอน ให้เราไปรักษาก่อน แล้วให้ไปตรวจเลือดเอาผลไทรอยด์มาให้เขา ตรวจที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ แล้วค่อยนำเอกสารมานัดคุณหมออีกที อันนี้คือผลตรวจของโรงพยาบาลใกลบ้านค่ะ แล้วเรากับพี่สาวก็คุยกันว่ามันจะไม่มีทางออกอื่นแล้วจริงๆ หรอ เราควรจะเชื่อคุณหมอคนนี้เลยไหม ระหว่างนั้นเราก็ได้ไปตรวจไทรอยด์ที่โรงพยาบาลบีแคร์ค่ะ อันนี้คือผลไทรอยด์ของ รพ.บีแคร์นะคะ  สรุปว่าเราไม่ได้เป็นไทรอยด์ค่ะ พีคมาก แล้วที่พยาบาลรพ.แถวบ้านกับหมอการันตีคืออะไร???
เรา แม่และพี่สาว เครียดจิตตกมาตลอด ว่าเราต้องเป็นไทรอยด์แน่ๆ คืออะไร เราก็เลยคิดว่าขนาดวินิจฉัยโรคให้ เขายังวินิจฉัยผิดเลย สงสัยดวงเราจะไม่เหมาะกับโรงพยาบาลนี้จริงๆ ทีนี้เรากับพี่สาวก็มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลกลางเลยค่ะ แต่ระหว่างที่ติดต่อรอไปตรวจที่โรงพยาบาลกลาง เราได้เอาผลคร่าวๆ ไปถามที่อื่นประมาณ 5-6 ที่ ก็โดนปฏิเสธมาหมด ไม่มีใครทำ  ICL ให้เนื่องจากช่องตาแคบ แล้วเราก็คิดว่าจะทำยังไงดี โรงพยาบาลจะปฏิเสธเราอีกไหม เรียกว่าแทบจะหมดหวังแล้ว ดีว่าเราเลยเลือกจะใช้วิธีนี้ดูเพราะเรากะว่าจะติดต่อถามที่โรงพยาบาลกลางเป็นที่สุดท้ายแล้วค่ะ  แล้วเราก็ได้ชื่อคุณหมอมาท่านหนึ่ง มีคนเค้ารีวิวว่าคุณหมอคนนี้เก่ง นั้นก็คือ คุณหมอ นพมาศ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ค่ะ เราขออนุญาตเรียกคุณหมอว่าอาจารย์นะคะ เพราะเราเรียกตามพี่พยาบาล และเราเรียกจนติดปากแล้วค่ะ

ทีนี้เพื่อนพี่สาวเราก็แนะนำว่า ถ้าเราอยากจะรักษากับหมอที่โรงพยาบาลรัฐบาลที่เก่งๆ เราควรหาเวลาเข้าไปพบท่านก่อน ซึ่งวิธีที่จะเข้าไปพบคุณหมอเก่งๆ เหล่านั้นก็คือให้ไปค้นหามาว่า ท่านได้ลงตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่อื่นวันไหนบ้าง เพราะส่วนมากเลยหมอที่เก่งๆ ตามโรงพยาบาลรัฐบาล ท่านจะไปลงตรวจตามรพ.เอกชนวันอื่นด้วยเกือบทุกคน แล้วให้เราโทรไปติดต่อขอนัดพบนัดตรวจกับท่าน ทีนี้เราจะได้ปรึกษากับท่านได้ง่ายกว่าเราจะรอคิวเข้าไปพบกับท่านที่โรงพยาบาลรัฐบาล เพราะรพ.รัฐคนจะเยอะคิวจะรอนานมากๆ ท่านก็อาจจะยุ่งแล้วก็ไม่มีเวลามาคุยหรือให้คำปรึกษาได้ละเอียดเท่าไหร่ค่ะ  
ทีนี้ก็เป็นขั้นตอนว่าเราจะไปพบกับ อาจารย์นพมาศ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ได้ที่ไหนนะ เราเลยไปเสิร์ชหาว่าอาจารย์ลงตรวจที่ไหนวันไหนบ้าง เราก็ค้นเจอมาว่า อาจารย์ได้ลงตรวจที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ กับ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ เราก็โทรไปที่ โรงพยาบาลเซนหลุยส์ค่ะ แล้วก็ขอนัดอาจารย์เลยค่ะ พอนัดวันได้เรียบร้อย ตอนไปตรวจก็ 50 50 ว่าอาจารย์จะทำให้หรือเปล่า เพราะว่าสายตาที่สั้นแล้วก็สั้นมากๆ ของเรา จนได้เข้าไปพบอาจารย์คุณหมอก็ได้ให้ความหวังกับเรามานิดนึงว่ามี โอกาสที่จะได้ทำ อาจารย์ให้เราไปตรวจค่าสายตาที่โรงพยาบาลกลาง เพราะเครื่องมืออ่านค่าออกมาได้ดีและชัดเจนกว่า คำตอบแค่นี้เราก็มีความหวังมากๆ แล้วนะ เพราะกับที่อื่นเราโดนปฏิเสธมาตลอดเลยค่ะ อันนี้คือใบที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล เซนหลุยส์นะคะ วันนี้เป็นวันที่พบกับอาจารย์ครั้งแรกค่ะ 

แล้วก็มาถึงวันที่เราจะไปพบอาจารย์ที่โรงพยาบาลกลางค่ะ วันนี้ก็ตื่นเต้นมากค่ะ แต่ก็เตรียมใจไว้แล้ว เผื่อผิดหวังด้วยค่ะ คิดว่าถ้าอาจารย์บอกว่าไม่ทำให้เราก็คงต้องทำใจจริงๆ ค่ะ พอไปถึงที่ศูนย์เลสิคที่โรงพยาบาลกลางนะคะ จะอยู่ที่ชั้น 16 ค่ะ จะมีพี่พยาบาลพาทำประวัติ แล้วก็พาไปตรวจสายตาค่ะ ตรงที่ตรวจสายตา พยาบาลยังบอกเลยว่าค่าสายตาเรามันแคบเกินไป แต่เราแอบเห็นค่าความแคบของตาเราตอนที่ไปเจออาจารย์ที่เซนหลุยส์ เหมือนอาจารย์จะบอกว่าถ้าเป็นตัวเลขนี้ เหมือนจะทำได้นะ เราก็ภาวนาในใจ และคิดว่าความแคบนั้นมันอาจเป็นความโชคดีของเราก็ได้(แอบมีหวังนิดๆ) จนเราได้เข้าไปพบกับอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็ให้คำตอบที่เป็นความหวังสุดท้ายมาว่าอาจารย์จะทำให้  ถามว่าเรากลัวไหมก็กล้าๆ กลัวๆ นะ แต่อีกใจนึงอาจารย์ดูมั่นใจมาก และเราก็คิดว่าเราควรจะรีบรับโอกาสนี้ไว้ แล้วอาจารย์ก็แจ้งให้เราทราบราคา ทั้งหมดว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่ พอทราบราคามาก็แอบใจหายนิดๆ ค่ะ เพราะมันเป็นเงินเก็บของเราเกือบทั้งหมดเลย ตั้งแต่เรียนจบทำงานมาเราก็เก็บทุกเดือน เดือนละ5000 บาท เพราะเราก็อยู่บ้านกับพ่อแม่ค่ะ ไม่มีรายจ่ายอะไรมาก  และเราก็ได้ตัดสินใจรักษาแบบจริงๆ จังๆ กับอาจารย์เลยค่ะ อาจารย์ก็บอกว่าถ้าเราพร้อมก็โทรไปหาพี่ที่คุณหมอให้เบอร์มา แล้วก็เข้าไปวัดเลนส์นะที่เมืองทอง ชำระเงินมัดจำ  30,000 บาท หลังจากที่เราไปวัดเลนส์แล้ว (ที่เราไปจองไว้ที่เมืองทอง) พอเลนส์ที่สั่งทำจากต่างประเทศได้รับแล้ว จะมีพยาบาลโทรมานัดวันผ่าตัดนะคะ อันนี้เป็นค่าสายตาที่ได้มาจากโรงพยาบาลกลางและค่าใช้จ่ายในการตรวจตานะคะ นี่ใบผลตรวจค่าสายตาค่ะ 
ขั้นต่อมาเราก็ไปวัดเลนส์ค่ะ แล้วก็วางมัดจำ จำนวน 30,000 บาทค่ะ พอไปถึงพี่ที่บริษัทวัดเลนส์ก็แจ้งว่าเดี๋ยวพอเลนส์มาถึง จะมีพยาบาลโทรไปนัดคิววันผ่าตัดนะคะ เราจะไปผ่าตัดและแอดมิทนอนที่โรงพยาบาลยันฮีค่ะ เพราะอาจารย์กำลังตรวจที่นั้นด้วยค่ะ ที่ไปผ่าตัดที่ยันฮีเพราะว่าเป็นโรงพยาบาลเอกชนห้องผ่าตัดจะเยอะกว่าโรงพยาบาลกลางค่ะ แล้วก็จะได้สะดวกสบายด้วยค่ะ เราก็โอเคเลย ดีด้วยค่ะ เพราะว่าโรงพยาบาลกลางไปยากแล้วก็รถติดมากๆ ด้วยค่ะ อันนี้เป็น เอกสารที่บอกที่อยู่กับเบอร์โทรสถานที่เราไปวัดเลนส์นะคะ  
หลังจากไปวัดเลนส์ผ่านไปประมาณไม่ถึง 2 เดือน โรงพยาบาลยันฮีโทรมานัดวันไปผ่าตัดสรุปได้วันที่ 18 ตุลาคม ที่ โรงพยาบาลยันฮีและก่อนวัดผ่าตัดเราก็ได้ไปตรวจเลือดก่อนที่โรงพยาบาลกรุงสยามเซนคาลอสนี่ผลตรวจเลือดค่ะ
จนมาถึงวันที่เราต้องเข้าผ่าตัดค่ะ เราจะต้องนอนโรงพยาบาลทั้งหมดเป็นเวลาสามวันสองคืนนะคะ (ตื่นเต้นแบบสุดๆ) พอไปถึงรพ.ยันฮี พยาบาลก็ให้ใบนี้มาค่ะ  
แล้วเราก็เข้าห้องผ่าตัด ถ้าถามว่าเจ็บมากไหม เจ็บแบบทนได้ ไม่เจ็บมากเท่าไหร่ค่ะ เราผ่าตัตสองข้างนะคะ ผ่าวันละข้าง ผ่าวันแรก แล้วก็กลับมาพักฟื้น นอนอย่างเดียวเลยค่ะ แล้ววันที่สองก็เข้าห้องผ่าตัดเพื่อผ่าอีกข้างค่ะ พออาจารย์เขามาตรวจผลก็ออกมา ดีมาก (เราก็ดีใจมากๆ) เราจะมองเห็นชัดๆ แบบคนอื่นแล้วจริงๆ หรือเนี่ย เราจะสามารถใช้ชีวิตได้แบบไม่ต้องพกแว่นตาอีกต่อไปแล้วจริงหรือ ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยจริงๆ ค่ะ
พอเวลาผ่านไป 1 อาทิตย์หลังผ่าตัดก็กลับไปตรวจกับอาจารย์ ที่ รพ.กลาง 1 ครั้งนะคะ แล้วก็อีก 3 เดือนก็กลับไปตรวจอีกครั้งค่ะ ผลที่ออกมาก็ดีทุกครั้งเลยค่ะ ตอนนี้เราเริ่มลงตัวค่ะ
และส่วนนี้เป็นใบเสร็จรับเงิน ที่ใช้จ่ายทั้งหมด 210,000 บาทค่ะ
เดี๋ยวเรามาต่อนะคะ
ชื่อสินค้า:   การรักษาด้วยวิธีใส่เลนส์เสริม หรือการทำ ICL การผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่