สวัสดีค่ะ เนื่องจากนี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก ไม่รู้จะเขียนงงหรือเปล่า ถ้าสงสัยอะไรก็ถามได้ค่ะ
เล่าให้ฟังก่อน
คือเป็นสายตาสั้นมาตั้งแต่ม.1 และเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ตอนม.5 ก็ใส่แว่นสลับกับการใส่คอนแทคเลนส์มาเรื่อยๆ มีแสบตาบ้าง ตาแห้งบ้าง ปนๆกันไปเหมือนที่คนอื่นเป็น หลังจากจบปริญญาได้ 2 ปี เราก็มีอาการตาอักเสบรุนแรง โดนลมก็น้ำตาไหล ใส่คอนแทคเลนส์ก็แสบ น้ำตาไหลตลอด หยุดใส่คอนแทคเลนส์ มาใส่แว่นก็ยังไม่หาย ก็เลยไปหาหมอดีกว่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาหาหมอจักษุ แล้วตอนนั้นสายตาสั้น ซ้าย 1000 ขวา 800 (คือตอนไปตรวจหมอตรวจค่าสายตาของแว่นให้ด้วยและพบว่ามันสั้นเพิ่มขึ้นนมากกว่าแว่นแล้ว) หมอบอกว่าให้เปลี่ยนยี่ห้อคอนแทคเลนส์ ห้ามใช้ตามร้านขายทั่วไป ให้ใช้อีกยี่ห้อนึง มันจะระบายน้ำในตาได้ดีกว่า หรือไม่ก็ตัดแว่นใหม่ได้แล้ว ในใจตอนนั้นคืออันเก่าก็ตัดมา 16,000 นะเว้ยยยย!!! มันแพงขึ้นเรื่อยๆ พอตรวจเสร็จตอนนั้นท้อใจมากเลย เดินผ่านป้ายการทำเลสิกของโรงพยาบาล ก็รีบกลับบ้านไปศึกษาจริงจัง (สักที)
การผ่าตัดแก้ไขสายตามีกี่แบบ ?
การผ่าตัดแก้ไขสายตาเนี่ยมันมีหลายแบบมาก แต่ที่ดังที่สุดและเป็นที่รู้จักคือการทำเลสิก (Lasik) ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นวิธีหนึ่งเท่านั้น มันมีการรักษาทั้งหมด 5 แบบแล้วในปัจจุบัน คือ PRK (ใช้ใบมีด ใช้เวลาฟื้นตัวนาน), Lasik (ใช้เลเซอร์ แผลไม่กว้าง ฟื้นตัวไม่นาน) , Femto Second (ใช้เลเซอร์ทุกขั้นตอน แผลเล็ก ชัดแจ๋วตั้งแต่เปิดตา), ReleX Smile (เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด แผลเล็กที่สุด ฟื้นตัวเร็วสุด )และ การใส่เลนส์เสริม ICL (ปลอดภัยที่สุด เอาเลนส์ออกได้ และอยู่ได้ตลอดชีวิต) ซึ่งเราจะทำแบบไหนได้ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย (ความดันลูกตา กระจกตา บลาๆ เราจำไม่ได้ 555555) เราต้องไปตรวจสภาพตาก่อน ว่าคุณหมอก็จะบอกว่าเราทำแบบไหนได้บ้าง คนที่สามารถทำ คือ PRK, Lasik, Femto Second, ReleX Smile คือกระจกตาจะต้องหนาตามที่กำหนดนั่นแหละ ส่วนการทำผ่าตัดแบบใส่เลนส์เสริม ICL นี่คือจะเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่สายตาสั้นมาก และ กระจกตาบางแบบเรา
ตรวจสภาพตาอย่างละเอียด
ขั้นตอนแรกเราต้องไปตรวจสภาพตาก่อน คือจะไปตรวจที่ไหนก็ได้นะ แต่ทางที่ดีก็ตรวจกับโรงพยาบาลที่จะทำดีกว่า แต่ตอนนั้นเราไม่มีอะไรในหัวเลย ก็นัดๆไปสักโรงพยาบาลนึง แต่อยากได้แบบเร็วที่สุด คือเราอยากรู้ไงว่าเราจะสามารถทำแบบไหนได้ สุดท้ายได้นัดของศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ก็โอเค ไป ค่าตรวจ 1,500 บาท พยาบาลก็โทรมาคอนเฟิร์มนัด วันที่ 20 พฤษภาคม และแจ้งว่า ห้ามแต่งหน้า ห้ามใส่น้ำหอมมานะ ถอดเลนส์ก่อนตรวจ 7 วัน (แต่เราถอดล่วงหน้ามาแล้ว 1 เดือน) ห้ามขับรถมาเอง ให้พาญาติมาด้วย ไปถึงก็วัดสายตา ตรวจรูม่านตา ตรวจความดันลูกตา และก็อีกหลายอย่าง ในวันนั้นจะมีการหยอดตาเพื่อขยายรูม่านตาด้วย จะทำให้เบลอๆ มองใกล้ไม่เห็น ตาสู้แสงจ้าไม่ได้ และจะขับรถไม่ได้ด้วย ผลตรวจก็คือ กระจกตาเราบางมากกกกก เราไม่สามารถทำเลสิกด้วยวิธีใดๆได้เลยยยยยย นอกจากการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม ICL (คล้ายๆคนที่เขารักษาต้อ ต้องใส่เลนส์เข้าไปในตา) คุณหมอบอกว่าวิธีนี้สามารถรักษาคนไข้ที่สายตาสั้นมาก กระจกตาบางมาก แบบเรา หลังจากนั้น พยาบาลก็แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม ICL ข้างละ 107,000 บาท โอ้มายก้อด แวบแรกเลยที่คิดได้ คือ
ราคาเท่าดาวน์รถเลย จะออกรถอยู่แล้ว ใจสลายเลยตอนนั้น แบบมันแพงมากจริงๆ หามาตั้งหลายปี ก็ได้แต่หงอยๆกลับไปปรึกษาแม่ก่อน...
เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาล
เมื่อตกลงกับแม่แล้วว่าทำไปเถอะ ไปหาข้อมูลมาแล้วเราจะมาคุยกันใหม่ โอเค จัดไป แนวทางการเลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลของเรามันจะแปลกๆหน่อย คือเราจะเลือกที่ตัวหมอก่อน แล้วค่อยเลือกโรงพยาบาล คุณหมอที่เราเลือกมาเป็นตัวเลือกคือ ต้องเป็นหมอของ ศิริราช ไม่ก็รามาธิบดี ไม่ก็จุฬา แล้วก็ไปศึกษาว่าหมอมีประสบการณ์ที่ไหนมาบ้าง แล้วประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร โจทย์ของเราคือ การใส่เลนส์เสริม ICL เท่านั้น คุณหมอที่เป็นตัวเลือกได้แก่
คุณหมอภาวิกา จบจากคณะแพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และ TRSC ซึ่ง TRSC เนี่ยจะเป็นคลินิกที่ทันสมัยที่สุดและนำวิธี ReleX Smile เข้ามาเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย จึงมีแนวโน้มว่าหมอจะมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องและผ่านคนไข้มาเยอะพอสมควร แล้วอีกอย่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นโรงพยาบาลรัฐ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ข้างละ 65,000 บาท ผ่าอาทิตย์ละข้าง ไม่ทำพร้อมกัน ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ได้คิวตรวจสภาพตา (ไม่ใช่คิวผ่าตัด) เดือนมิถุนายน แต่ว่าเครื่องที่ใช้ผ่าตัดยังไม่มา เครื่องมากรกฎาคม
คุณหมอสบง จบจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และ TRSC แค่ชื่อว่าศิริราช เราก็ปักใจเลยว่าต้องดี 555555 คือคุณหมอดังมากจริง และรีวิวก็บอกว่าดีมาก ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ข้างละ 70,000 แต่โทรไปนัดหมอแล้วได้คิวตรวจสภาพตา (ไม่ใช่คิวผ่าตัด) เดือนสิงหาคม
คุณหมอธาริณี จบจากคณะแพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลรามาธิบดี จะอยู่ที่ข้างละ 60,000 บาท ผ่าอาทิตย์ละข้าง ไม่ทำพร้อมกันแต่ถ้าเป็นศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ จะอยู่ที่ข้างละ 107,000 บาท ผ่าวันละข้าง ถ้าเราตกลงจะทำที่นี่ก็ไปวัดขนาดเลนส์ได้เลย ที่บริษัทแถวๆเมืองทองธานี เพราะเราตรวจสภาพตากับที่นี่มาแล้ว
คุณหมอตุลยา เป็นคุณหมอที่ดังมากอีกคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลปิยะเวท ศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ และอีกที่นึง จำไม่ได้ เหอๆ หมอตุลยาบอกว่าเราสายตาสั้นมากกกก กระจกตาบางเกินไป เราทำเลสิกไม่ได้ ทำให้เราตัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป
คือเราหาข้อมูลได้ประมาณนี้ สุดท้ายแล้วเราเลือกทำที่ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ เหตุผลเพียงเพราะว่า แม่ไว้ใจที่นี่ จบเลย แง่ว - -“
วัดขนาดเลนส์
พอเลือกโรงพยาบาลได้แล้วก็ติดต่อโรงพยาบาลไปว่าเราจะไปวัดขนาดเลนส์ที่เมืองทองนะ เขาก็ประสานงานไป พอไปถึงก็ขึ้นไปวัดขนาดเลนส์ ทางเจ้าหน้าที่ก็หยอดตาก่อน แล้วใช้เครื่องมือมาหมุนๆที่ตา เหมือนเยลลี่นิ่มๆเย็นๆ ไม่รู้อะไร มาหมุนๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็กลับบ้าน ทางบริษัทก็จะส่งผลตรวจไปให้ทางโรงพยาบาลว่าเราสามารถใส่เลนส์ได้หรือไม่
มัดจำค่าเลนส์
หลังจากที่ไปวัดขนาดเลนส์มา วันที่ 13 มิถุนายน วันต่อมาพยาบาลก็โทรมาแจ้งว่า เราสามารถใส่เลนส์ได้นะ มามัดจำค่าเลนส์ 1 ข้างได้เลย คุณหมอจะได้สั่งเลนส์ให้ และรอเลนส์ 3 อาทิตย์ วันต่อมาเราก็ไปมัดจำเสร็จเรียบร้อย คุณหมอก็ตรวจตาเพิ่มอีก ตรวจละเอียดกว่าเดิม โดยมีค่าใช้จ่ายอีก 2,880 บาท ส่วนค่ามัดจำ 107,000 บาท มันจะ Deposit (กักเงินจำนวนนั้น) เอาไว้ในบัญชีของเรา
นัดวันผ่าตัด
ทางคุณหมอสั่งเลนส์ให้เราเลย ช่วงนี้เราก็ได้แต่รอ รอ และรอ โทรศัพท์จากพยาบาล ว่าเลนส์มาแล้วนะ ซึ่ง 3 อาทิตย์นี้นานมากกกกกกก คืออีนี่ไม่อยากใส่แว่นแล้ว ปวดจมูก เป็นแผลไปหมด เพราะเลนส์มันหนัก มันกดทับ ใช้สายตามากๆ ปวดหัวอีก ลามไปหมด จนประมาณปลายๆเดือนมิถุนา พยาบาลโทรมา เย้! เลนส์มาแล้ว พยาบาลเสนอวันที่หมอจะผ่าตัด ก็นัดไปได้วันที่ 4 -5 กรกฏาคม และพยาบาลก็แจ้งวิธีปฏิบัติตัวในวันผ่าตัด คือ วันที่ผ่าตัดเราก็ใส่เสื้อติดกระดุมหน้า ไม่แต่งหน้า ไม่ทาครีมอะไรทั้งนั้น ไม่ให้ใส่สร้อย ไม่ให้ใส่เครื่องประดับ
ผ่าตัดตาขวา
ตื่นเต้น แต่ไม่กลัว พยาบาลแจ้งว่าวันที่ผ่าตาขวาก่อน เพราะเป็นตาที่ถนัด (?) พยาบาลก็พาไปหยอดยาขยายรูม่านตา เราต้องไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาผ่าตัด 3 ชั่วโมง เพื่อหยอดยานี้แหละ เสร็จแล้วก็ไปห้องเตรียมผ่าตัด ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราก็เปลี่ยนเสื้อ ใส่หมวกคลุม แล้วก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด พยาบาลหยอดยาชา แล้วหมอก็มาฉีดยาชา เราไม่แน่ใจว่าหมอฉีดตรงไหน แต่ว่าฉีดในตาเราเนี่ยแหละ น่าจะเป็นตรงหนังตานะ ไม่รู้อะ 555555 หลังจากที่ฉีดยาชาแล้ว ตาเราก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย มืดสนิท ตาเราไม่ขยับแล้ว หลังจากนั้นหมอก็เอาที่ถ่างตามาใส่เพื่อไม่ให้เรากระพริบตา เสร็จแล้วคุณหมอบอกว่าจะเปิดเพลงให้ฟังนะ เราก็ค่ะ โอเค คุณหมอกับพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์กันไป เราก็นอนนิ่งๆ ห้องผ่าตัดแอร์เย็นมากกกก พอกำลังจะเริ่มผ่าตัด เพลงซอมบี้ก็ดังขึ้น เราเลยหันไปถามคุณหมอว่า เพลงซอมบี้เลยหรอคะ 555555 นี่ขนาดไม่กลัวนะเนี่ย ในห้องผ่าตัดก็ขำกัน เปลี่ยนเพลงแล้วคุณหมอก็เริ่มผ่าตัด คือเรามองไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยชิว ประมาณ 30 นาทีก็ทำเสร็จ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไรเลยกลับมานอนที่โรงแรมก็เฉยๆ ตื่นเช้ามาก็เฉยๆ หมอทำได้ดีจริงๆ แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็มาเปิดตาขวา เปิดที่ครอบตาออกปุ๊บ คือมันชัดมากกกก ไม่ชินเลยที่แบบลืมตามาแล้วมองเห็นทุกสิ่ง รู้สึกดีมากๆเลยตอนนั้น อิอิ แต่สายตายังสู้แสงไม่ได้กระพริบตาแล้วมองเห็นขอบเลนส์ที่อยู่ในตา คุณหมอบอกว่า ช่วงหลังๆมันจะหายไปเอง เราก็โอเค ไปเตรียมผ่าตัดตาซ้ายต่อ
ผ่าตัดตาซ้าย
ทำทุกอย่างเหมือนตาขวาเลย แต่มันพีคตรงที่พอฉีดยาชาแล้ว ตาซ้ายเราไม่ชา (?) คือยาชามันไหลงลงแก้มหมดเลย คุณหมอฉีดเข็มที่สองแล้ว เราก็ยังไม่ชา แต่ลิ้นเราเริ่มชาละ มันไหลมาถึงลิ้นละ ที่รู้ว่ามันยังไม่ชาเพราะเรายังมองเห็นดวงไฟที่ส่องตาอยู่ ตาเราจะหลบและหลับทันทีที่ไฟส่อง มันเริ่มการผ่าตัดไม่ได้สักที คุณหมอเอายาชาเข็มที่สามมาฉีด มันก็ยังไม่ชาอีก แต่คุณหมอแจ้งว่า หมอฉีดเพิ่มอีกไม่ได้แล้วนะ หนูอดทนได้ไหม 30 นาที แปบเดียวนะ เราก็บอกได้ค่ะ หนูทนได้ แต่หนูจักกะจี้ ขอให้พยาบาลมาจับขาหนูไว้ได้ไหมคะ อ่าว คุณหมอก็งงว่าทำไมไปรู้สึกตรงนั้น แต่ก็บอกให้พยาบาลไปจับให้ แล้วก็เริ่มการผ่าตัด ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเหมือนเดิม แต่ต่างกันตรงที่เรามองเห็นทุกอย่างว่าหมอทำอะไรบ้าง รู้สึกหมดเลย พอได้กลับมาโรงแรมมันปวดตามากกกกก กินยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมงเลย แล้ววันรุ่งขึ้นก็มาเปิดตาซ้าย มองเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว HD มาก โลกใบใหม่ของเรามาแล้วจริงๆ เหมือนฝันเลย รู้สึกเพ้อเจ้อมากตอนนั้น แต่พยาบาลบอกว่าตาซ้ายช้ำมาเลย น่าจะเป็นเพราะฉีดยาชาไปเยอะ แต่เดี๋ยวมันจะหายไปเอง ไม่ต้องกังวล เราก็โอเค กลับบ้านกันเถอะ คุณหมอก็จ่ายยากิน ยาหยอดตามาให้พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดตา และที่ครอบตาเอาไว้ใช้ก่อนนอน แล้วนัดติดตามผลหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ คุณหมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้พักฟื้น 7 วัน
ติดตามผลหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
ช่วงที่นอนอยู่บ้าน 3 วันแรกนี่คือแบบยังปวดตาอยู่ ยังกรอกตาไปมาแบบเร็วๆไม่ได้ โดนแสงจ้าไม่ได้ ใส่แว่นกันแดดตลอดเลยทั้งที่อยู่บ้าน คุณหมอห้ามล้างหน้า 2 อาทิตย์ ใช้วิธีเช็ดได้อย่างเดียว พอผ่านมาได้ 5 วันอาการเราก็ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มถอดแว่นได้ ใส่แว่นกันแดดเฉพาะออกไปตลาดข้างนอก พอถึงวันนัดเราก็มาโรงพยาบาล คุณหมอก็บอกว่าเลนส์อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ ตาอักเสบน้อยมาก ให้หยอดตาจนกว่าจะหมด ล้างหน้าได้หลังจากครบ 2 อาทิตย์นะ 1 เดือนห้ามแต่งหน้า 1 เดือนห้ามว่ายน้ำ 2 อาทิตย์ขับรถได้ ส่วนรอยช้ำเดี๋ยวมันจะหายไปเอง วันนี้เสียค่าใช้จ่ายติดตามผลอีก 1,360 บาท
ตอนนี้ครบ 2 อาทิตย์แล้ว เรามองเห็นทุกอย่างปกติเลย แต่ว่ายังเห็นขอบเลนส์ที่อยู่ในตาเราอยู่ แต่เห็นน้อยลง เรามาทำงานโดยใส่ทั้งแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัย (เพราะไม่ได้แต่งหน้า 555555) ไม่ปวดตาแล้ว แต่ยังรู้สึกตลอดว่าเราเห้ยเราลืมถอดคอนแทคเลนส์หรอ อันนี้รู้สึกบ่อยมาก เพราะยังไม่ชิน อิอิ จบแล้วจ้าาาา
[CR] รีวิวการผ่าตัดแก้ไขสายตาแบบใส่เลนส์เสริม ICL สำหรับคนสายตาสั้นมากและกระจกตาบาง ทำเลสิกไม่ได้
สวัสดีค่ะ เนื่องจากนี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก ไม่รู้จะเขียนงงหรือเปล่า ถ้าสงสัยอะไรก็ถามได้ค่ะ
เล่าให้ฟังก่อน
คือเป็นสายตาสั้นมาตั้งแต่ม.1 และเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ตอนม.5 ก็ใส่แว่นสลับกับการใส่คอนแทคเลนส์มาเรื่อยๆ มีแสบตาบ้าง ตาแห้งบ้าง ปนๆกันไปเหมือนที่คนอื่นเป็น หลังจากจบปริญญาได้ 2 ปี เราก็มีอาการตาอักเสบรุนแรง โดนลมก็น้ำตาไหล ใส่คอนแทคเลนส์ก็แสบ น้ำตาไหลตลอด หยุดใส่คอนแทคเลนส์ มาใส่แว่นก็ยังไม่หาย ก็เลยไปหาหมอดีกว่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาหาหมอจักษุ แล้วตอนนั้นสายตาสั้น ซ้าย 1000 ขวา 800 (คือตอนไปตรวจหมอตรวจค่าสายตาของแว่นให้ด้วยและพบว่ามันสั้นเพิ่มขึ้นนมากกว่าแว่นแล้ว) หมอบอกว่าให้เปลี่ยนยี่ห้อคอนแทคเลนส์ ห้ามใช้ตามร้านขายทั่วไป ให้ใช้อีกยี่ห้อนึง มันจะระบายน้ำในตาได้ดีกว่า หรือไม่ก็ตัดแว่นใหม่ได้แล้ว ในใจตอนนั้นคืออันเก่าก็ตัดมา 16,000 นะเว้ยยยย!!! มันแพงขึ้นเรื่อยๆ พอตรวจเสร็จตอนนั้นท้อใจมากเลย เดินผ่านป้ายการทำเลสิกของโรงพยาบาล ก็รีบกลับบ้านไปศึกษาจริงจัง (สักที)
การผ่าตัดแก้ไขสายตามีกี่แบบ ?
การผ่าตัดแก้ไขสายตาเนี่ยมันมีหลายแบบมาก แต่ที่ดังที่สุดและเป็นที่รู้จักคือการทำเลสิก (Lasik) ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นวิธีหนึ่งเท่านั้น มันมีการรักษาทั้งหมด 5 แบบแล้วในปัจจุบัน คือ PRK (ใช้ใบมีด ใช้เวลาฟื้นตัวนาน), Lasik (ใช้เลเซอร์ แผลไม่กว้าง ฟื้นตัวไม่นาน) , Femto Second (ใช้เลเซอร์ทุกขั้นตอน แผลเล็ก ชัดแจ๋วตั้งแต่เปิดตา), ReleX Smile (เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด แผลเล็กที่สุด ฟื้นตัวเร็วสุด )และ การใส่เลนส์เสริม ICL (ปลอดภัยที่สุด เอาเลนส์ออกได้ และอยู่ได้ตลอดชีวิต) ซึ่งเราจะทำแบบไหนได้ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย (ความดันลูกตา กระจกตา บลาๆ เราจำไม่ได้ 555555) เราต้องไปตรวจสภาพตาก่อน ว่าคุณหมอก็จะบอกว่าเราทำแบบไหนได้บ้าง คนที่สามารถทำ คือ PRK, Lasik, Femto Second, ReleX Smile คือกระจกตาจะต้องหนาตามที่กำหนดนั่นแหละ ส่วนการทำผ่าตัดแบบใส่เลนส์เสริม ICL นี่คือจะเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่สายตาสั้นมาก และ กระจกตาบางแบบเรา
ตรวจสภาพตาอย่างละเอียด
ขั้นตอนแรกเราต้องไปตรวจสภาพตาก่อน คือจะไปตรวจที่ไหนก็ได้นะ แต่ทางที่ดีก็ตรวจกับโรงพยาบาลที่จะทำดีกว่า แต่ตอนนั้นเราไม่มีอะไรในหัวเลย ก็นัดๆไปสักโรงพยาบาลนึง แต่อยากได้แบบเร็วที่สุด คือเราอยากรู้ไงว่าเราจะสามารถทำแบบไหนได้ สุดท้ายได้นัดของศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ก็โอเค ไป ค่าตรวจ 1,500 บาท พยาบาลก็โทรมาคอนเฟิร์มนัด วันที่ 20 พฤษภาคม และแจ้งว่า ห้ามแต่งหน้า ห้ามใส่น้ำหอมมานะ ถอดเลนส์ก่อนตรวจ 7 วัน (แต่เราถอดล่วงหน้ามาแล้ว 1 เดือน) ห้ามขับรถมาเอง ให้พาญาติมาด้วย ไปถึงก็วัดสายตา ตรวจรูม่านตา ตรวจความดันลูกตา และก็อีกหลายอย่าง ในวันนั้นจะมีการหยอดตาเพื่อขยายรูม่านตาด้วย จะทำให้เบลอๆ มองใกล้ไม่เห็น ตาสู้แสงจ้าไม่ได้ และจะขับรถไม่ได้ด้วย ผลตรวจก็คือ กระจกตาเราบางมากกกกก เราไม่สามารถทำเลสิกด้วยวิธีใดๆได้เลยยยยยย นอกจากการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม ICL (คล้ายๆคนที่เขารักษาต้อ ต้องใส่เลนส์เข้าไปในตา) คุณหมอบอกว่าวิธีนี้สามารถรักษาคนไข้ที่สายตาสั้นมาก กระจกตาบางมาก แบบเรา หลังจากนั้น พยาบาลก็แจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม ICL ข้างละ 107,000 บาท โอ้มายก้อด แวบแรกเลยที่คิดได้ คือราคาเท่าดาวน์รถเลย จะออกรถอยู่แล้ว ใจสลายเลยตอนนั้น แบบมันแพงมากจริงๆ หามาตั้งหลายปี ก็ได้แต่หงอยๆกลับไปปรึกษาแม่ก่อน...
เลือกหมอ เลือกโรงพยาบาล
เมื่อตกลงกับแม่แล้วว่าทำไปเถอะ ไปหาข้อมูลมาแล้วเราจะมาคุยกันใหม่ โอเค จัดไป แนวทางการเลือกหมอ เลือกโรงพยาบาลของเรามันจะแปลกๆหน่อย คือเราจะเลือกที่ตัวหมอก่อน แล้วค่อยเลือกโรงพยาบาล คุณหมอที่เราเลือกมาเป็นตัวเลือกคือ ต้องเป็นหมอของ ศิริราช ไม่ก็รามาธิบดี ไม่ก็จุฬา แล้วก็ไปศึกษาว่าหมอมีประสบการณ์ที่ไหนมาบ้าง แล้วประจำอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร โจทย์ของเราคือ การใส่เลนส์เสริม ICL เท่านั้น คุณหมอที่เป็นตัวเลือกได้แก่
คุณหมอภาวิกา จบจากคณะแพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และ TRSC ซึ่ง TRSC เนี่ยจะเป็นคลินิกที่ทันสมัยที่สุดและนำวิธี ReleX Smile เข้ามาเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย จึงมีแนวโน้มว่าหมอจะมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องและผ่านคนไข้มาเยอะพอสมควร แล้วอีกอย่าง โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าเป็นโรงพยาบาลรัฐ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ข้างละ 65,000 บาท ผ่าอาทิตย์ละข้าง ไม่ทำพร้อมกัน ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ได้คิวตรวจสภาพตา (ไม่ใช่คิวผ่าตัด) เดือนมิถุนายน แต่ว่าเครื่องที่ใช้ผ่าตัดยังไม่มา เครื่องมากรกฎาคม
คุณหมอสบง จบจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช และ TRSC แค่ชื่อว่าศิริราช เราก็ปักใจเลยว่าต้องดี 555555 คือคุณหมอดังมากจริง และรีวิวก็บอกว่าดีมาก ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ข้างละ 70,000 แต่โทรไปนัดหมอแล้วได้คิวตรวจสภาพตา (ไม่ใช่คิวผ่าตัด) เดือนสิงหาคม
คุณหมอธาริณี จบจากคณะแพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม. มหิดล ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลรามาธิบดี จะอยู่ที่ข้างละ 60,000 บาท ผ่าอาทิตย์ละข้าง ไม่ทำพร้อมกันแต่ถ้าเป็นศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ จะอยู่ที่ข้างละ 107,000 บาท ผ่าวันละข้าง ถ้าเราตกลงจะทำที่นี่ก็ไปวัดขนาดเลนส์ได้เลย ที่บริษัทแถวๆเมืองทองธานี เพราะเราตรวจสภาพตากับที่นี่มาแล้ว
คุณหมอตุลยา เป็นคุณหมอที่ดังมากอีกคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลปิยะเวท ศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ และอีกที่นึง จำไม่ได้ เหอๆ หมอตุลยาบอกว่าเราสายตาสั้นมากกกก กระจกตาบางเกินไป เราทำเลสิกไม่ได้ ทำให้เราตัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป
คือเราหาข้อมูลได้ประมาณนี้ สุดท้ายแล้วเราเลือกทำที่ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ เหตุผลเพียงเพราะว่า แม่ไว้ใจที่นี่ จบเลย แง่ว - -“
วัดขนาดเลนส์
พอเลือกโรงพยาบาลได้แล้วก็ติดต่อโรงพยาบาลไปว่าเราจะไปวัดขนาดเลนส์ที่เมืองทองนะ เขาก็ประสานงานไป พอไปถึงก็ขึ้นไปวัดขนาดเลนส์ ทางเจ้าหน้าที่ก็หยอดตาก่อน แล้วใช้เครื่องมือมาหมุนๆที่ตา เหมือนเยลลี่นิ่มๆเย็นๆ ไม่รู้อะไร มาหมุนๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็กลับบ้าน ทางบริษัทก็จะส่งผลตรวจไปให้ทางโรงพยาบาลว่าเราสามารถใส่เลนส์ได้หรือไม่
มัดจำค่าเลนส์
หลังจากที่ไปวัดขนาดเลนส์มา วันที่ 13 มิถุนายน วันต่อมาพยาบาลก็โทรมาแจ้งว่า เราสามารถใส่เลนส์ได้นะ มามัดจำค่าเลนส์ 1 ข้างได้เลย คุณหมอจะได้สั่งเลนส์ให้ และรอเลนส์ 3 อาทิตย์ วันต่อมาเราก็ไปมัดจำเสร็จเรียบร้อย คุณหมอก็ตรวจตาเพิ่มอีก ตรวจละเอียดกว่าเดิม โดยมีค่าใช้จ่ายอีก 2,880 บาท ส่วนค่ามัดจำ 107,000 บาท มันจะ Deposit (กักเงินจำนวนนั้น) เอาไว้ในบัญชีของเรา
นัดวันผ่าตัด
ทางคุณหมอสั่งเลนส์ให้เราเลย ช่วงนี้เราก็ได้แต่รอ รอ และรอ โทรศัพท์จากพยาบาล ว่าเลนส์มาแล้วนะ ซึ่ง 3 อาทิตย์นี้นานมากกกกกกก คืออีนี่ไม่อยากใส่แว่นแล้ว ปวดจมูก เป็นแผลไปหมด เพราะเลนส์มันหนัก มันกดทับ ใช้สายตามากๆ ปวดหัวอีก ลามไปหมด จนประมาณปลายๆเดือนมิถุนา พยาบาลโทรมา เย้! เลนส์มาแล้ว พยาบาลเสนอวันที่หมอจะผ่าตัด ก็นัดไปได้วันที่ 4 -5 กรกฏาคม และพยาบาลก็แจ้งวิธีปฏิบัติตัวในวันผ่าตัด คือ วันที่ผ่าตัดเราก็ใส่เสื้อติดกระดุมหน้า ไม่แต่งหน้า ไม่ทาครีมอะไรทั้งนั้น ไม่ให้ใส่สร้อย ไม่ให้ใส่เครื่องประดับ
ผ่าตัดตาขวา
ตื่นเต้น แต่ไม่กลัว พยาบาลแจ้งว่าวันที่ผ่าตาขวาก่อน เพราะเป็นตาที่ถนัด (?) พยาบาลก็พาไปหยอดยาขยายรูม่านตา เราต้องไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาผ่าตัด 3 ชั่วโมง เพื่อหยอดยานี้แหละ เสร็จแล้วก็ไปห้องเตรียมผ่าตัด ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเราก็เปลี่ยนเสื้อ ใส่หมวกคลุม แล้วก็ถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด พยาบาลหยอดยาชา แล้วหมอก็มาฉีดยาชา เราไม่แน่ใจว่าหมอฉีดตรงไหน แต่ว่าฉีดในตาเราเนี่ยแหละ น่าจะเป็นตรงหนังตานะ ไม่รู้อะ 555555 หลังจากที่ฉีดยาชาแล้ว ตาเราก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย มืดสนิท ตาเราไม่ขยับแล้ว หลังจากนั้นหมอก็เอาที่ถ่างตามาใส่เพื่อไม่ให้เรากระพริบตา เสร็จแล้วคุณหมอบอกว่าจะเปิดเพลงให้ฟังนะ เราก็ค่ะ โอเค คุณหมอกับพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์กันไป เราก็นอนนิ่งๆ ห้องผ่าตัดแอร์เย็นมากกกก พอกำลังจะเริ่มผ่าตัด เพลงซอมบี้ก็ดังขึ้น เราเลยหันไปถามคุณหมอว่า เพลงซอมบี้เลยหรอคะ 555555 นี่ขนาดไม่กลัวนะเนี่ย ในห้องผ่าตัดก็ขำกัน เปลี่ยนเพลงแล้วคุณหมอก็เริ่มผ่าตัด คือเรามองไม่เห็นอะไรเลย ก็เลยชิว ประมาณ 30 นาทีก็ทำเสร็จ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไรเลยกลับมานอนที่โรงแรมก็เฉยๆ ตื่นเช้ามาก็เฉยๆ หมอทำได้ดีจริงๆ แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็มาเปิดตาขวา เปิดที่ครอบตาออกปุ๊บ คือมันชัดมากกกก ไม่ชินเลยที่แบบลืมตามาแล้วมองเห็นทุกสิ่ง รู้สึกดีมากๆเลยตอนนั้น อิอิ แต่สายตายังสู้แสงไม่ได้กระพริบตาแล้วมองเห็นขอบเลนส์ที่อยู่ในตา คุณหมอบอกว่า ช่วงหลังๆมันจะหายไปเอง เราก็โอเค ไปเตรียมผ่าตัดตาซ้ายต่อ
ผ่าตัดตาซ้าย
ทำทุกอย่างเหมือนตาขวาเลย แต่มันพีคตรงที่พอฉีดยาชาแล้ว ตาซ้ายเราไม่ชา (?) คือยาชามันไหลงลงแก้มหมดเลย คุณหมอฉีดเข็มที่สองแล้ว เราก็ยังไม่ชา แต่ลิ้นเราเริ่มชาละ มันไหลมาถึงลิ้นละ ที่รู้ว่ามันยังไม่ชาเพราะเรายังมองเห็นดวงไฟที่ส่องตาอยู่ ตาเราจะหลบและหลับทันทีที่ไฟส่อง มันเริ่มการผ่าตัดไม่ได้สักที คุณหมอเอายาชาเข็มที่สามมาฉีด มันก็ยังไม่ชาอีก แต่คุณหมอแจ้งว่า หมอฉีดเพิ่มอีกไม่ได้แล้วนะ หนูอดทนได้ไหม 30 นาที แปบเดียวนะ เราก็บอกได้ค่ะ หนูทนได้ แต่หนูจักกะจี้ ขอให้พยาบาลมาจับขาหนูไว้ได้ไหมคะ อ่าว คุณหมอก็งงว่าทำไมไปรู้สึกตรงนั้น แต่ก็บอกให้พยาบาลไปจับให้ แล้วก็เริ่มการผ่าตัด ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเหมือนเดิม แต่ต่างกันตรงที่เรามองเห็นทุกอย่างว่าหมอทำอะไรบ้าง รู้สึกหมดเลย พอได้กลับมาโรงแรมมันปวดตามากกกกก กินยาแก้ปวดทุก 4 ชั่วโมงเลย แล้ววันรุ่งขึ้นก็มาเปิดตาซ้าย มองเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว HD มาก โลกใบใหม่ของเรามาแล้วจริงๆ เหมือนฝันเลย รู้สึกเพ้อเจ้อมากตอนนั้น แต่พยาบาลบอกว่าตาซ้ายช้ำมาเลย น่าจะเป็นเพราะฉีดยาชาไปเยอะ แต่เดี๋ยวมันจะหายไปเอง ไม่ต้องกังวล เราก็โอเค กลับบ้านกันเถอะ คุณหมอก็จ่ายยากิน ยาหยอดตามาให้พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดตา และที่ครอบตาเอาไว้ใช้ก่อนนอน แล้วนัดติดตามผลหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ คุณหมอเขียนใบรับรองแพทย์ให้พักฟื้น 7 วัน
ติดตามผลหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
ช่วงที่นอนอยู่บ้าน 3 วันแรกนี่คือแบบยังปวดตาอยู่ ยังกรอกตาไปมาแบบเร็วๆไม่ได้ โดนแสงจ้าไม่ได้ ใส่แว่นกันแดดตลอดเลยทั้งที่อยู่บ้าน คุณหมอห้ามล้างหน้า 2 อาทิตย์ ใช้วิธีเช็ดได้อย่างเดียว พอผ่านมาได้ 5 วันอาการเราก็ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มถอดแว่นได้ ใส่แว่นกันแดดเฉพาะออกไปตลาดข้างนอก พอถึงวันนัดเราก็มาโรงพยาบาล คุณหมอก็บอกว่าเลนส์อยู่ในตำแหน่งที่ปกติ ตาอักเสบน้อยมาก ให้หยอดตาจนกว่าจะหมด ล้างหน้าได้หลังจากครบ 2 อาทิตย์นะ 1 เดือนห้ามแต่งหน้า 1 เดือนห้ามว่ายน้ำ 2 อาทิตย์ขับรถได้ ส่วนรอยช้ำเดี๋ยวมันจะหายไปเอง วันนี้เสียค่าใช้จ่ายติดตามผลอีก 1,360 บาท
ตอนนี้ครบ 2 อาทิตย์แล้ว เรามองเห็นทุกอย่างปกติเลย แต่ว่ายังเห็นขอบเลนส์ที่อยู่ในตาเราอยู่ แต่เห็นน้อยลง เรามาทำงานโดยใส่ทั้งแว่นกันแดดและหน้ากากอนามัย (เพราะไม่ได้แต่งหน้า 555555) ไม่ปวดตาแล้ว แต่ยังรู้สึกตลอดว่าเราเห้ยเราลืมถอดคอนแทคเลนส์หรอ อันนี้รู้สึกบ่อยมาก เพราะยังไม่ชิน อิอิ จบแล้วจ้าาาา