JJNY : พิชัยหวั่นไวรัสโคโรน่า-กดบัตรแทนซ้ำเติมศก./จาตุรงค์ฉะรบ.ไร้สมรรถภาพ/อนค.แจ้งจับณฐพร/ม็อบยางทวงสัญญาพปชร.-ปชป.

'พิชัย' หวั่นไวรัสโคโรน่า-กดบัตรแทนกัน ซ้ำเติม ศก. ไทย - ติงไอเดียแจกเงินนักท่องเที่ยว
https://www.matichon.co.th/economy/news_1919581
 
 
“พิชัย” หวั่น ไวรัสโคโรน่า และ กดบัตรแทนกัน ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยทรุดหนักกว่าปีที่แล้ว ชี้ อันดับคอรัปชั่นของไทยพุ่งยิ่งทำลายความมั่นใจ ติง รัฐบาลสิ้นคิดผุดไอเดียแจกเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติ
 
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ดัชนีคอรัปชั่นของไทยพุ่งขึ้นไปอยู่อันดับที่ 101 ถูกเวียดนามแซงขึ้นไปอันดับ 96 แสดงถึงรัฐบาลน่าจะมีคอรัปชั่นมาก ในอดีตไทยเคยอยู่อันดับที่ 76 ก่อนทรุดหนักมาหลายปีติดกัน โดยอันดับคอรัปชั่นที่สูงขึ้นจะยิ่งทำลายความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศ เพราะความโปร่งใสเป็นปัจจัยหลักในการเลือกลงทุน ซึ่งการที่บริษัทญี่ปุ่นลงทุนน้อยลงจนถูกประเทศจีนแซงก็น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วย ทั้งนี้รัฐบาลยังไม่ได้ตอบเรื่องบริษัทต่างประทศที่ลงทุนในไทยถูกบังคับให้บริจาคเงินเข้ามูลนิธิเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
 
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การส่งออกของปี 2562 ติดลบถึง 2.65% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี และปีนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นแถมยังจะถูกสหรัฐตัดจีเอสพีอีก และการว่างงานพุ่งสูงขึ้น ภาวะภัยแล้ง อีกทั้งหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มจะพุ่งเกิน 80% แต่รัฐบาลโดย รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา กลับคิดจะแจกเงินให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวประเทศไทย ในโครงการชิมช้อปใช้ อินเตอร์ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่เกิดประโยชน์ เป็นนโยบายคล้ายสิ้นคิด เพราะเราคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจะมาใช้จ่ายเงินของเขาเพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่กลับจะเอาเงินของเราจากผู้เสียภาษีไปให้เขาใช้ และไม่น่าจะเพิ่มการใช้จ่ายได้มาก นักท่องเที่ยวที่หวังของฟรีก็ไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงตามที่ไทยคาดหวัง
 
ขนาดโครงการชิมช้อปใช้ในประเทศที่ทำมาก็ไม่ได้ผล จีดีพีของไทยยังคงทรุดหนักต่อเนื่อง อีกทั้งไม่ได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และยังถูกเวิร์ลแบงค์และไอเอ็มเอ็มตำหนิมาแล้ว โดยที่น่าห่วงคือ กระทรวงการคลังเจ้าตำรับชิมช้อปใช้ก็เห็นดีเห็นงานสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งแสดงถึงแนวคิดที่คิดได้เพียงการแจกเงินเท่านั้น ซึ่งจะเท่ากับเป็นการใช้เงินอย่างสูญเปล่า แทนที่จะนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังยากลำบากจากภัยแล้งที่กินบริเวณกว้างอยู่ในขณะนี้ หรือ แม้กระทั่งหน้ากากกันฝุ่นแทนที่รัฐบาลจะแจก แต่พลเอกประยุทธ์บอกให้ประชาชนซื้อเองแต่กลับจะแจกเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติ
 
ทั้งนี้ถึงแม้จะแจกเงินก็อาจจะไม่เพิ่มนักท่องเที่ยวเลยแถมนักท่องเที่ยวอาจจะลดลง เพราะปัจจุบันโลกต้องเผชิญอันตรายที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดในประเทศจีน และเริ่มกระจายไปหลายประเทศ โดยรัฐบาลจีนได้สั่งควบคุมการท่องเที่ยวของประชาชนแล้ว ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวที่จะมาไทยลดลงไปอีก โดยเบื้องต้นคาดว่าไทยจะเสียหายกว่าห้าหมื่นล้านบาทแล้วและมีแนวโน้มจะเสียหายเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมากคงไม่อยากมาสูดอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 ที่รัฐบาลไม่ได้แก้ไขเลยมาตลอดหลายปีนี้
 
ดังนั้นเศรษฐกิจไทยนอกจากจะย่ำแย่จากการส่งออกที่ยังไม่ฟื้น การลงทุนที่หดหาย และภัยแล้งแล้ว การท่องเที่ยวไทยยังจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ อีกทั้งงบประมาณไทยยังมีปัญหาจากการกดบัตรแทนกันของ สส. ในฝั่งรัฐบาลที่เป็นการกระทำผิดอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้การใช้งบประมาณต้องล่าช้าไปอีก ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว จากฝีมือการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลมากว่า 5 ปี โดยจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะย่ำแย่ยิ่งกว่าปีที่แล้วที่ว่าทรุดหนักมากแล้วก็เป็นได้ ซึ่งเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรับมือกับปัญหาได้ เพราะทุกวันนี้ยังพูดสะเปะสะปะเรื่อยเปื่อยจนหมดความน่าเขื่อถือแล้ว
 

 
“จาตุรงค์” ฉะรัฐบาลไร้สมรรถภาพรับมือฝุ่นPM2.5-ไวรัสโคนา แนะวางแผนเป็นระบบ จัดตั้งศูนย์ข้อมูลให้ประชาชนติดตาม-เตรียมป้องกัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1919663
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางแฟนเพจ “Chaturon Chaisang” ระบุถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนาและเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา รวมถึงระบุถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า 

เมื่อดูจากระดับความรุนแรงของปัญหาไวรัสโคโรน่าและการที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากและก่อนหน้านี้ก็เป็นจุดหมายปลายทางของชาวจีนจากอู่ฮั่นเป็นอันดับต้นๆด้วย รวมทั้งประเทศไทยมีผู้ป่วยมากเป็นอันต้นๆนอกประเทศจีน สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในการรับมือกับไวรัสโคโรน่ายังไม่พอและไม่อาจไว้วางใจได้เลย
 
สิ่งที่รัฐบาลควรทำโดยด่วนคือจัดให้มีการประสานร่วมมือกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั้งของไทยเองและของต่างประเทศเช่นผู้แทน WHO ต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง กำหนดมาตรการอย่างเป็นระบบและเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและดักปัญหาล่วงหน้า
 
แต่ความจริงประเทศไทยเคยทำ (contingency plan) หรืแผนฉุกเฉินรับการแพร่ระบาดแบบนี้ไว้ ผู้รู้และเชี่ยวชาญในการวางแผนวางระบบก็มี มีการกำหนดไว้อยู่แล้วว่าหน่วยงานไหนจะต้องทำอะไรตระเตรียมอะไร หากเชิญผู้เกี่ยวข้องมาคุยกันก็สามารถใช้เป็นตัวตั้งต้นได้เลย
 
จากประสบการณ์ในอดีต อาจจะตั้งคำถามเบื้องต้นว่าขณะนี้เตรียมห้องและอุปกรณ์รองรับคนไข้ที่สงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าทั่วประเทศไว้แล้วมากน้อยเพียงใด โรงพยาบาลต่างๆหรือหมอตามคลีนิคมีข้อมูลแล้วหรือยัง หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติกำหนดแล้วและแจ้งผู้เกี่ยวข้องแล้วหรือยัง เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยกำหนดและวางแผนรัฐบาลควรสร้างทีมที่มีหน้าที่ชี้แจงให้ข้อมูล มีศูนย์ข้อมูล ทำการชี้แจงอย่างเป็นระบบ มิฉะนั้นประชาชนหรือแม้แต่ผู้เกี่ยวข้องจะสับสนและไม่รู้ว่าควรเตรียมตัวอย่างไร ควรระวังอะไรหรือจะออกกฎกติกาอย่างไร
 
เฉพาะเรื่องหน้ากากอนามัยอย่างเดียวก็แสดงถึงความไร้สมรรถภาพของรัฐบาลในการรับมือทั้งฝุ่นPM2.5 และไวรัสโคน่าแล้ว หน้ากากที่บางหน่วยงานแจกกันอยู่หรือที่ขายกันอยู่ใช้ได้ผลจริงหรือเปล่า เวลานี้ต้องใช้มากเพราะฝุ่นอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ช่วยหา จะมีได้ยังไง ถ้าต้องใช้รับมือไวรัสอีกล่ะ จะไปหาจากไหน
 
การแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 และไวรัสโคโรน่า ที่รัฐบาลประยุทธ์ทำอยู่ ไม่ใช่การบริหารภายใต้วิกฤตความไร้สมรรถภาพของรัฐบาลนี้และพลเอกประยุทธ์กำลังเป็นวิกฤตเสียเอง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรงค์ ยังได้มีข้อเสนอแนะว่า สำหรับไทยการดูแลเรื่องนี้ต้องอาศัยหลายหน่วยงาน เพราะเรามีความเกี่ยวข้องกับนักเดินทางจากจีนจำนวนมาก โดยกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลัก และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการประสานให้หลายน่วยงานมาพูดคุยกันจึงมีความจำเป็นเร่งด่วน
 
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในอดีตการเจอปัญหาแบบนนี้อย่าไปใช้วิธีปิดบังข้อเท็จจริง ให้ข้อมูลต่อสังคมและประชาชนอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วทันการ ต้องให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้วต้องวางตัว เตรียมตัวและป้องกันอย่างไร อย่างเรื่องที่เกิดที่จีน มีการปิดเมืองอู่ฮั่นและเมืองข้างเคียง งดใช้ขนส่งสาธารณะ ขณะที่เวลานี้กรุงเทพฯ กำลังบอกว่าให้ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวซึ่งหมายถึงต้องใช้รถสาธารณะ หากสถานการณ์ดำเนินไปถึงที่จะต้องระวังการใช้ขนส่งสาธารณะ เรื่องแบบนี้ไม่ได้พูดให้ตื่นตะหนก แต่การรับมือเรื่องแบบนี้ต้องคิดถึงกรณีที่เหตุการณ์เลวร้ายมาก เรื่องแบบนี้ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา การคิดและการวางแผนที่ดีจะทำให้ทุกฝ่ายไม่ตื่นตะหนก และมีความมั่นใจเชื่อมั่นว่าเรื่องต่าง ๆ จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมถูกต้อง
 
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/10158022827207359
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่