"มหาสมบัติ" ที่เคยสาบสูญมูลค่า1,600 ล้าน
ถือเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่ทำเอานักประวัติศาสตร์ต้องตกตะลึง หลังจากที่เรือสำรวจได้ใช้โซนาร์ตรวจพบบางสิ่งใต้สุดขอบทะเล ก่อนจะพบว่ามันคือมหาสมบัติที่คนล้วนคิดว่ามันหายสาบสูญไปแล้วตลอดกาล
โดยสมบัติที่ว่านี้ถูกฝังอยู่กับซากเรือเก่าแก่ SS City of Cairo ซึ่งมันบรรทุกเหรียญเงินหายากจำนวนมหาศาลเอาไว้และล่องจากน่านน้ำ Bombay สู่ประเทศอังกฤษ แต่ระหว่างทางนั้นกลับพบกับกองเรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดใส่และมันก็ล่มลงสู่ห้วงทะเลลึก
ด้านผู้เชี่ยวชาญเผยว่าเหรียญเหล่านี้คือมหาสมบัติอย่างแท้จริงและมันมีมูลค่าสูงถึง 34,000,000 ปอนด์ (ราว 1,600,000,000 บาท)โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคาดว่าจะได้ค้นพบมันอีก แต่ผู้เชี่ยวชาญในการล่าสมบัติอย่าง John Kingsford ก็ไม่เคยย่อท้อ และเขาตามรอยประวัติศาสตร์จนพบกับมหาสมบัตินี้
แต่แม้ในตอนที่พบกับสมบัติก็ยังต้องพบความลำบาก เนื่องจากมหาสมบัตินี้จมลึกแบบสุดขีดถึงระดับ 17,000 ฟุต หรือลึกกว่าระดับที่เรือไททานิคจมก
กว่า 4,500 ฟุตเลยทีเดียว ทั้งนี้สมบัติดังกล่าวนำขึ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีของหุ่นยนต์
ผู้เชี่ยวชาญเล่าว่าตามหลักฐานประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ SS City of Cairo ได้ถูกจมโดยกัปตันฝีมือฉกาจของทัพนาซีนาม Karl-Friedrich Mertenโดยในวินาทีที่เรือจะจม กัปตันอำมหิตได้ล่องเรือเล็กมายังซากของ SS City of Cairo จากนั้นก็บอกกับเหล่าทหารที่ว่ายน้ำหนีตายว่า "ราตรีสวัสดิ์สหายขอโทษที่จมเรือของพวกคุณ" และนับจากนั้นสมบัติเหล่านั้นก็ร่วงลงสู่ห้วงทะเล
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก meekhao
Cr.
http://www.liekr.com/post_149081.html
ซากเรือมหาสมบัติ 17 พันล้านเหรียญ
ย้อนไปสู่ห้วงเวลาท่ามกลางยุคสมัยแห่งการท่องโลกกว้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18 จักรวรรดิสเปนคือหนึ่งในจักรวรรดิมหาอำนาจที่แต่งกองเรือออกสำรวจน่านน้ำไกลข้ามทวีปเสาะแสวงหาแผ่นดินใหม่ บุกเบิกสำรวจดินแดนสร้างอาณานิคมและสั่งสมทรัพย์สมบัติมากมาย ข้าวของทรัพย์สินที่กองเรืออันเกรียงไกรของจักรวรรดิสเปนหามาครอบครองได้ มากมายเสียจนต้องมีการตั้งกองเรือสมบัติขึ้นเพื่อการเคลื่อนย้ายสมบัติเหล่านั้นกลับสู่สเปนแผ่นดินแม่ และหนึ่งในเรือเหล่านั้นคือเรือสมบัตินามว่า San Jose
San Jose ถูกสร้างขึ้นในปี 1698 และถูกนำมาใช้เคลื่อนย้ายสมบัติในทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน ปี 1708 ในระหว่างภารกิจการขนย้ายสมบัติจากปานามาสู่โคลัมเบีย กองเรือสมบัติที่มี San Jose เป็นเรือธงก็ถูกโจมตีโดยกองเรือของราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ แม้กัปตันและลูกเรือของ San Jose จะเชี่ยวชาญการรบและเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของข้าศึกด้วยปืนใหญ่ 62 กระบอก แวดล้อมด้วยเรือรบอีก 2 ลำ ทว่าในระหว่างการต่อสู้ ห้องเก็บดินปืนเกิดระเบิดขึ้น San Jose จึงจมลงสู่ก้นมหาสมุทรพร้อมกับ 600 ชีวิตที่อยู่บนเรือในคืนนั้น รวมทั้งเงิน, ทองคำ, มรกต และอัญมณีอีกมากมายเต็มลำเรือ
ณ ที่แห่งหนึ่งกลางเวิ้งน้ำแห่งทะเลแคริบเบียน San Jose ได้หลับใหลสงบนิ่งหลังการปะทะที่ถูกเรียกว่า "Wager's Action" บันทึกประวัติศาสตร์คือสิ่งเดียวที่ทำให้โลกยังจดจำและรู้จักเรือสมบัติลำนี้ ทว่าไม่มีใครเคยค้นพบซากเรือสมบัติของจักรวรรดิสเปนอันเลื่องชื่อนี้เลย การประเมินมูลค่าข้าวของสิ่งต่างๆ บนเรือถูกตีเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์
นั่นทำให้ San Jose ถูกขนานนามว่า "จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งซากเรือ" จนกระทั่งเวลาผ่านมานานเกินกว่า 300 ปี ในปี 2015 ทีมวิจัยของ WHOI ร่วมกับนักวิจัยนานาชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลโคลัมเบีย สามารถระบุพื้นที่โดยสังเขปของ San Jose ได้ โดยยืนยันจากภาพถ่ายใต้น้ำของปืนใหญ่สัมฤทธิ์
ในปี 2018 ทีมวิจัยและสำรวจของ WHOI กลับมาปฏิบัติภารกิจกลางทะเลแคริบเบียนอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาใช้หุ่นยนต์ดำน้ำอัตโนมัติ REMUS 6000 มาทำหน้าที่สำรวจพื้นที่โดยละเอียดเพื่อค้นหาซากเรือและข้าวของทั้งหมด จนกระทั่งนำมาสู่ข่าวความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
300 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครพบเจอ San Jose แต่ทำไม REMUS 6000 จึงหาเจอ
(ขอบคุณภาพจาก
https://www.seavision.com.au/products/hydroid)
REMUS 6000 เปรียบเสมือนโดรนอัจฉริยะ หากแต่โลกของมันไม่ใช่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ทว่าเป็นโลกใต้น้ำที่ล้ำลึก ลึกลงไปในมหาสมุทร ที่ซึ่งการสื่อสารเพื่อควบคุมยานยนต์ด้วยสัญญาณคลื่นวิทยุหรือการระบุตำแหน่งด้วย GPS นั้นไม่อาจทำได้เพราะมวลน้ำมหาศาลคืออุปสรรคใหญ่ที่สกัดกั้นสัญญาณวิทยุไว้ ด้วยเหตุนี้งานสำรวจใต้ท้องทะเลจึงเป็นสถานการณ์ที่ผลักดันให้เกิดงานพัฒนา UUV (Unmanned Underwater Vehicle) หรือยานดำน้ำไร้คนขับขึ้น โดยมีการสร้างระบบเซ็นเซอร์และระบบควบคุมการเคลื่อนที่อัตโนมัติที่ออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนที่ใต้น้ำขึ้นโดยเฉพาะ
ตัว REMUS 6000 เองเป็น UUV ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถปฏิบัติภารกิจใต้น้ำได้ลึกถึง 6,000 เมตร โครงสร้างภายนอกทำจากโฟมที่มีความเหนียวเป็นพิเศษทนแรงดันน้ำมหาศาลได้ ระบบขับเคลื่อน, หน่วยควบคุม รวมทั้งระบบสื่อสารและเซ็นเซอร์ต่างๆ อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 12 kWh มันสามารถส่งข้อมูลสู่ผู้ควบคุมที่อยู่บนเรือเหนือผิวน้ำได้ผ่านทางคลื่นเสียงที่จะส่งเป็นพัลส์ (เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย คล้ายกับการส่งสัญญาณรหัส
มอร์สด้วยคลื่นเสียง)
ที่มา - Interesting Engineering, artnet News
Cr.
https://www.blognone.com/node/102704 โดย ตะโร่งโต้ง's blog
สมบัติสมัยโรมันใต้ทะเลฝั่งอิสราเอล
นักประดาน้ำสมัครเล่น 2 รายค้นพบสมบัติใต้ทะเลจำนวนมากที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของอิสราเอล ซึ่งล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์สมัยโรมัน วัตถุที่ประเมินค่ามิได้เหล่านี้ถูกเผยโฉมออกมาให้ได้เห็นเป็นครั้งแรก คาดมีอายุกว่า 1,700 ปี
สมบัติเหล่านี้ถูกค้นพบ โดยสองนักประดาน้ำสมัครเล่น "แรน ไฟน์สไตน์" และ "โอเฟอร์ รานัน" ตอนที่ทั้งคู่สำรวจซากเรือใต้น้ำ ใกล้กับท่าเรือโบราณของเมืองเคซาเรีย ทางด้าน IAAเปิดเผยว่า สมบัติที่ค้นพบเป็นสิ่งของจากขบวนเรือขนสินค้าตั้งแต่สมัยโรมันที่อับปางลง ระหว่างเดินทางตั้งแต่เมื่อ 1,700 ปีที่แล้ว โดยสมบัติเลอค่าเหล่านี้ได้ถูกนำออกแสดงแก่สาธารณะเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2516
อย่างไรก็ตาม ท่าเรือเซซาเรียถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ในยุคสมัยของพระเจ้าเฮโรดมหาราช เพื่อใช้เป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับการค้าขายทางทะเล แต่สุดท้ายเมืองท่านี้ถูกจมหลังจากก่อสร้างเสร็จเพียงไม่นาน ซึ่งน่าจะมาจากสาเหตุ ที่ตั้งไม่เหมาะสมตามสภาพธรณีวิทยา บ้านก็กล่าวว่ามาจากคลื่นสึนามิ
หน่วยงานด้านโบราณวัตถุของอิสราเอล ได้ส่งทีมประดาน้ำของตนเองไปสืบหาเพิ่มเติมแล้วก็พบสมบัติเหล่านั้น ซึ่งมีทั้งรูปปั้นทองแดงสัมฤทธิ์ , โคมไฟ , ไห , วัตถุรูปทรงสัตว์ , สมอเรือ รวมถึงเหรียญที่มีรูปจักรพรรดิโรมัน "คอนสแตนไทน์" และ "ลิกินิอุส" อีกนับพันเหรียญ
เจ้าหน้าที่คาดว่า เรือที่ขนสิ่งของเหล่านี้เจอกับพายุ ลูกเรือพยายามจะทอดสมอแต่ความพยายามของพวกเขาล้มเหลว ข้าวของทั้งหมดก็เลยจมอยู่ในน้ำใกล้กับท่าเรือเคซาเรีย ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีมานานถึง 1,700 ปีแล้ว
ที่มา telegraph
ขอขอบคุณภาพจาก
https://board.postjung.com/966111
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049789
Cr.
http://winne.ws/n3681 โดย JPPK
สมบัติใต้ทะเลอ่าวไทย
-ตุ๊กตาดินเคลือบรูปคนอุ้มปลา (ตัวกลาง) จากรูปแบบที่พบเห็นทั่วไปน่าที่จะเคลือบ 2 สี สันนิษฐานว่า น่าที่จะเป็นรูปเคารพ ซึ่งสังเกตได้จากการแต่งกายเหมือนกับเทพของจีนองค์หนึ่ง
-ตุ๊กตารูปหญิงเปลือยอก มือขวาทูนหม้อน้ำไว้บนไหล่ อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ผลงานตุ๊กตานี้ได้มาจากแหล่งเตาเมืองศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สันนิษฐานว่า รูปแบบลวดลายที่ปรากฏในตุ๊กตาจีนนั้น ได้อิทธิพลมาจากศิลปะจีน มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20-21
มีเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเราก็คือ เหตุการณ์เมื่อปี 2535 กรณี “ออสเตรเลียไทด์” เรือต่างชาติที่อำพรางสัญชาติไว้หลายซับหลายซ้อน และได้ลอบเข้ามาขนสมบัติใต้ทะเลอ่าวไทยไปนับหมื่นชิ้น แต่ทางการไทยสามารถเข้าสกัดเอาไว้ได้ทัน ซึ่งคุณขรรค์ชัย บุนปาน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเอาไว้ว่า
คุณประโชติ สังขนุกิจ ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผอ.กองโบราณคดีบอกกับ ศิลปวัฒนธรรม (เผยแพร่ในฉบับเมษายน 2535) ว่า การยึดโบราณวัตถุจากเรือออสเตรเลียไทด์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2535 นั้น สามารถยึดของกลางมาได้ถึง 10,287 ชิ้น
(ตุ๊กตารูปม้า ประติมากรรมรูปม้า มีคนขี่ พร้อมด้วยทหารอยู่ที่เท้าทั้ง 4 สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องประดับ หรือก็อาจจะใช้เป็นตะเกียง ผลิตจากแหล่งเตาเมืองศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20-22 ตุ๊กตารูปม้าเป็นลักษณะที่เด่นของเตาเมืองศรีสัชนาลัย ถ้าสังเกตเนื้อดินแม้ว่าจะไม่เห็นชัด เนื่องจากมีเปลือกหอยเกาะคลุมอยู่ เนื้อดินจะมีสีเทา และมีเม็ดสีดำเล็กๆ ป่นอยู่ในเนื้อดิน)
“เครื่องปั้นดินเผาส่วนใหญ่ก็ได้มาจากแหล่งเตาเผาในจังหวัดสิงห์บุรีจำนวนกว่า 3,000 ชิ่น และเครื่องสังคโลกจากแหล่งเตาเผาในศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 6,500 ชิ้น เครื่องถ้วยเวียดนามประมาณ 300 กว่าชิ้น และเครื่องถ้วยจีน 5 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีหุ่นกลองทำด้วยไม้ลักษณะของกลองนั้นจะเป็นกลอง 2 หน้า และเตาเชิงกราน 2 เตา และปืนประจำเรือ 2 กระบอก”
เมื่อพิจารณาจากรูปแบบและลวดลายแล้วเครื่องถ้วยที่ยึดได้ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งน่าจะได้มาจากเรือที่ออกจากไทยเพื่อไปค้าขายยังต่างประเทศ แต่เคราะห์ร้ายเกิดจมลงเสียก่อน
ภาพประกอบจาก นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2535, คำบรรยายภาพเรียบเรียงโดย คุณปริวรรต ธรรมปรีชากร ภัณฑารักษ์ แห่งพิพิธภัณฑ์โอสถสภา
Cr.
https://www.silpa-mag.com/history/article_7832 โดย ผิน ทุ่งคา
ขุมทรัพย์เหรียญทองของสเปน
นักล่าสมบัติพบเหรียญทองจำนวน 350 เหรียญ ซึ่งมาจากเรือสมัยศตวรรษที่ 18 จำนวน 11 ลำของสเปนที่จมอยู่ใต้ทะเลมานานถึง 300 ปี โดยเรือทั้งหมดจมเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนระหว่างการเดินทางจากประเทศคิวบาไปยังสเปน
เหรียญเหล่านี้ถูกน้ำพัดเข้ามายังชายฝั่งรัฐฟลอริดา และถูกทรายกลบไว้ใต้ดินอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 1 เมตร
ทั้งนี้ตามกฎหมายของสหรัฐฯ ทางรัฐฟลอริดามีสิทธิ์เก็บสมบัติที่ได้รับการค้นพบไว้ได้ 20 % ส่วนนายวิลเลี่ยม บาร์ตเลตต์ปฏิเสธที่จะพูดถึงสัดส่วนที่เขาจะได้จากการค้นพบครั้งนี้ และนายเบรนท์ บริสเบน เจ้าของสิทธิ์ของซากเรือทั้ง 11 ลำที่จมใต้ท้องทะเลบอกว่า ขุมทรัพย์นี้ประกอบไปด้วยเหรียญหายากจำนวน 9 เหรียญซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “royal eight escudos” โดยก่อนหน้าการค้นพบครั้งนี้เชื่อว่ามีอยู่ในโลกเพียง 20 เหรียญเท่านั้น นายบริสเบนระบุว่า เหรียญเหล่านี้เป็นเหรียญที่พระมหากษัตริย์ของสเปนทรงมีพระบรมราชโองการให้ทำขึ้นโดยเฉพาะ
ที่มา BBC Thai
https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1689529551268078/?type=1&theater
Cr.
https://board.postjung.com/907189
ขุมทรัพย์มีค่าใต้ท้องทะเล
ถือเป็นอีกหนึ่งการค้นพบที่ทำเอานักประวัติศาสตร์ต้องตกตะลึง หลังจากที่เรือสำรวจได้ใช้โซนาร์ตรวจพบบางสิ่งใต้สุดขอบทะเล ก่อนจะพบว่ามันคือมหาสมบัติที่คนล้วนคิดว่ามันหายสาบสูญไปแล้วตลอดกาล
โดยสมบัติที่ว่านี้ถูกฝังอยู่กับซากเรือเก่าแก่ SS City of Cairo ซึ่งมันบรรทุกเหรียญเงินหายากจำนวนมหาศาลเอาไว้และล่องจากน่านน้ำ Bombay สู่ประเทศอังกฤษ แต่ระหว่างทางนั้นกลับพบกับกองเรือดำน้ำเยอรมันยิงตอร์ปิโดใส่และมันก็ล่มลงสู่ห้วงทะเลลึก
ด้านผู้เชี่ยวชาญเผยว่าเหรียญเหล่านี้คือมหาสมบัติอย่างแท้จริงและมันมีมูลค่าสูงถึง 34,000,000 ปอนด์ (ราว 1,600,000,000 บาท)โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีใครคาดว่าจะได้ค้นพบมันอีก แต่ผู้เชี่ยวชาญในการล่าสมบัติอย่าง John Kingsford ก็ไม่เคยย่อท้อ และเขาตามรอยประวัติศาสตร์จนพบกับมหาสมบัตินี้
แต่แม้ในตอนที่พบกับสมบัติก็ยังต้องพบความลำบาก เนื่องจากมหาสมบัตินี้จมลึกแบบสุดขีดถึงระดับ 17,000 ฟุต หรือลึกกว่าระดับที่เรือไททานิคจมก
กว่า 4,500 ฟุตเลยทีเดียว ทั้งนี้สมบัติดังกล่าวนำขึ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีของหุ่นยนต์
ผู้เชี่ยวชาญเล่าว่าตามหลักฐานประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ SS City of Cairo ได้ถูกจมโดยกัปตันฝีมือฉกาจของทัพนาซีนาม Karl-Friedrich Mertenโดยในวินาทีที่เรือจะจม กัปตันอำมหิตได้ล่องเรือเล็กมายังซากของ SS City of Cairo จากนั้นก็บอกกับเหล่าทหารที่ว่ายน้ำหนีตายว่า "ราตรีสวัสดิ์สหายขอโทษที่จมเรือของพวกคุณ" และนับจากนั้นสมบัติเหล่านั้นก็ร่วงลงสู่ห้วงทะเล
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก meekhao
Cr.http://www.liekr.com/post_149081.html
ซากเรือมหาสมบัติ 17 พันล้านเหรียญ
ย้อนไปสู่ห้วงเวลาท่ามกลางยุคสมัยแห่งการท่องโลกกว้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18 จักรวรรดิสเปนคือหนึ่งในจักรวรรดิมหาอำนาจที่แต่งกองเรือออกสำรวจน่านน้ำไกลข้ามทวีปเสาะแสวงหาแผ่นดินใหม่ บุกเบิกสำรวจดินแดนสร้างอาณานิคมและสั่งสมทรัพย์สมบัติมากมาย ข้าวของทรัพย์สินที่กองเรืออันเกรียงไกรของจักรวรรดิสเปนหามาครอบครองได้ มากมายเสียจนต้องมีการตั้งกองเรือสมบัติขึ้นเพื่อการเคลื่อนย้ายสมบัติเหล่านั้นกลับสู่สเปนแผ่นดินแม่ และหนึ่งในเรือเหล่านั้นคือเรือสมบัตินามว่า San Jose
San Jose ถูกสร้างขึ้นในปี 1698 และถูกนำมาใช้เคลื่อนย้ายสมบัติในทวีปอเมริกาใต้ จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน ปี 1708 ในระหว่างภารกิจการขนย้ายสมบัติจากปานามาสู่โคลัมเบีย กองเรือสมบัติที่มี San Jose เป็นเรือธงก็ถูกโจมตีโดยกองเรือของราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ แม้กัปตันและลูกเรือของ San Jose จะเชี่ยวชาญการรบและเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของข้าศึกด้วยปืนใหญ่ 62 กระบอก แวดล้อมด้วยเรือรบอีก 2 ลำ ทว่าในระหว่างการต่อสู้ ห้องเก็บดินปืนเกิดระเบิดขึ้น San Jose จึงจมลงสู่ก้นมหาสมุทรพร้อมกับ 600 ชีวิตที่อยู่บนเรือในคืนนั้น รวมทั้งเงิน, ทองคำ, มรกต และอัญมณีอีกมากมายเต็มลำเรือ
ณ ที่แห่งหนึ่งกลางเวิ้งน้ำแห่งทะเลแคริบเบียน San Jose ได้หลับใหลสงบนิ่งหลังการปะทะที่ถูกเรียกว่า "Wager's Action" บันทึกประวัติศาสตร์คือสิ่งเดียวที่ทำให้โลกยังจดจำและรู้จักเรือสมบัติลำนี้ ทว่าไม่มีใครเคยค้นพบซากเรือสมบัติของจักรวรรดิสเปนอันเลื่องชื่อนี้เลย การประเมินมูลค่าข้าวของสิ่งต่างๆ บนเรือถูกตีเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบันสูงถึง 17 พันล้านดอลลาร์
นั่นทำให้ San Jose ถูกขนานนามว่า "จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งซากเรือ" จนกระทั่งเวลาผ่านมานานเกินกว่า 300 ปี ในปี 2015 ทีมวิจัยของ WHOI ร่วมกับนักวิจัยนานาชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลโคลัมเบีย สามารถระบุพื้นที่โดยสังเขปของ San Jose ได้ โดยยืนยันจากภาพถ่ายใต้น้ำของปืนใหญ่สัมฤทธิ์
ในปี 2018 ทีมวิจัยและสำรวจของ WHOI กลับมาปฏิบัติภารกิจกลางทะเลแคริบเบียนอีกครั้ง และครั้งนี้พวกเขาใช้หุ่นยนต์ดำน้ำอัตโนมัติ REMUS 6000 มาทำหน้าที่สำรวจพื้นที่โดยละเอียดเพื่อค้นหาซากเรือและข้าวของทั้งหมด จนกระทั่งนำมาสู่ข่าวความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้
300 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครพบเจอ San Jose แต่ทำไม REMUS 6000 จึงหาเจอ
(ขอบคุณภาพจาก https://www.seavision.com.au/products/hydroid)
REMUS 6000 เปรียบเสมือนโดรนอัจฉริยะ หากแต่โลกของมันไม่ใช่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ทว่าเป็นโลกใต้น้ำที่ล้ำลึก ลึกลงไปในมหาสมุทร ที่ซึ่งการสื่อสารเพื่อควบคุมยานยนต์ด้วยสัญญาณคลื่นวิทยุหรือการระบุตำแหน่งด้วย GPS นั้นไม่อาจทำได้เพราะมวลน้ำมหาศาลคืออุปสรรคใหญ่ที่สกัดกั้นสัญญาณวิทยุไว้ ด้วยเหตุนี้งานสำรวจใต้ท้องทะเลจึงเป็นสถานการณ์ที่ผลักดันให้เกิดงานพัฒนา UUV (Unmanned Underwater Vehicle) หรือยานดำน้ำไร้คนขับขึ้น โดยมีการสร้างระบบเซ็นเซอร์และระบบควบคุมการเคลื่อนที่อัตโนมัติที่ออกแบบมาสำหรับการเคลื่อนที่ใต้น้ำขึ้นโดยเฉพาะ
ตัว REMUS 6000 เองเป็น UUV ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถปฏิบัติภารกิจใต้น้ำได้ลึกถึง 6,000 เมตร โครงสร้างภายนอกทำจากโฟมที่มีความเหนียวเป็นพิเศษทนแรงดันน้ำมหาศาลได้ ระบบขับเคลื่อน, หน่วยควบคุม รวมทั้งระบบสื่อสารและเซ็นเซอร์ต่างๆ อาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 12 kWh มันสามารถส่งข้อมูลสู่ผู้ควบคุมที่อยู่บนเรือเหนือผิวน้ำได้ผ่านทางคลื่นเสียงที่จะส่งเป็นพัลส์ (เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย คล้ายกับการส่งสัญญาณรหัส
มอร์สด้วยคลื่นเสียง)
ที่มา - Interesting Engineering, artnet News
Cr.https://www.blognone.com/node/102704 โดย ตะโร่งโต้ง's blog
สมบัติสมัยโรมันใต้ทะเลฝั่งอิสราเอล
นักประดาน้ำสมัครเล่น 2 รายค้นพบสมบัติใต้ทะเลจำนวนมากที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษของอิสราเอล ซึ่งล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์สมัยโรมัน วัตถุที่ประเมินค่ามิได้เหล่านี้ถูกเผยโฉมออกมาให้ได้เห็นเป็นครั้งแรก คาดมีอายุกว่า 1,700 ปี
สมบัติเหล่านี้ถูกค้นพบ โดยสองนักประดาน้ำสมัครเล่น "แรน ไฟน์สไตน์" และ "โอเฟอร์ รานัน" ตอนที่ทั้งคู่สำรวจซากเรือใต้น้ำ ใกล้กับท่าเรือโบราณของเมืองเคซาเรีย ทางด้าน IAAเปิดเผยว่า สมบัติที่ค้นพบเป็นสิ่งของจากขบวนเรือขนสินค้าตั้งแต่สมัยโรมันที่อับปางลง ระหว่างเดินทางตั้งแต่เมื่อ 1,700 ปีที่แล้ว โดยสมบัติเลอค่าเหล่านี้ได้ถูกนำออกแสดงแก่สาธารณะเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2516
อย่างไรก็ตาม ท่าเรือเซซาเรียถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ในยุคสมัยของพระเจ้าเฮโรดมหาราช เพื่อใช้เป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับการค้าขายทางทะเล แต่สุดท้ายเมืองท่านี้ถูกจมหลังจากก่อสร้างเสร็จเพียงไม่นาน ซึ่งน่าจะมาจากสาเหตุ ที่ตั้งไม่เหมาะสมตามสภาพธรณีวิทยา บ้านก็กล่าวว่ามาจากคลื่นสึนามิ
หน่วยงานด้านโบราณวัตถุของอิสราเอล ได้ส่งทีมประดาน้ำของตนเองไปสืบหาเพิ่มเติมแล้วก็พบสมบัติเหล่านั้น ซึ่งมีทั้งรูปปั้นทองแดงสัมฤทธิ์ , โคมไฟ , ไห , วัตถุรูปทรงสัตว์ , สมอเรือ รวมถึงเหรียญที่มีรูปจักรพรรดิโรมัน "คอนสแตนไทน์" และ "ลิกินิอุส" อีกนับพันเหรียญ
เจ้าหน้าที่คาดว่า เรือที่ขนสิ่งของเหล่านี้เจอกับพายุ ลูกเรือพยายามจะทอดสมอแต่ความพยายามของพวกเขาล้มเหลว ข้าวของทั้งหมดก็เลยจมอยู่ในน้ำใกล้กับท่าเรือเคซาเรีย ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีมานานถึง 1,700 ปีแล้ว
ที่มา telegraph
ขอขอบคุณภาพจาก https://board.postjung.com/966111
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000049789
Cr.http://winne.ws/n3681 โดย JPPK
สมบัติใต้ทะเลอ่าวไทย
-ตุ๊กตาดินเคลือบรูปคนอุ้มปลา (ตัวกลาง) จากรูปแบบที่พบเห็นทั่วไปน่าที่จะเคลือบ 2 สี สันนิษฐานว่า น่าที่จะเป็นรูปเคารพ ซึ่งสังเกตได้จากการแต่งกายเหมือนกับเทพของจีนองค์หนึ่ง
-ตุ๊กตารูปหญิงเปลือยอก มือขวาทูนหม้อน้ำไว้บนไหล่ อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ผลงานตุ๊กตานี้ได้มาจากแหล่งเตาเมืองศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สันนิษฐานว่า รูปแบบลวดลายที่ปรากฏในตุ๊กตาจีนนั้น ได้อิทธิพลมาจากศิลปะจีน มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20-21
มีเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเราก็คือ เหตุการณ์เมื่อปี 2535 กรณี “ออสเตรเลียไทด์” เรือต่างชาติที่อำพรางสัญชาติไว้หลายซับหลายซ้อน และได้ลอบเข้ามาขนสมบัติใต้ทะเลอ่าวไทยไปนับหมื่นชิ้น แต่ทางการไทยสามารถเข้าสกัดเอาไว้ได้ทัน ซึ่งคุณขรรค์ชัย บุนปาน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นเอาไว้ว่า
คุณประโชติ สังขนุกิจ ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผอ.กองโบราณคดีบอกกับ ศิลปวัฒนธรรม (เผยแพร่ในฉบับเมษายน 2535) ว่า การยึดโบราณวัตถุจากเรือออสเตรเลียไทด์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2535 นั้น สามารถยึดของกลางมาได้ถึง 10,287 ชิ้น
(ตุ๊กตารูปม้า ประติมากรรมรูปม้า มีคนขี่ พร้อมด้วยทหารอยู่ที่เท้าทั้ง 4 สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นเครื่องประดับ หรือก็อาจจะใช้เป็นตะเกียง ผลิตจากแหล่งเตาเมืองศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20-22 ตุ๊กตารูปม้าเป็นลักษณะที่เด่นของเตาเมืองศรีสัชนาลัย ถ้าสังเกตเนื้อดินแม้ว่าจะไม่เห็นชัด เนื่องจากมีเปลือกหอยเกาะคลุมอยู่ เนื้อดินจะมีสีเทา และมีเม็ดสีดำเล็กๆ ป่นอยู่ในเนื้อดิน)
“เครื่องปั้นดินเผาส่วนใหญ่ก็ได้มาจากแหล่งเตาเผาในจังหวัดสิงห์บุรีจำนวนกว่า 3,000 ชิ่น และเครื่องสังคโลกจากแหล่งเตาเผาในศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จำนวน 6,500 ชิ้น เครื่องถ้วยเวียดนามประมาณ 300 กว่าชิ้น และเครื่องถ้วยจีน 5 ชิ้น นอกจากนี้ยังมีหุ่นกลองทำด้วยไม้ลักษณะของกลองนั้นจะเป็นกลอง 2 หน้า และเตาเชิงกราน 2 เตา และปืนประจำเรือ 2 กระบอก”
เมื่อพิจารณาจากรูปแบบและลวดลายแล้วเครื่องถ้วยที่ยึดได้ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งน่าจะได้มาจากเรือที่ออกจากไทยเพื่อไปค้าขายยังต่างประเทศ แต่เคราะห์ร้ายเกิดจมลงเสียก่อน
ภาพประกอบจาก นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเมษายน 2535, คำบรรยายภาพเรียบเรียงโดย คุณปริวรรต ธรรมปรีชากร ภัณฑารักษ์ แห่งพิพิธภัณฑ์โอสถสภา
Cr.https://www.silpa-mag.com/history/article_7832 โดย ผิน ทุ่งคา
ขุมทรัพย์เหรียญทองของสเปน
นักล่าสมบัติพบเหรียญทองจำนวน 350 เหรียญ ซึ่งมาจากเรือสมัยศตวรรษที่ 18 จำนวน 11 ลำของสเปนที่จมอยู่ใต้ทะเลมานานถึง 300 ปี โดยเรือทั้งหมดจมเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนระหว่างการเดินทางจากประเทศคิวบาไปยังสเปน
เหรียญเหล่านี้ถูกน้ำพัดเข้ามายังชายฝั่งรัฐฟลอริดา และถูกทรายกลบไว้ใต้ดินอยู่ห่างจากชายฝั่งเพียง 1 เมตร
ทั้งนี้ตามกฎหมายของสหรัฐฯ ทางรัฐฟลอริดามีสิทธิ์เก็บสมบัติที่ได้รับการค้นพบไว้ได้ 20 % ส่วนนายวิลเลี่ยม บาร์ตเลตต์ปฏิเสธที่จะพูดถึงสัดส่วนที่เขาจะได้จากการค้นพบครั้งนี้ และนายเบรนท์ บริสเบน เจ้าของสิทธิ์ของซากเรือทั้ง 11 ลำที่จมใต้ท้องทะเลบอกว่า ขุมทรัพย์นี้ประกอบไปด้วยเหรียญหายากจำนวน 9 เหรียญซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “royal eight escudos” โดยก่อนหน้าการค้นพบครั้งนี้เชื่อว่ามีอยู่ในโลกเพียง 20 เหรียญเท่านั้น นายบริสเบนระบุว่า เหรียญเหล่านี้เป็นเหรียญที่พระมหากษัตริย์ของสเปนทรงมีพระบรมราชโองการให้ทำขึ้นโดยเฉพาะ
ที่มา BBC Thai
https://www.facebook.com/BBCThai/photos/a.1527194487501586.1073741828.1526071940947174/1689529551268078/?type=1&theater
Cr.https://board.postjung.com/907189