เมืองใต้น้ำ อารยธรรมโบราณที่มีการถูกค้นพบ

โดย แมวหง่าว

                                           ( เครดิตภาพ blogspot.com)

เรื่องราวของเมืองใต้น้ำที่หายสาบสูญไป อย่างแอตแลนติส นั้น ถึงจะพิสูจน์ได้ยากว่ามีจริงหรือไม่ แต่เรื่องของอาณาจักรที่มีอารยธรรมสูงส่ง แล้ววันหนึ่งถูกสายน้ำกลืนลงสู่ก้นทะเลนั้นก็สร้างความหวั่นวิตกให้กับมนุษย์อยู่เรื่อยมาทุกยุคทุกสมัย และ 10 เมืองต่อไปนี้คือเมืองที่เคยมีอยู่จริงในอดีต และกลายเป็นซากโบราณอยู่ใต้ท้องทะเล รอให้นักประดาน้ำ และนักผจญภัยลงไปสำรวจเรื่องราวขอมันต่อไป

 
1. อาณาจักรใต้น้ำ Thonis-Heracleion : อียิปต์
 



(Image: The Cosmos News via YouTube; ancient underwater city of Thonis-Heracleion)
 




(Image: The Cosmos News via YouTube)
 
     Heracleion เคยเป็นเมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือของอียิปต์ ที่ยิ่งใหญ่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ตอนนี้มันจมอยู่ก้นทะเลมากว่า 1,200 ปี และสาเหตุที่เรารู้ว่าที่นี่เคยเป็นเมืองท่ามาก่อน ก็เพราะซากเรืออัปปางกว่า 60 ลำ มีสินค้า รูปปั้น และเหรียญมากมายทั้งของกรีก และอียิปต์ ส่วนสาเหตุที่ทำไมเมืองนี้จึงตกลงสู่ก้นทะเล คาดกันว่าเป็นเพราะเมืองนี้สร้างอยู่บนดินทราย และดินโคลน เมื่อมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นจึงทำให้พังทลายลงในที่สุด
===============

 
2. อาณาจักร Phanagoria : รัสเซีย/กรีซ
 



(Image: via YouTube; Phanagoria lost underwater city)
 
     อาณาจักรนี้เดิมเป็นเป็นแค่เรื่องเล่าเก่าแก่ของชาวโรมันมาก่อน ว่าในช่วง 63 ปีก่อนคริสตกาล ที่นี่เคยเกิดเหตุจราจลครั้งใหญ่ ประชาชนที่โกรธแค้นต่างลุกฮือขึ้นเผาทำลายเมืองจนราบ

 

(Image: via YouTube)
 
     ซากเมืองนี้ถูกค้นพบอยู้ใต้ทะเลดำ เขตประเทศรัสเซีย แม้จะกู้ขึ้นมาได้บางส่วน แต่ซากเมืองโบราณกว่า 1 ใน 3 ก็ยังจมอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกฝังอยู่ใต้ผืนทรายยากต่อการขุดขึ้นมา ที่นี่ได้รับการขนานนามอีกชื่อว่าเป็นแอตแลนติสแห่งรัสเซีย
===============

 
3. พระราชวังสาบสูญแห่งคลีโอพัตรา : อียิปต์
 



(Image: Franck Goddio/Hilti Foundation, photos: Christoph Gerigk)
 
     พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร Alexandria อันเป็นที่ประทับของพระนางคลีโอพัตรา ราชินีองค์สุดท้ายของอียิปต์ จมอยู่ใต้น้ำมากว่า 2,000 ปีแล้ว และนักโบราณคดีกำลังพยายามปกป้องไม่ให้ที่นี่ถูกกระแสน้ำพัดพาออกสู่มหาสมุทรไป

 



(Image: Emad Victor Shenouda, public domain)
 
     นอกเหนือจากพระราชวังแล้ว ใกล้เคียงยังมีทั้งวิหาร ค่ายทหาร ป้อมสังเกตการณ์ รวมไปถึงห้องที่คาดกันว่าน่าจะเป็นที่ประทับแห่งสุดท้ายก่อนที่พระนางคลีโอพัตราจะปลงพระชนม์ด้วยการให้งูพิษกัด รวมไปถึงซากประภาคารแห่ง Alexandria ซึ่งเป็น 1 ใน สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ด้วย

 



(© Rougerie/UNESCO, The Alexandria Underwater Museum Project)
 
     ปัจจุบันมีโครงการที่จะจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำในบริเวณนี้ด้วย แต่ก็ต้องชะลอโครงการไปก่อนเนื่องจากประสบปัญหาด้านการลงทุนนั่นเอง
===============

 
4. แอตแลนติสเมืองจีน ซือเชิง : จีน
 



(Image: Chinese National Geography via china.org.cn)

 



(Image: Chinese National Geography via china.org.cn)
 
     เมืองโบราณอายุ 2,000 ปีนี้ ได้จมอยู่ใต้น้ำมากว่า 50 ปี เพราะโครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กั้นแม่น้ำซินอัน เมื่อปี 2502 ในตัวเมืองยังมีสิ่งปลูกสร้างในสภาพสมบูรณ์ ทั้งวิหาร ประตูโค้ง ถนนปูกรวด อาคารบ้านเรือน กระทั่งขื่อคาน และบันไดไม้ ทำให้เป็นที่น่าสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และกลายเป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของโลก
===============

 
5. เมืองโบราณ Olous : กรีซ
 



(Image: Rick01; the lost Minoan underwater city of Olous)
 
     สำหรับที่นี่แม้จะไม่ได้เป็นเมืองเก่าที่ยิ่งใหญ่นัก แต่ก็มีความพิเศษตรงที่ว่าทะเลแถบนี้น้ำใสมาก จนคุณสามารถดำน้ำตื้นเพื่อชมซากเมืองได้เลย เมือง Olous นั้นสร้างในช่วง 800 ปีก่อนคริสตกาล มีประชากรราว 30,000 คน แต่เพราะสร้างเมืองอยู่บนพื้นที่ที่ดินอ่อนนุ่ม ไม่แข็งแรง พอเกิดแผ่นดินไหวเมืองเลยถล่มลงทะเลในที่สุด ปัจจุบันที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำตื้นยอดนิยมของกรีซ มีการพบเหรียญหรือวัตถุโบราณอยู่เรื่อยๆ และสามารถมองเห็นซากกำแพงเมืองบางส่วนโผล่พ้นผิวน้ำด้วย
===============
 

6. The Mulifanua Site : เกาะซามัว
 



(Image: NASA, public domain; sunken Lapita villages, Samoa)
 
     พื้นที่แถบนี้เชื่อว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาว Lapita ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้ตั่งรกรากที่อพยพมาจากแถบไต้หวัน และเอเชียตะวันออกในช่วง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการค้นพบถ้วยโถโอชามกว่า 4,000 ชิ้น จึงเชื่อได้ว่าแถบนี้เคยเป็นที่อาศัยของมนุษย์มาก่อน
===============

 
7. เมืองใต้น้ำ อ่าว Cambay : อินเดีย
 



(Image: AncientExplorers via YouTube)
 




(Image: AncientExplorers via YouTube)
 
     เมืองโบราณแห่งนี้ถูกพบโดยความบังเอิญในขณะที่กำลังมีการสำรวจมลภาวะของน้ำในอ่าว Cambay ช่วงปี 2002 เมืองโบราณนี้อยู่ลึกลงไป 40 เมตร มีอายุประมาณ 4,000-5,000 ปี เมืองนี้จัดว่าเป็นเมืองที่มีอารยธรรมก้าวหน้ามากๆ ในยุคนั้น มีการสร้างระบบชลประทาน ท่าเรือ ถนน ฯลฯ ปัจจุบันการสำรวจที่นี่ทำได้ลำบากกว่าเดิมเพราะปริมาณน้ำที่สูงขึ้นทุกๆ ปี
===============

 
8. โบราณสถานยุคก่อนอินคา ทะเลสาบ Titicaca : โบลิเวีย/เปรู
 



(Image: Pedro Szekely; ruins beneath the waters of Lake Titicaca)
 
     แทบไม่น่าเชื่อว่าภายใต้ทะเลสาบที่แทบจะสูงที่สุดในโลก จะมีเมืองโบราณจมอยู่ข้างใต้ด้วย ด้วยความที่ทะเลสาบมีความลึกมาก การสำรวจจึงต้องระดมนักดำน้ำกว่า 200 ชีวิตเลยทีเดียว เมื่อนับอายุแล้วพบว่าที่นี่มีอายุกว่า 1,500 ปี เก่าแก่กว่าอารยธรรมอินคา ภายในเมืองมีทั้งวิหาร ถนน กำแพงเมือง ฟาร์มเพาะปลูก
 




(Image: US military, llustration purposes only)
 
     แต่ก่อนนั้นเรื่องราวของนครบาดาลแห่งนี้เป็นแค่ตำนานพื้นบ้านของแถบนี้ ว่าเมืองโบราณใน Titicacaนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมอินคา เมื่อนักโบราณคดีเริ่มมีเทคโนโลยี และเครื่องไม้เครื่องมือที่ดีกว่าเดิม การสำรวจจึงเกิดขึ้น และพบว่าตำนานนี้เป็นเรื่องจริง ข้างใต้นั้นพบวัตถุโบราณมากมาย ตั้งแต่โครงกระดูก เครื่องใช้เซรามิก ธุปเทียนเครื่องหอม ไปจนถึงทองคำเลย
===============

 
9. Atlit-Yam : อิสราเอล
 



(Image: Hanay; an ancient sunken stone circle in Israel)

 



(Image: Hanay; the ancient Neolithic settlements of Atlit-Yam)
 
     Atlit-Yam เป็นสิ่งที่ใช้เรียกกองหินโบราณที่ถูกพบอยู่ตามแนวของอ่าว Carmel เชื่อกันว่ามันถูกตั้งไว้เพื่อเป็นบ่อน้ำโบราณ และแท่นบูชาวิญญาณแห่งวารี อายุของแท่งหินเหล่านี้มากกว่า 7,000 ปีแล้ว สิ่งที่ต่างจากเมืองโบราณอื่นๆ ก็คือรอบๆ แท่งหินนี้ค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณกว่า 65 ชีวิต และจากผลการพิสูจน์พบว่าทุกๆ คนล้วนเสียชีวิตเพราะวัณโรค
===============

 
10. Baiae เมืองโรมันโบราณ : อิตาลี
 



(Image: SkareMedia via Atlas Obscura)
 
     โคตรเมืองโบราณที่เป็นดั่งดินแดนแห่งแสงสี และบ้านพักตากอากาศของชนชั้นสูงสมัยโรมรุ่งเรือง มีแหล่งน้ำพุร้อนอยู่บริเวณใกล้เคียงด้วย เลยทำให้มีโรงอาบน้ำร้อนให้ได้แช่กันสบายอารมณ์ แต่ในช่วงศตวรรษที่ 8 เมืองนี้ก็ถูกกองกำลัง Saracen (กลุ่มนักรบจากซีเรีย) เข้าโจมตี ชาวเมืองจึงต้องหลบหนี ทิ้งเมืองเอาชีวิตรอด เมื่อผ่านไปนานเข้าที่นี่ก็ถูกน้ำท่วมสูงขึ้นเป็นระยะๆ กระทั่งจมลงในที่สุด
 




(Image: The Underwater Archeological Park of Baiae via Atlas Obscura)
 
     ปัจจุบันที่นี่จึงกลายมาเป็นแหล่งดำน้ำยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลก และยังคงมีรูปปั้นโบราณที่ค่อนข้างสมบูรณ์หลงเหลืออยู่มาก มีท่าเรือ บ่อปลา บ้านของจักรพรรดิเนโร รวมถึงรีสอร์ทที่พักแบบโบราณมากมาย
===============
 

.trueid.net
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่