กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นด้วยความตั้งใจอยากแชร์ประสบการณ์แต่งมุมทำงานในห้องนอนของผมกับภรรยาครับ
เนื้อหาโดยรวมจะเป็นการแชร์ประสบการณ์และไอเดีย ของการทำเฟอร์นิเจอร์เข้ามุมทำงานของเรา
หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังสนใจแต่งมุมทำงานใหม่ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘ห้องของเรา’ ชื่อมันบอกแล้ว มันจะไม่ใช่ห้องที่ใครคนนึงชอบมากที่สุด แต่เราต้องหาข้อสรุปที่สองคนพอใจ
มันเริ่มมาจากที่เราสองคนแต่งงาน แล้วย้ายเข้ามาอยู่ในห้องที่เราช่วยกันแต่ง (เธอย้ายเข้ามาอยู่บ้านผมครับ)
ความต้องการในการใช้งานห้องของเราทั้งคู่มีส่วนที่เหมือนและต่างกัน การตกลง (และต่อรอง) มันเลยเริ่มขึ้น55555
ผมเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ผลิตเฟอร์นิเจอร์ขายตามแบบที่ลูกค้าต้องการครับ ส่วนแฟนผมช่วยทำทุกอย่างนอกเหนือจากการทำเฟอร์นิเจอร์
หลักๆคืองานเอกสารต่างๆทุกอย่างครับ
เราทั้งคู่ทำงานที่บ้านตัวเองครับ ในเวลากลางวันผมทำงานในshopนอกบ้าน(ง่ายๆคือผมคือฝ่ายผลิตชิ้นงานครับ)
ส่วนแฟนผมก็ทำงานในห้องครับทำงานเอกสาร บัญชี,ตอบลูกค้าที่inbox,ทำใบเสนอราคา
เราเลือกที่จะให้ห้องนอนของเราส่วนนึงใช้สำหรับทำงานได้จริงๆ คนที่จะใช้โต๊ะทำงานเป็นประจำจะเป็นแฟนผม
ผมก็อยากเอาใจภรรยาผม ด้วยการทำโต๊ะทำงาน และชั้นเก็บเอกสารดีๆให้ภรรยาผมใช้งานได้อย่างมีความสุข
นี่คือสภาพมุมโต๊ะทำงานห้องก่อนทำครับ
"ปัญหาคลาสสิคคือ มันไม่พอครับ"
เรามีโต๊ะทำงาน ที่เคยทำให้เป็นต้นแบบ ละยังไม่ได้ขาย เอามาใช้ชั่วคราวก่อน
(ซึ่งชั่วคราวมา7-8เดือนละครับ55กราบขออภัยผู้ร่วมทำต้นแบบมา ณ ที่นี้ด้วย ผมแอบเอามาใช้ครับ)
พอเราเริ่มมีเครื่องปรินท์ มีเอกสาร มีตัวอย่างวัสดุมาเก็บ อยู่ดีๆ โต๊ะทำงานมันเลยต้องปรับเป็น home office ขนาดย่อม
เราเลยมาคุยกัน ว่าหน้าตาที่ทำงานของภรรยาผม จะออกมาประมาณไหน
นี่คือตัวอย่างมุมทำงานที่เราหาข้อสรุปกันมาครับ (credit รูปจาก pinterest)
นี่คือบริเวณห้องจริงของเราครับ
เราสนใจที่จะทำโต๊ะทำงานของเราไว้ริมหน้าต่างตามแบบ
แต่มาติดกันตรงที่แดดบ่ายเมืองไทยของเราร้อนมากครับ มันเข้ามาทางหน้าต่างด้านนี้พอดี
(Tips 1ใครที่ฝันอยากมีโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง อย่าลืมคิดเรื่องทิศแดดของห้อง และช่วงเวลาที่เราจะใช้งานโต๊ะนั้น
ก่อนจะลงมือสร้างห้องด้วยนะครับ) ฝันที่จะมีโต๊ะทำงานริมหน้าต่างผมเลยต้องเปลี่ยนแผนครับ
เธออยากได้โต๊ะที่ยาวที่สุด เท่าที่จะทำได้เพราะเอกสารและอุปกรณ์เยอะมากครับ
แต่ที่เราเลือกที่จะไม่ไว้บนพื้นเลย เพราะเราเลี้ยงกระต่ายอยู่1ตัวครับ (น้องบลังก้า)
บนพื้นห้องเป็นของน้องบลังก้า เพราะทุกอย่างที่นางเดินถึง อะไรงับเข้า คือพินาศครับ
ตัวอย่างผลงานกัดสายไฟของน้องบลังก้าสุดสวย สุดแสบ
แบบที่เราปรึกษากันจึงเปลี่ยนมาลงตัวที่แบบนี้แทนครับ (credit รูปจาก pinterest)
คือเปลี่ยนมุมโต๊ะทำงานมาอยู่ด้านข้างผนังห้องแทนที่จะเป็นทางหน้าต่างครับ
มีชั้นวางของด้านบน กับมีลิ้นชักอยู่ด้านล่างสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ที่เราชอบกันเป็นแบบไม้ครับ เราอาศัยอยู่กันที่จังหวัดลำปาง
บริเวณบ้านเป็นสวนเราอยากให้โทนของห้องออกมาเป็นธรรมชาติเท่าที่งบประมาณจะอำนวย
เราเลือกแบบโต๊ะและชั้นวางของสไตล์นี้ครับ
Minimal เป็นรูปแบบที่เราสนใจกัน แต่วัสดุจริงที่เรามีกันอยู่ในชอปทำงานของผม เรามีไม้สักประสานอยู่แผ่นนึง ขอสารภาพครับมันคือไม้เหลือจากงานต้นแบบตัวนี้ครับ
(Tips2 สไตล์นี้เราสามารถเลือกวัสดุได้ตามงบที่ตั้งไว้ในใจ ทั้งไม้จริงตามตัวอย่าง ไม้ประสานแบบโต๊ะในห้อง หรือใช้เป็นไม้อัดติดลามิเนตลายไม้
ราคาลดหลั่นกันไปครับ)
เราเลือกไม้แบบโต๊ะตัวนี้มาทำหน้าโต๊ะทำงานยาวๆตามที่คุณแฟนผมต้องการ ถ้าซื้อแผ่นใหม่คงต้องควักอีก2-3พันครับ มันถูกตัดไปแล้วบางส่วน
ผมก็ด้วยความเสียดายไม้ เลยปรับแบบจากแผ่นตรงๆ มาเป็นแบบนี้ครับ ก็ดูสวยไปอีกแบบครับ
ส่วนชั้นวางของด้านบน ตอนแรกก็ชั่งใจจะใช้ไม้ชนิดเดียวกับตัวโต๊ะ แต่พอเจอราคาวัสดุเลยต้องยอมถอยครับ
เราจึงเลือกใช้ไม้อัดหนา 20mm แล้วแปะลามิเนตลายไม้ปิดผิวไปครับ ได้ความแข็งแรงและก็ใกล้เคียงกับไม้ในราคาที่เราแฮปปี้กันที่สุด
ผนังจุดที่เราจะแขวนชั้นวางของคือบริเวณนี้ครับ มันมีกล่องสายไฟและคัทเอาท์อยู่
เราตัดสินใจเลือกเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน(ขอบสีฟ้า)เพราะถ้าเป็นบานเลื่อน 3 บาน จะกินพื้นที่เก็บของในตู้ครับ ผมไม่อยากทำตู้ลึกมากกว่านี้
เพราะผนังปูนมันเก่าแล้ว ไม่อยากให้รับน้ำหนักมาก ประกอบกับบานเปิด 1 บาน (ขอบสีดำ) มาปิดปลั๊กไฟพวกนี้ครับ
อาจจะดูแปลกๆ แต่ก็ตามพื้นที่จริงของห้องครับ
ส่วนตู้ลิ้นชัก เราเลือกแบบที่มีล้อเลื่อน เพราะเราใช้งานหลายแบบครับ บางทีก็นั่งที่โต๊ะ 2 คนพร้อมกัน บางทีก็นั่งคนเดียว ติดล้อตอบโจทย์เราสุดครับ
ด้วยความที่ภรรยาผมทั้งชอบทำ และทานขนม เราเลยลองเอาไอเดียช็อกโกแลตเยิ้มมาใส่ตู้ เพิ่มความชอบส่วนตัวลงไปครับ
(ใครไม่ชอบไม่รู้แต่ ภรรยาผมชอบ ก็จัดไปครับ
)
เมื่อเอาทุกชิ้นมาผสมรวมกันในพื้นที่ใช้งานจริงก็ออกมาประมาณนี้ครับ
สรุปราคาค่าวัสดุ
โต๊ะ 60x210cm
โต๊ะไม้ที่เหลืออยู่ (ถ้าซื้อใหม่ราคาประมาณ3200บาท)
ฉากรับโต๊ะ ผมซื้อเหล็กแผ่นขนาด 20x20cm มาผ่าครึ่ง 2แผ่น กับเหล็กแบนรีด 2 นิ้ว มาเชื่อมกันเป็นฉาก รวมของและค่าแรง 800 บาทครับ
ตู้แขวนผนัง 55x210x60cm
ไม้อัด 20mm 1แผ่น ราคา 900บาท
ลามิเนตปิดผิว 4แผ่น แผ่นละ 900 บาท รวม3600 บาท
ชุดติตตั้งบานเลื่อน มือจับ 300 บาท
เก๊ะล้อเลื่อน 40x55x65cm
ไม้ยางประสานเกรดaa 1 แผ่น 1800 บาท
ล้อเลื่อน และรางลิ้นชัก รวม 800 บาท
ส่วนค่าแรงผม พยายามจะคิดละครับ และภรรยาผมมองหน้า เลยได้เป็นรอยยิ้มกลับมาแทนครับ555
ถ้าเป็นงานจริงค่าแรงก็ตกเป็นหมื่นอยู่ แชร์เป็นไอเดียครับ เผื่อใครอยากลองแต่งห้องตัวเอง
บางทีก็ได้ดั่งใจ หลายครั้งก็สวยที่สุดเท่าที่สถานที่ อำนวย เงื่อนไขใครเงื่อนไขมันครับ
ขอปิดท้ายด้วยภาพใช้งานจริงก่อนและหลังเปลี่ยนโฉมครับ ^^
เปลี่ยนโฉมโต๊ะทำงานเป็น (mini) home office
ความต้องการในการใช้งานห้องของเราทั้งคู่มีส่วนที่เหมือนและต่างกัน การตกลง (และต่อรอง) มันเลยเริ่มขึ้น55555
ผมเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ผลิตเฟอร์นิเจอร์ขายตามแบบที่ลูกค้าต้องการครับ ส่วนแฟนผมช่วยทำทุกอย่างนอกเหนือจากการทำเฟอร์นิเจอร์
หลักๆคืองานเอกสารต่างๆทุกอย่างครับ
เราทั้งคู่ทำงานที่บ้านตัวเองครับ ในเวลากลางวันผมทำงานในshopนอกบ้าน(ง่ายๆคือผมคือฝ่ายผลิตชิ้นงานครับ)
ส่วนแฟนผมก็ทำงานในห้องครับทำงานเอกสาร บัญชี,ตอบลูกค้าที่inbox,ทำใบเสนอราคา
เราเลือกที่จะให้ห้องนอนของเราส่วนนึงใช้สำหรับทำงานได้จริงๆ คนที่จะใช้โต๊ะทำงานเป็นประจำจะเป็นแฟนผม
(ซึ่งชั่วคราวมา7-8เดือนละครับ55กราบขออภัยผู้ร่วมทำต้นแบบมา ณ ที่นี้ด้วย ผมแอบเอามาใช้ครับ)
พอเราเริ่มมีเครื่องปรินท์ มีเอกสาร มีตัวอย่างวัสดุมาเก็บ อยู่ดีๆ โต๊ะทำงานมันเลยต้องปรับเป็น home office ขนาดย่อม
เราเลยมาคุยกัน ว่าหน้าตาที่ทำงานของภรรยาผม จะออกมาประมาณไหน
นี่คือตัวอย่างมุมทำงานที่เราหาข้อสรุปกันมาครับ (credit รูปจาก pinterest)
นี่คือบริเวณห้องจริงของเราครับ
เราสนใจที่จะทำโต๊ะทำงานของเราไว้ริมหน้าต่างตามแบบ
แต่มาติดกันตรงที่แดดบ่ายเมืองไทยของเราร้อนมากครับ มันเข้ามาทางหน้าต่างด้านนี้พอดี
(Tips 1ใครที่ฝันอยากมีโต๊ะทำงานริมหน้าต่าง อย่าลืมคิดเรื่องทิศแดดของห้อง และช่วงเวลาที่เราจะใช้งานโต๊ะนั้น
ก่อนจะลงมือสร้างห้องด้วยนะครับ) ฝันที่จะมีโต๊ะทำงานริมหน้าต่างผมเลยต้องเปลี่ยนแผนครับ
เธออยากได้โต๊ะที่ยาวที่สุด เท่าที่จะทำได้เพราะเอกสารและอุปกรณ์เยอะมากครับ
แต่ที่เราเลือกที่จะไม่ไว้บนพื้นเลย เพราะเราเลี้ยงกระต่ายอยู่1ตัวครับ (น้องบลังก้า)
บนพื้นห้องเป็นของน้องบลังก้า เพราะทุกอย่างที่นางเดินถึง อะไรงับเข้า คือพินาศครับ
ตัวอย่างผลงานกัดสายไฟของน้องบลังก้าสุดสวย สุดแสบ
แบบที่เราปรึกษากันจึงเปลี่ยนมาลงตัวที่แบบนี้แทนครับ (credit รูปจาก pinterest)
คือเปลี่ยนมุมโต๊ะทำงานมาอยู่ด้านข้างผนังห้องแทนที่จะเป็นทางหน้าต่างครับ
มีชั้นวางของด้านบน กับมีลิ้นชักอยู่ด้านล่างสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ที่เราชอบกันเป็นแบบไม้ครับ เราอาศัยอยู่กันที่จังหวัดลำปาง
บริเวณบ้านเป็นสวนเราอยากให้โทนของห้องออกมาเป็นธรรมชาติเท่าที่งบประมาณจะอำนวย
เราเลือกแบบโต๊ะและชั้นวางของสไตล์นี้ครับ
Minimal เป็นรูปแบบที่เราสนใจกัน แต่วัสดุจริงที่เรามีกันอยู่ในชอปทำงานของผม เรามีไม้สักประสานอยู่แผ่นนึง ขอสารภาพครับมันคือไม้เหลือจากงานต้นแบบตัวนี้ครับ
(Tips2 สไตล์นี้เราสามารถเลือกวัสดุได้ตามงบที่ตั้งไว้ในใจ ทั้งไม้จริงตามตัวอย่าง ไม้ประสานแบบโต๊ะในห้อง หรือใช้เป็นไม้อัดติดลามิเนตลายไม้
ราคาลดหลั่นกันไปครับ)
เราเลือกไม้แบบโต๊ะตัวนี้มาทำหน้าโต๊ะทำงานยาวๆตามที่คุณแฟนผมต้องการ ถ้าซื้อแผ่นใหม่คงต้องควักอีก2-3พันครับ มันถูกตัดไปแล้วบางส่วน
ผมก็ด้วยความเสียดายไม้ เลยปรับแบบจากแผ่นตรงๆ มาเป็นแบบนี้ครับ ก็ดูสวยไปอีกแบบครับ
ส่วนชั้นวางของด้านบน ตอนแรกก็ชั่งใจจะใช้ไม้ชนิดเดียวกับตัวโต๊ะ แต่พอเจอราคาวัสดุเลยต้องยอมถอยครับ
เราจึงเลือกใช้ไม้อัดหนา 20mm แล้วแปะลามิเนตลายไม้ปิดผิวไปครับ ได้ความแข็งแรงและก็ใกล้เคียงกับไม้ในราคาที่เราแฮปปี้กันที่สุด
ผนังจุดที่เราจะแขวนชั้นวางของคือบริเวณนี้ครับ มันมีกล่องสายไฟและคัทเอาท์อยู่
เราตัดสินใจเลือกเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน(ขอบสีฟ้า)เพราะถ้าเป็นบานเลื่อน 3 บาน จะกินพื้นที่เก็บของในตู้ครับ ผมไม่อยากทำตู้ลึกมากกว่านี้
เพราะผนังปูนมันเก่าแล้ว ไม่อยากให้รับน้ำหนักมาก ประกอบกับบานเปิด 1 บาน (ขอบสีดำ) มาปิดปลั๊กไฟพวกนี้ครับ
อาจจะดูแปลกๆ แต่ก็ตามพื้นที่จริงของห้องครับ
ส่วนตู้ลิ้นชัก เราเลือกแบบที่มีล้อเลื่อน เพราะเราใช้งานหลายแบบครับ บางทีก็นั่งที่โต๊ะ 2 คนพร้อมกัน บางทีก็นั่งคนเดียว ติดล้อตอบโจทย์เราสุดครับ
ด้วยความที่ภรรยาผมทั้งชอบทำ และทานขนม เราเลยลองเอาไอเดียช็อกโกแลตเยิ้มมาใส่ตู้ เพิ่มความชอบส่วนตัวลงไปครับ
(ใครไม่ชอบไม่รู้แต่ ภรรยาผมชอบ ก็จัดไปครับ)
เมื่อเอาทุกชิ้นมาผสมรวมกันในพื้นที่ใช้งานจริงก็ออกมาประมาณนี้ครับ
สรุปราคาค่าวัสดุ
โต๊ะ 60x210cm
โต๊ะไม้ที่เหลืออยู่ (ถ้าซื้อใหม่ราคาประมาณ3200บาท)
ฉากรับโต๊ะ ผมซื้อเหล็กแผ่นขนาด 20x20cm มาผ่าครึ่ง 2แผ่น กับเหล็กแบนรีด 2 นิ้ว มาเชื่อมกันเป็นฉาก รวมของและค่าแรง 800 บาทครับ
ตู้แขวนผนัง 55x210x60cm
ไม้อัด 20mm 1แผ่น ราคา 900บาท
ลามิเนตปิดผิว 4แผ่น แผ่นละ 900 บาท รวม3600 บาท
ชุดติตตั้งบานเลื่อน มือจับ 300 บาท
เก๊ะล้อเลื่อน 40x55x65cm
ไม้ยางประสานเกรดaa 1 แผ่น 1800 บาท
ล้อเลื่อน และรางลิ้นชัก รวม 800 บาท
ส่วนค่าแรงผม พยายามจะคิดละครับ และภรรยาผมมองหน้า เลยได้เป็นรอยยิ้มกลับมาแทนครับ555
ถ้าเป็นงานจริงค่าแรงก็ตกเป็นหมื่นอยู่ แชร์เป็นไอเดียครับ เผื่อใครอยากลองแต่งห้องตัวเอง
บางทีก็ได้ดั่งใจ หลายครั้งก็สวยที่สุดเท่าที่สถานที่ อำนวย เงื่อนไขใครเงื่อนไขมันครับ
ขอปิดท้ายด้วยภาพใช้งานจริงก่อนและหลังเปลี่ยนโฉมครับ ^^