กลับมาพบกับ วีร์กวิน รีวิวอีกครั้ง
จำกระทู้รีโนเวทห้องนอนบ้านไม้เก่าได้มั้ยคะ
ตามภาพด้านล่างนี้
วันนี้เรามีโปรเจคใหม่ ใต้ถุนบ้านของเราเองค่ะ
เป็นการรีโนเวทใต้ถุนบ้าน มาทำห้องนั่งเล่น ดู TV ทำครัวเบาๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ และแพลนไว้ว่าจะเอาไว้เป็นที่นอนให้ พ่อกับแม่ ที่อาจจะเดินขึ้นบ้านไม่ไหวในอนาคต
งบในการทำครั้งนี้เรามีงบอยู่ที่
หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ใช่ค่ะมีเท่านี้
เราเลยเลือกที่จะรีโนเวทแค่เพียงครึ่งเดียว จากบริเวณใต้ถุนทั้งหมด เพราะคิดแล้วว่าถ้าทำทั้งหมดต้องไม่พอแน่แน่
ซึ่งเราหมดค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด
โดยประมาณดังนี้ค่ะ
ถมดินรวมไปถึงโครงสร้างทั้งหมด
รวมก่อเคาน์เตอร์บาร์ (รวมค่าช่างแล้ว)
ประมาณ 106,800 บาท
ของที่ซื้อ
ลูกบิด กลอนประตู บานพับสแตนเลส
DoHome 3686 บาท
กระเบื้อง รวมไปถึงยาแนวปูนสำเร็จซื้อจาก Global House 1596.32 บาท
ค่าซิงค์ล้างจานสแตนเลส ชั้นวางของสแตนเลส ชั้นวางของสีขาว ชั้นวางรองเท้า 7,825 บาท
ค่าสี ทาไม้ ทาปูน ทาเหล็ก 12,803.12 จาก เกษมพงรัตน์ สมุทรสาคร และ Shopee
(ไม่เสียค่าช่างทาสี ทากันเองกับพ่อ 2 คน)
ค่า โคมไฟวินเทจดำกับเขียว ซื้อ Shopee
ค่า โคมติดลอย เต้ารับ บ๊อกไฟ
สวิต หลอดไฟ ซื้อ สีทอง สมุทรสาคร
ค่า รางแทรคไลท์ ซื้อ HomePro มหาชัย
รวมกันยอด 6451 บาท
ค่า สายไฟ ท่อร้อยสายไฟ ตู้คอนซูมเมอร์ 8 ช่อง รวมไปถึงอุปกรณ์ลงสายดินทั้งหมด
พร้อมค่าช่าง
ยอด 14,000 บาท
รวมเบ็ดเสร็จ 153,161.44บาทค่ะ
เราเน้นเอาเท่าที่ไหว ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน ให้พอมีแรงบันดาลใจในการเก็บเงินก้อนต่อไป แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความชอบของตัวเราเองด้วย
เราใส่ความเป็นตัวเราในการแต่งบ้าน จัดบ้านเอาไว้เสมอ และซื้อของสะสมเอาไว้แม้ว่าจะยังไม่มีเงินทำบ้านด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ซื้อของเก็บไว้เราจะจินตนาการอยู่ในหัวตลอดว่า สิ่งไหนควรจัดวางไว้ตรงไหน ทำแบบนี้บ่อยๆจะได้มีกำลังใจที่อยากจะมีบ้านในแบบที่เราต้องการด้วยค่ะ
มาเริ่มจากภาพแรกกันก่อนนะคะ เป็นภาพใต้ถุนบ้านที่รกมากมาก เวลาฝนตกน้ำก็ไหลเข้ามาจนแม่ต้องเอาไม้กระดานมาวางไว้เดิน วันดีคืนดีก็กลายเป็นแหล่งพักพิงของน้องงูเขียว ที่เคยกัดเท้าแม่เรามาแล้ว ด้วยความมืดความชื้นบริเวณนี้ก็เป็นเซฟโซนของน้องยุงเช่นเดียวกัน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เราเอ่ยมาตามด้านบน ก็เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เราต้องรีบรีโนเวทด้านล่าง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาจริงความเร็ววัดจากเงินที่มีค่ะ ไม่มีเงินก็รอไปก่อน 😅
หลังจากนี้จะเป็นการปล่อยภาพหลังจากรีโนเวทเสร็จแบบรัวรัวแล้วนะคะ มาติดตามไปด้วยกันค่ะ
เริ่มจากรื้อหน้าต่างไม้เก่าที่เราได้มาฟรี ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้เราประหยัดได้มากและเป็นที่ถูกใจเราสุดสุดเพราะเราชอบงานไม้เก่ามากมาก เราได้หน้าต่างมาทั้งหมด 4 บานใหญ่ แล้วก็บานประตู 2 บาน ครบเท่ากับจำนวนที่เราต้องการพอดี และเป็นไม้แท้ทั้งหมด
เห็นไม้แบบนี้เรารีบขนกลับบ้านมาให้ไวเลยค่ะ พอเค้าบอกว่าให้ แม้ว่าพ่อกับแม่จะบ่นว่าขนของมาทิ้งไว้ให้รกบ้านอีกแล้วก็เหอะ ขนมาทิ้งไว้ได้อยู่ 5-6 ปีค่ะ กว่าจะได้ทำ จนปลวกจะกินอยู่แล้ว 😅
หน้าตาก่อนเอาไปติดตั้งและทาสีค่ะ
เก่าหน่อย เดี๋ยวทาสีก็ใหม่เอง
หน้าต่างบานนี้รักมากเลยค่ะ
หลังจากทาสีแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้
วินเทจสุดสุด
ข้ามจากเรื่องหน้าต่างมาดูใต้ถุนบ้านกันต่อ
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
กระเบื้องที่จะปูเคาน์เตอร์บาร์มาแล้ว
และสีก็มาแล้ว เรื่องสีนี่เราใช้เวลาอยู่กับมันพอสมควร เพราะเราต้องใช้สีทาในหลายส่วนด้วยกันไม่ว่าจะเป็น เพดานใต้ถุนด้านบน หน้าต่าง วงกบ ประตู ผนังด้านในและด้านนอก รอบนี้ก็เหมือนเดิมทากันเองสองคนพ่อลูก งานอาจไม่ได้เนี๊ยบเหมือนจ้างช่าง แต่ได้อยู่แหละ ได้อยู่เท่ากับ 😂
มาดูรูปกันต่อ
หลังจากเริ่มทาสีแล้วก็จะประมาณนี้ ในส่วนของโครงสร้างเราจะไม่ก่อปูนทึบทั้งหมดนะ เรายังอยากได้ความรู้สึกของความเป็นบ้านไม้อยู่ก็เลยใส่ไม้ฝาเฌอร่าด้านหน้าเข้าไปผสม ให้ดูไม่หนักจนเกินไป (คิดเองแหละ 😅)
แล้วก็เหมือนเดิมเราจะไม่ตีไม้ฝาด้านใน หรือตีฝ้าด้านบน หลักหลักเลยคือกลัวพวกเรื่องปลวก และชอบลายของไม้ เลยเลือกเอาสีย้อมไม้มาทาสีแทนการตีฝ้าเพื่อโชว์ลายไม้ค่ะ
และเมื่อทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเราก็เริ่มทำไฟ พวกหลอดไฟโคมไฟเราเลือกเองทั้งหมด วางผังไฟว่าอะไรควรอยู่ตรงไหนตามจินตนาการ
ชอบไปคาเฟ่ค่ะ และอยากได้ความคาเฟ่มาอยู่ในบ้านนิดนิดก็เลยออกมาตามนี้ ความยากอยู่ที่การเลือกโคมไฟ และสีของหลอดเพื่อเอามาตัดกับท่อร้อยสายไฟ ใช้เวลาเลือกอยู่พอสมควรเหมือนกันค่ะ ตาจะปวด
เสร็จจากเรื่องไฟก็เอาเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าที่มีอยู่ในบ้านมาซ่อมแซมและขัดทาสีใหม่ จากนั้นก็เอามาวางให้ถูกที่ถูกทางในแบบของมันเป็นอันเสร็จ
กว่าจะมาถึงวันนี้ก็เดินทางมาหลายเดือนค่ะ เพราะเราไม่ได้อยู่บ้านกลับมาทำได้แค่อาทิตย์ละหน
“ความฝันต้องเกิด หยาดเหงื่อจึงได้มา
ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป ดอกไม้จึงบาน
คำว่าพยายาม ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ”
ฟังเพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจค่ะ วันนี้ไม่ได้ วันนี้ไม่มี วันหน้าก็ไม่มีเหมือนกัน หยอกค่ะ พยายามไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสักวันต้องเป็นของเรา
การมีบ้านในแบบที่เราชอบก็เช่นเดียวกันค่ะ
สำหรับเราแล้วในงบเท่านี้ กับสิ่งที่ได้เราค่อนข้างพอใจเลยค่ะ เพราะอย่างน้อยก็เป็นในรูปแบบที่เราชอบ
สำหรับวันนี้ก็ขอมารีวิวแต่เพียงเท่านี้ค่ะ เอาไว้คราวหน้ามีทำอะไรเพิ่มเติมตรงไหน จะมารีวิวให้ดูกันอีกทีค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่มีบ้านไม้เก่าๆ แล้วอยากทำให้ดูดีขึ้นมา ไม่มากก็น้อยค่ะ
อีก 3 ปีเจอกันอีกครั้งค่ะ ตอนนี้งบหมดแล้ว
25/6/65
#weegavinheartreview
รีโนเวทใต้ถุนบ้านไม้เก่า เป็นห้องนั่งเล่นของครอบครัว ในงบแสนห้า
จำกระทู้รีโนเวทห้องนอนบ้านไม้เก่าได้มั้ยคะ
ตามภาพด้านล่างนี้
วันนี้เรามีโปรเจคใหม่ ใต้ถุนบ้านของเราเองค่ะ
เป็นการรีโนเวทใต้ถุนบ้าน มาทำห้องนั่งเล่น ดู TV ทำครัวเบาๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ และแพลนไว้ว่าจะเอาไว้เป็นที่นอนให้ พ่อกับแม่ ที่อาจจะเดินขึ้นบ้านไม่ไหวในอนาคต
งบในการทำครั้งนี้เรามีงบอยู่ที่
หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ใช่ค่ะมีเท่านี้
เราเลยเลือกที่จะรีโนเวทแค่เพียงครึ่งเดียว จากบริเวณใต้ถุนทั้งหมด เพราะคิดแล้วว่าถ้าทำทั้งหมดต้องไม่พอแน่แน่
ซึ่งเราหมดค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด
โดยประมาณดังนี้ค่ะ
ถมดินรวมไปถึงโครงสร้างทั้งหมด
รวมก่อเคาน์เตอร์บาร์ (รวมค่าช่างแล้ว)
ประมาณ 106,800 บาท
ของที่ซื้อ
ลูกบิด กลอนประตู บานพับสแตนเลส
DoHome 3686 บาท
กระเบื้อง รวมไปถึงยาแนวปูนสำเร็จซื้อจาก Global House 1596.32 บาท
ค่าซิงค์ล้างจานสแตนเลส ชั้นวางของสแตนเลส ชั้นวางของสีขาว ชั้นวางรองเท้า 7,825 บาท
ค่าสี ทาไม้ ทาปูน ทาเหล็ก 12,803.12 จาก เกษมพงรัตน์ สมุทรสาคร และ Shopee
(ไม่เสียค่าช่างทาสี ทากันเองกับพ่อ 2 คน)
ค่า โคมไฟวินเทจดำกับเขียว ซื้อ Shopee
ค่า โคมติดลอย เต้ารับ บ๊อกไฟ
สวิต หลอดไฟ ซื้อ สีทอง สมุทรสาคร
ค่า รางแทรคไลท์ ซื้อ HomePro มหาชัย
รวมกันยอด 6451 บาท
ค่า สายไฟ ท่อร้อยสายไฟ ตู้คอนซูมเมอร์ 8 ช่อง รวมไปถึงอุปกรณ์ลงสายดินทั้งหมด
พร้อมค่าช่าง
ยอด 14,000 บาท
รวมเบ็ดเสร็จ 153,161.44บาทค่ะ
เราเน้นเอาเท่าที่ไหว ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน ให้พอมีแรงบันดาลใจในการเก็บเงินก้อนต่อไป แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความชอบของตัวเราเองด้วย
เราใส่ความเป็นตัวเราในการแต่งบ้าน จัดบ้านเอาไว้เสมอ และซื้อของสะสมเอาไว้แม้ว่าจะยังไม่มีเงินทำบ้านด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ซื้อของเก็บไว้เราจะจินตนาการอยู่ในหัวตลอดว่า สิ่งไหนควรจัดวางไว้ตรงไหน ทำแบบนี้บ่อยๆจะได้มีกำลังใจที่อยากจะมีบ้านในแบบที่เราต้องการด้วยค่ะ
มาเริ่มจากภาพแรกกันก่อนนะคะ เป็นภาพใต้ถุนบ้านที่รกมากมาก เวลาฝนตกน้ำก็ไหลเข้ามาจนแม่ต้องเอาไม้กระดานมาวางไว้เดิน วันดีคืนดีก็กลายเป็นแหล่งพักพิงของน้องงูเขียว ที่เคยกัดเท้าแม่เรามาแล้ว ด้วยความมืดความชื้นบริเวณนี้ก็เป็นเซฟโซนของน้องยุงเช่นเดียวกัน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่เราเอ่ยมาตามด้านบน ก็เลยเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เราต้องรีบรีโนเวทด้านล่าง ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาจริงความเร็ววัดจากเงินที่มีค่ะ ไม่มีเงินก็รอไปก่อน 😅
หลังจากนี้จะเป็นการปล่อยภาพหลังจากรีโนเวทเสร็จแบบรัวรัวแล้วนะคะ มาติดตามไปด้วยกันค่ะ
เริ่มจากรื้อหน้าต่างไม้เก่าที่เราได้มาฟรี ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้เราประหยัดได้มากและเป็นที่ถูกใจเราสุดสุดเพราะเราชอบงานไม้เก่ามากมาก เราได้หน้าต่างมาทั้งหมด 4 บานใหญ่ แล้วก็บานประตู 2 บาน ครบเท่ากับจำนวนที่เราต้องการพอดี และเป็นไม้แท้ทั้งหมด
เห็นไม้แบบนี้เรารีบขนกลับบ้านมาให้ไวเลยค่ะ พอเค้าบอกว่าให้ แม้ว่าพ่อกับแม่จะบ่นว่าขนของมาทิ้งไว้ให้รกบ้านอีกแล้วก็เหอะ ขนมาทิ้งไว้ได้อยู่ 5-6 ปีค่ะ กว่าจะได้ทำ จนปลวกจะกินอยู่แล้ว 😅
หน้าตาก่อนเอาไปติดตั้งและทาสีค่ะ
เก่าหน่อย เดี๋ยวทาสีก็ใหม่เอง
หน้าต่างบานนี้รักมากเลยค่ะ
หลังจากทาสีแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้
วินเทจสุดสุด
ข้ามจากเรื่องหน้าต่างมาดูใต้ถุนบ้านกันต่อ
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
กระเบื้องที่จะปูเคาน์เตอร์บาร์มาแล้ว
และสีก็มาแล้ว เรื่องสีนี่เราใช้เวลาอยู่กับมันพอสมควร เพราะเราต้องใช้สีทาในหลายส่วนด้วยกันไม่ว่าจะเป็น เพดานใต้ถุนด้านบน หน้าต่าง วงกบ ประตู ผนังด้านในและด้านนอก รอบนี้ก็เหมือนเดิมทากันเองสองคนพ่อลูก งานอาจไม่ได้เนี๊ยบเหมือนจ้างช่าง แต่ได้อยู่แหละ ได้อยู่เท่ากับ 😂
มาดูรูปกันต่อ
หลังจากเริ่มทาสีแล้วก็จะประมาณนี้ ในส่วนของโครงสร้างเราจะไม่ก่อปูนทึบทั้งหมดนะ เรายังอยากได้ความรู้สึกของความเป็นบ้านไม้อยู่ก็เลยใส่ไม้ฝาเฌอร่าด้านหน้าเข้าไปผสม ให้ดูไม่หนักจนเกินไป (คิดเองแหละ 😅)
แล้วก็เหมือนเดิมเราจะไม่ตีไม้ฝาด้านใน หรือตีฝ้าด้านบน หลักหลักเลยคือกลัวพวกเรื่องปลวก และชอบลายของไม้ เลยเลือกเอาสีย้อมไม้มาทาสีแทนการตีฝ้าเพื่อโชว์ลายไม้ค่ะ
และเมื่อทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเราก็เริ่มทำไฟ พวกหลอดไฟโคมไฟเราเลือกเองทั้งหมด วางผังไฟว่าอะไรควรอยู่ตรงไหนตามจินตนาการ
ชอบไปคาเฟ่ค่ะ และอยากได้ความคาเฟ่มาอยู่ในบ้านนิดนิดก็เลยออกมาตามนี้ ความยากอยู่ที่การเลือกโคมไฟ และสีของหลอดเพื่อเอามาตัดกับท่อร้อยสายไฟ ใช้เวลาเลือกอยู่พอสมควรเหมือนกันค่ะ ตาจะปวด
เสร็จจากเรื่องไฟก็เอาเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าที่มีอยู่ในบ้านมาซ่อมแซมและขัดทาสีใหม่ จากนั้นก็เอามาวางให้ถูกที่ถูกทางในแบบของมันเป็นอันเสร็จ
กว่าจะมาถึงวันนี้ก็เดินทางมาหลายเดือนค่ะ เพราะเราไม่ได้อยู่บ้านกลับมาทำได้แค่อาทิตย์ละหน
“ความฝันต้องเกิด หยาดเหงื่อจึงได้มา
ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป ดอกไม้จึงบาน
คำว่าพยายาม ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ”
ฟังเพลงนี้เป็นแรงบันดาลใจค่ะ วันนี้ไม่ได้ วันนี้ไม่มี วันหน้าก็ไม่มีเหมือนกัน หยอกค่ะ พยายามไปเรื่อยๆ เดี๋ยวสักวันต้องเป็นของเรา
การมีบ้านในแบบที่เราชอบก็เช่นเดียวกันค่ะ
สำหรับเราแล้วในงบเท่านี้ กับสิ่งที่ได้เราค่อนข้างพอใจเลยค่ะ เพราะอย่างน้อยก็เป็นในรูปแบบที่เราชอบ
สำหรับวันนี้ก็ขอมารีวิวแต่เพียงเท่านี้ค่ะ เอาไว้คราวหน้ามีทำอะไรเพิ่มเติมตรงไหน จะมารีวิวให้ดูกันอีกทีค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่มีบ้านไม้เก่าๆ แล้วอยากทำให้ดูดีขึ้นมา ไม่มากก็น้อยค่ะ
อีก 3 ปีเจอกันอีกครั้งค่ะ ตอนนี้งบหมดแล้ว
25/6/65
#weegavinheartreview