ในหนังสือหรืออินเตอร์เน็ตมากมายมักจะบอกผู้คนว่า ความรวยและความจนเป็นเรื่องของอุปนิสัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะการที่คนคนหนึ่งจนเป็นเพราะขี้เกียจ ไม่มีความสามารถ หรือมีนิสัยไม่ดี หรือการที่คนคนหนึ่งรวยเป็นเพราะขยัน มีความสามารถมาก หรือมีนิสัยที่ดีเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น คนจนพูดเรื่องผู้คน คนชั้นกลางพูดเรื่องสิ่งของ คนรวยพูดเรื่องแนวคิด และอื่นๆอีกจำนวนมาก
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะคล้อยตามคำพูดเหล่านั้นเพียงเพราะมันมอบหลักประกัน ความหวัง และคำมั่นสัญญากับเราว่า ถ้าเราพยายามมากพอ ถ้าเราสะสมความสามารถมากพอ ถ้าเราเปลี่ยนแปลงนิสัยไปจนดีพอ เราจะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีเข้าสักวัน คำพูดหวานหูเหล่านั้นกล่อมเราให้เชื่อว่า ถ้าพยายามอย่างถูกต้อง ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ ปลอบใจเราว่า คนที่ทำสิ่งที่เหมาะสมย่อมได้รับการตอบแทนที่ดี ในขณะที่คนอื่นที่โชคร้ายนั้นเป็นเพราะพวกเขาทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งถ้าเราระวังเพียงพอ เราจะไม่มีทางกลายเป็นแบบคนเหล่านั้น
แต่เอาจริงๆแล้ว เกือบทั้งหมดนั้นล้วนเป็นคำโกหก จริงอยู่ถ้าเราขยันพอเราจะสามารถพัฒนาตัวเองได้ แต่มนุษย์มีพื้นและกำแพงความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งความเร็วในการพัฒนาก็แตกต่างกัน เราจะเพิ่มความสามารถได้เพียงภายในขอบเขตของสิ่งที่ติดตัวมาโดยที่เราไม่ได้เลือกเท่านั้น สักวันเราจะเจอเพดานที่ทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีก หรือกระทั่งนิสัย ความขยันหรือความพยายามเป็นสิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาด้วยสภาพแวดล้อมในช่วงวัยเด็กที่เราเองก็เลือกไม่ได้ ดังนั้นจะไปโทษคนอื่นในสิ่งที่พวกเขาก็ไม่ได้เลือกมันเป็นความชอบธรรมหรือ
นอกจากพื้นฐานทางธรรมชาติก็ยังมีพื้นฐานทางสังคม เช่นเกิดมาในครอบครัวที่มีเงินมากหรือน้อย ซึ่งสัมพันธ์กับการพัฒนานิสัยและความสามารถในช่วงวัยเด็ก การได้มรดกมากหรือน้อย ซึ่งเป็นทรัพยากรในการต่อยอดเขยิบฐานะทางสังคม มอบอิสระในการทำตามความฝัน และอื่นอีกมากมาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีเงินมากก็ยิ่งมีโอกาสมาก ซึ่งจุดนี้จะไปโทษคนที่เกิดมามีโอกาสน้อยกว่าทั้งๆที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้มันจะเป็นเรื่องถูกต้องได้อย่างไร
โปรดลืมตาตื่นจากความฝันแสนหวานแล้วลืมตาขึ้นมาเผชิญความจริงที่ว่า คนจำนวนมากต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเป็นมหาเศรษฐีได้ คนจนจำนวนมากจนโดยที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แล้วหาทางออกให้กับปัญหาความเหลื่อมล้ำซึ่งขยายตัวอย่างมากในยุคสมัยนี้ คนจำนวนมหาศาลกำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆเพียงเพราะพวกเขาเกิดมาโชคร้ายกว่าคนอื่น แล้วเราจะปล่อยให้พวกเขาทุกข์ยากตามลำพังโดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆกระนั้นหรือ
ด้วยการปรับโครงสร้างพื้นฐานของสังคมในหลายจุดและสร้างสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ในการแข่งขัน เราจำเป็นต้องทำให้ทุกคนในสังคมของเรามีโอกาสที่เท่าเทียมกันและได้เริ่มต้นบนจุดเริ่มต้นเดียวกัน มิฉะนั้นการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบปัจจุบันก็ไม่มีทางเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมได้เลย
ความเหลื่อมล้ำกับการโทษเหยื่อ
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะคล้อยตามคำพูดเหล่านั้นเพียงเพราะมันมอบหลักประกัน ความหวัง และคำมั่นสัญญากับเราว่า ถ้าเราพยายามมากพอ ถ้าเราสะสมความสามารถมากพอ ถ้าเราเปลี่ยนแปลงนิสัยไปจนดีพอ เราจะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีเข้าสักวัน คำพูดหวานหูเหล่านั้นกล่อมเราให้เชื่อว่า ถ้าพยายามอย่างถูกต้อง ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ ปลอบใจเราว่า คนที่ทำสิ่งที่เหมาะสมย่อมได้รับการตอบแทนที่ดี ในขณะที่คนอื่นที่โชคร้ายนั้นเป็นเพราะพวกเขาทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งถ้าเราระวังเพียงพอ เราจะไม่มีทางกลายเป็นแบบคนเหล่านั้น
แต่เอาจริงๆแล้ว เกือบทั้งหมดนั้นล้วนเป็นคำโกหก จริงอยู่ถ้าเราขยันพอเราจะสามารถพัฒนาตัวเองได้ แต่มนุษย์มีพื้นและกำแพงความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งความเร็วในการพัฒนาก็แตกต่างกัน เราจะเพิ่มความสามารถได้เพียงภายในขอบเขตของสิ่งที่ติดตัวมาโดยที่เราไม่ได้เลือกเท่านั้น สักวันเราจะเจอเพดานที่ทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีก หรือกระทั่งนิสัย ความขยันหรือความพยายามเป็นสิ่งที่หล่อหลอมขึ้นมาด้วยสภาพแวดล้อมในช่วงวัยเด็กที่เราเองก็เลือกไม่ได้ ดังนั้นจะไปโทษคนอื่นในสิ่งที่พวกเขาก็ไม่ได้เลือกมันเป็นความชอบธรรมหรือ
นอกจากพื้นฐานทางธรรมชาติก็ยังมีพื้นฐานทางสังคม เช่นเกิดมาในครอบครัวที่มีเงินมากหรือน้อย ซึ่งสัมพันธ์กับการพัฒนานิสัยและความสามารถในช่วงวัยเด็ก การได้มรดกมากหรือน้อย ซึ่งเป็นทรัพยากรในการต่อยอดเขยิบฐานะทางสังคม มอบอิสระในการทำตามความฝัน และอื่นอีกมากมาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีเงินมากก็ยิ่งมีโอกาสมาก ซึ่งจุดนี้จะไปโทษคนที่เกิดมามีโอกาสน้อยกว่าทั้งๆที่คนเราเลือกเกิดไม่ได้มันจะเป็นเรื่องถูกต้องได้อย่างไร
โปรดลืมตาตื่นจากความฝันแสนหวานแล้วลืมตาขึ้นมาเผชิญความจริงที่ว่า คนจำนวนมากต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถเป็นมหาเศรษฐีได้ คนจนจำนวนมากจนโดยที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขา แล้วหาทางออกให้กับปัญหาความเหลื่อมล้ำซึ่งขยายตัวอย่างมากในยุคสมัยนี้ คนจำนวนมหาศาลกำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆเพียงเพราะพวกเขาเกิดมาโชคร้ายกว่าคนอื่น แล้วเราจะปล่อยให้พวกเขาทุกข์ยากตามลำพังโดยไม่มีมาตรการช่วยเหลือใดๆกระนั้นหรือ
ด้วยการปรับโครงสร้างพื้นฐานของสังคมในหลายจุดและสร้างสวัสดิการรองรับคนที่พ่ายแพ้ในการแข่งขัน เราจำเป็นต้องทำให้ทุกคนในสังคมของเรามีโอกาสที่เท่าเทียมกันและได้เริ่มต้นบนจุดเริ่มต้นเดียวกัน มิฉะนั้นการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบปัจจุบันก็ไม่มีทางเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมได้เลย