สวัสดีค่าาา เรามีเรื่องอยากมาเเชร์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของคนที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพหรืออยู่หอพัก(เเบบหารกับคนอื่น)กับคนที่ไม่มีบ้านในกรุงเทพหรืออยู่หอพัก(เเบบจ่ายคนเดียวทั้งหมด) ให้เพื่อนๆได้ฟังกันค่ะ หรือถ้าใครมีไอเดียอะไรเสนอกันมาได้เลยนะคะ
ว่ากันด้วย เรื่องของการใช้เงินในชีวิตปัจจุบันนี้ จะสังเกตได้ว่า เเทบจะทุกคนเเละเกือบทุกช่วงอายุของคนไทยส่วนใหญ่ ที่เรามักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน
บางคนมีหนี้ บางคนก็ต้องใช้เงินเยอะมากในการหาเลี้ยงครอบครัวของตัวเอง หรือบางคนอยู่คนเดียวเเต่เงินไม่พอใช้(ซึ่งข้อนี้น่าคิดมากๆเลยนะ ถ้าใช้เงินอยู่คนเดียว เเล้วเงินหายไปไหนหมด จริงไหม?) เป็นต้น
เเต่ในเรื่องนี้เราจะมาพูดเจาะจง เกี่ยวกับการใช้เงินยังไงให้พอ ในจังหวัดกรุงเทพ เมืองหลวงอันเเสนวุ่นวายของพวกเรานี่เอง
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่า วิถีชีวิตของคนในกรุงเทพกับคนต่างจังหวัดนั้น ค่อนข้างเเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เเทบจะคนละขั้วเลยก็ว่าได้
ซึ่งชีวิตคนที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น เเทบจะไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ หรือเเม้เเต่การต่อคิวเข้าเเถวซื้ออาหารที่ยาวเหยียด เรียกได้ว่า ใช้ชีวิตเเบบชิวๆเลย เเถมอากาศก็ดีกว่าในกรุงเทพด้วย(ในบางจังหวัดนะคะ)
ภาพตัดมาคือ คนที่อยู่ในกรุงเทพนั้น เจอเเต่ชีวิตที่เร่งรีบเเทบตลอดเวลา ขนาดเเค่เดินไปซื้อของยังต้องรีบเดินเลยอ่ะ คิดดู(เสียงสูง) ไหนจะรถติดอีก ไหนจะค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง การเเข่งขันก็สูง เเต่ว่าถ้าไม่ลืมกันนะว่า โอกาสก็สูงด้วยเช่นกัน
นี่ยังไม่ได้พูดถึงในเรื่องของอากาศในเมืองนะ อากาศที่เราใช้หายใจกันอยู่ทุกวันนี้นะ โอ้ววโหววววว 😵 ฝุ่นเยอะมากๆค่ะ(เเอบบ่น 😝)
พูดถึงเรื่องของ “โอกาส” สำหรับตัวเรา เราคิดว่าโอกาสเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการที่เราจะพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
คิดง่ายๆว่า ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสในการได้สัมภาษณ์งานเเล้ว เเต่วันนั้น จู่ๆเพื่อนๆเกิดไม่สบายขึ้นมา จนไม่สามารถไปสัมภาษณ์งานได้
พอมันเป็นเเบบนี้เเล้ว เพื่อนๆก็เสียโอกาสไปเเล้ว ที่จะได้ผ่านการสัมภาษณ์งาน ถึงเเม้ว่าจะยังไม่รู้ผลในการสัมภาษณ์งานว่าจะผ่านหรือเปล่าก็ตาม เพราะมันเสียโอกาสไปเเบบที่เรายังไม่ทันได้ลองเลยด้วยซ้ำ
ทำไมเราถึงต้องพูดเรื่องนี้ เพราะว่ามันเกี่ยวกับการหาเงินในกรุงเทพด้วยเช่นกัน กล่าวคือ คนที่อยู่ในตัวเมืองนั้น โอกาสต่างๆมันจะมีมากกว่าคนที่อยู่รอบนอกของเมือง หรือต่างจังหวัดอยู่เเล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต การใช้สิทธิต่างๆ ซึ่งในเมืองจะเข้าถึงได้เร็วกว่า เเล้วไหนจะเรื่องของโอกาสทางการศึกษาก็สูงกว่าด้วย(เราไม่ได้จะอคติคนต่างจังหวัดนะคะ เพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาในกรุงเทพเหมือนกันค่ะ)
เมื่อมีโอกาสในการศึกษาสูงขึ้น เราจะได้เปิดประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย เพราะเรารู้เเล้วไงว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ หรือลู่เเนวทางไหนที่เราควรไป เพื่อที่ชีวิตเราจะได้ดีขึ้น
เเละเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ โอกาสในการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งเเน่นอนว่าในเมืองย่อมต้องการคนทำงานมากกว่านอกเมืองอยู่เเล้ว ทั้งบริษัท ทั้งโรงงานก็อยู่ในเมืองทั้งหมด
เพราะฉะนั้นผู้คนจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ? ซึ่งคำตอบมันเเน่นอนอยู่เเล้ว คนก็ต้องไปอยู่ในที่ที่เค้าจะสามารถหาเงินได้มากพอ ให้พอต่อการดำรงชีวิตของเค้าได้
ซึ่งเเตกต่างกับต่างจังหวัดเลยนะ ในต่างจังหวัดนั้น นอกจากจะมีการดำเนินการที่ค่อนข้างล่าช้าเเล้ว โอกาสทางการศึกษาก็ไม่ค่อยมีมากด้วยเช่นกัน เเล้วไหนจะเรื่องของการใช้สิทธิในการรักษา หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ไม่ค่อยเข้าถึงในพื้นที่ต่างๆ
หรือเเม้เเต่เรื่องของการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา ซึ่งในหลายๆจังหวัดบางพื้นที่ ก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน
หลายๆคนคงพอนึกภาพออกเเล้วใช่ไหมคะ ว่าชีวิตในเมืองกรุงที่เเสนวุ่นวายเป็นยังไง เเละในต่างจังหวัดเป็นยังไง ทั้งหมดที่เราพูดมานั้น เราเเค่จะบอกเกี่ยวกับพื้นหลังของชีวิตคนในเมืองกับคนต่างจังหวัดว่าเเตกต่างกันขนาดไหน
เพื่อที่ใครหลายๆคน อยากจะลองมาหางานทำในกรุงเทพ หรือตามในเมืองที่มีอุตสาหกรรมขึ้นเยอะๆ เผื่อว่าพวกเราจะได้เตรียมตัวทัน ในส่วนของเรื่องค่าครองชีพ ในเเต่ละเดือนของเราเองค่ะ
เเละถ้าเพื่อนๆตัดสินใจเเล้วว่าอยากมาทำงานในกรุงเทพ สิ่งเเรกเลยที่เพื่อนๆควรนึกถึง คือ การจ่ายค่าหอพัก การจ่ายค่าเช่าอพาร์ทเมนต์ หรือคอนโด เป็นต้น
เพราะอย่าลืมว่าบางคนก็ไม่ได้มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ ไม่มีญาติอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งการใช้จ่ายเงินจะคนละเรื่องเลยกับคนที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพอยู่เเล้ว
มาถึงย่อหน้านี้ เราจะชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่เเตกต่างกันของคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพ ระหว่างคนที่มีบ้าน/เช่าหอพักอยู่ร่วมกับคนอื่น กับคนที่ไม่มีบ้านเเล้วเช่าหอพักอยู่คนเดียวในกรุงเทพ จะมีค่าใช้จ่ายในชีวิตที่ต้องจ่ายต่อเดือน ตกเดือนละประมาณเท่าไหร่
เเล้วเพื่อนๆลองเอาไปเปรียบเทียบกันดูนะคะ ว่าควรจะนำไปปรับใช้ตรงไหน เพื่อให้เรามีเงินใช้ชีวิตในกรุงเทพได้โดยไม่ลำบาก เเต่ไม่ต้องถึงกับลงทุนซื้อบ้านนะคะ อันนั้นมันน่าจะหนักกว่านะ 5555+ งั้นเราลองไปดูกันเลยนะคะ
ใช้เงินยังไงดี? ให้อยู่รอดใน “กรุงเทพ”
ว่ากันด้วย เรื่องของการใช้เงินในชีวิตปัจจุบันนี้ จะสังเกตได้ว่า เเทบจะทุกคนเเละเกือบทุกช่วงอายุของคนไทยส่วนใหญ่ ที่เรามักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินในชีวิตประจำวัน
บางคนมีหนี้ บางคนก็ต้องใช้เงินเยอะมากในการหาเลี้ยงครอบครัวของตัวเอง หรือบางคนอยู่คนเดียวเเต่เงินไม่พอใช้(ซึ่งข้อนี้น่าคิดมากๆเลยนะ ถ้าใช้เงินอยู่คนเดียว เเล้วเงินหายไปไหนหมด จริงไหม?) เป็นต้น
เเต่ในเรื่องนี้เราจะมาพูดเจาะจง เกี่ยวกับการใช้เงินยังไงให้พอ ในจังหวัดกรุงเทพ เมืองหลวงอันเเสนวุ่นวายของพวกเรานี่เอง
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่า วิถีชีวิตของคนในกรุงเทพกับคนต่างจังหวัดนั้น ค่อนข้างเเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เเทบจะคนละขั้วเลยก็ว่าได้
ซึ่งชีวิตคนที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น เเทบจะไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติด การใช้ชีวิตที่เร่งรีบ หรือเเม้เเต่การต่อคิวเข้าเเถวซื้ออาหารที่ยาวเหยียด เรียกได้ว่า ใช้ชีวิตเเบบชิวๆเลย เเถมอากาศก็ดีกว่าในกรุงเทพด้วย(ในบางจังหวัดนะคะ)
ภาพตัดมาคือ คนที่อยู่ในกรุงเทพนั้น เจอเเต่ชีวิตที่เร่งรีบเเทบตลอดเวลา ขนาดเเค่เดินไปซื้อของยังต้องรีบเดินเลยอ่ะ คิดดู(เสียงสูง) ไหนจะรถติดอีก ไหนจะค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง การเเข่งขันก็สูง เเต่ว่าถ้าไม่ลืมกันนะว่า โอกาสก็สูงด้วยเช่นกัน
นี่ยังไม่ได้พูดถึงในเรื่องของอากาศในเมืองนะ อากาศที่เราใช้หายใจกันอยู่ทุกวันนี้นะ โอ้ววโหววววว 😵 ฝุ่นเยอะมากๆค่ะ(เเอบบ่น 😝)
พูดถึงเรื่องของ “โอกาส” สำหรับตัวเรา เราคิดว่าโอกาสเป็นเรื่องสำคัญมาก ในการที่เราจะพัฒนาชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
คิดง่ายๆว่า ถ้าเพื่อนๆมีโอกาสในการได้สัมภาษณ์งานเเล้ว เเต่วันนั้น จู่ๆเพื่อนๆเกิดไม่สบายขึ้นมา จนไม่สามารถไปสัมภาษณ์งานได้
พอมันเป็นเเบบนี้เเล้ว เพื่อนๆก็เสียโอกาสไปเเล้ว ที่จะได้ผ่านการสัมภาษณ์งาน ถึงเเม้ว่าจะยังไม่รู้ผลในการสัมภาษณ์งานว่าจะผ่านหรือเปล่าก็ตาม เพราะมันเสียโอกาสไปเเบบที่เรายังไม่ทันได้ลองเลยด้วยซ้ำ
ทำไมเราถึงต้องพูดเรื่องนี้ เพราะว่ามันเกี่ยวกับการหาเงินในกรุงเทพด้วยเช่นกัน กล่าวคือ คนที่อยู่ในตัวเมืองนั้น โอกาสต่างๆมันจะมีมากกว่าคนที่อยู่รอบนอกของเมือง หรือต่างจังหวัดอยู่เเล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต การใช้สิทธิต่างๆ ซึ่งในเมืองจะเข้าถึงได้เร็วกว่า เเล้วไหนจะเรื่องของโอกาสทางการศึกษาก็สูงกว่าด้วย(เราไม่ได้จะอคติคนต่างจังหวัดนะคะ เพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาในกรุงเทพเหมือนกันค่ะ)
เมื่อมีโอกาสในการศึกษาสูงขึ้น เราจะได้เปิดประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากขึ้นด้วย เพราะเรารู้เเล้วไงว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ หรือลู่เเนวทางไหนที่เราควรไป เพื่อที่ชีวิตเราจะได้ดีขึ้น
เเละเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ โอกาสในการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งเเน่นอนว่าในเมืองย่อมต้องการคนทำงานมากกว่านอกเมืองอยู่เเล้ว ทั้งบริษัท ทั้งโรงงานก็อยู่ในเมืองทั้งหมด
เพราะฉะนั้นผู้คนจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ? ซึ่งคำตอบมันเเน่นอนอยู่เเล้ว คนก็ต้องไปอยู่ในที่ที่เค้าจะสามารถหาเงินได้มากพอ ให้พอต่อการดำรงชีวิตของเค้าได้
ซึ่งเเตกต่างกับต่างจังหวัดเลยนะ ในต่างจังหวัดนั้น นอกจากจะมีการดำเนินการที่ค่อนข้างล่าช้าเเล้ว โอกาสทางการศึกษาก็ไม่ค่อยมีมากด้วยเช่นกัน เเล้วไหนจะเรื่องของการใช้สิทธิในการรักษา หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ไม่ค่อยเข้าถึงในพื้นที่ต่างๆ
หรือเเม้เเต่เรื่องของการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา ซึ่งในหลายๆจังหวัดบางพื้นที่ ก็ยังคงมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน
หลายๆคนคงพอนึกภาพออกเเล้วใช่ไหมคะ ว่าชีวิตในเมืองกรุงที่เเสนวุ่นวายเป็นยังไง เเละในต่างจังหวัดเป็นยังไง ทั้งหมดที่เราพูดมานั้น เราเเค่จะบอกเกี่ยวกับพื้นหลังของชีวิตคนในเมืองกับคนต่างจังหวัดว่าเเตกต่างกันขนาดไหน
เพื่อที่ใครหลายๆคน อยากจะลองมาหางานทำในกรุงเทพ หรือตามในเมืองที่มีอุตสาหกรรมขึ้นเยอะๆ เผื่อว่าพวกเราจะได้เตรียมตัวทัน ในส่วนของเรื่องค่าครองชีพ ในเเต่ละเดือนของเราเองค่ะ
เเละถ้าเพื่อนๆตัดสินใจเเล้วว่าอยากมาทำงานในกรุงเทพ สิ่งเเรกเลยที่เพื่อนๆควรนึกถึง คือ การจ่ายค่าหอพัก การจ่ายค่าเช่าอพาร์ทเมนต์ หรือคอนโด เป็นต้น
เพราะอย่าลืมว่าบางคนก็ไม่ได้มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ ไม่มีญาติอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งการใช้จ่ายเงินจะคนละเรื่องเลยกับคนที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพอยู่เเล้ว
มาถึงย่อหน้านี้ เราจะชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่เเตกต่างกันของคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพ ระหว่างคนที่มีบ้าน/เช่าหอพักอยู่ร่วมกับคนอื่น กับคนที่ไม่มีบ้านเเล้วเช่าหอพักอยู่คนเดียวในกรุงเทพ จะมีค่าใช้จ่ายในชีวิตที่ต้องจ่ายต่อเดือน ตกเดือนละประมาณเท่าไหร่
เเล้วเพื่อนๆลองเอาไปเปรียบเทียบกันดูนะคะ ว่าควรจะนำไปปรับใช้ตรงไหน เพื่อให้เรามีเงินใช้ชีวิตในกรุงเทพได้โดยไม่ลำบาก เเต่ไม่ต้องถึงกับลงทุนซื้อบ้านนะคะ อันนั้นมันน่าจะหนักกว่านะ 5555+ งั้นเราลองไปดูกันเลยนะคะ