รบกวนอ่านและแนะนำด้วยครับ - อาม้า

กระทู้สนทนา
อาม้า
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นเป็นทำนองเพลงคุ้นเคย ผมพลิกตัว เอื้อมมือควานหาปุ่มกดปิดเสียง ความมืดนอกหน้าต่างเชื้อเชิญให้ผมหลับตาลงอีกครั้ง ผมพลิกตัวกลับเพื่อดื่มด่ำสุนทรียรสของการนิทรา
“เป็นลูกชายประสาอะไร ไม่เคยกราบเท้าแม่ตัวเอง” 
ถ้าตัดอคติและมองให้ลึก ประโยคข้างต้นสะท้อนจิตใจอ่อนโยน การเทอดทูนบุพการีและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น แต่คนที่โดนประโยคนี้พูดใส่หน้าอย่างผม รับรู้ได้ถึงทัศนคติการมองโลกจากกรอบแคบ เหมือนหรี่ตามองจากรูรั่วของเพดาน ไม่ใช่ประโยคคำถามเพื่อหาคำตอบ แต่เป็นประโยคบอกเล่าเพื่อตัดสินคนอื่นด้วยความคึกคะนองปาก 
ผมไม่เคยกราบเท้าแม่ของผม ธรรมเนียมปฏิบัติที่บ้านไม่เคยหล่อหลอมให้คนในครอบครัวเห็นคุณค่าของสิ่งนี้ ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยเห็นพ่อกับแม่กราบเท้าปู่ย่าตายาย ผมไม่เคยเห็นหยาดน้ำตาปลื้มปีติจากการจรดมือบนหน้าตัก หรือแทบเท้าจากคนในครอบครัวของผมเลย ผมรู้ว่าผู้คนในโลกตัดสินกันเป็นกิจวัตร ตัดสินเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ตีตราผู้อื่นเพื่อให้รู้สึกเหนือกว่า สำรอกความเห็นเพื่อสร้างความมั่นใจจอมปลอมให้ตัวเอง ว่าสิ่งที่ฉันคิด คือสิ่งที่ควร เป็นสรณะ คุณตัดสินผม ผมเองก็กำลังตัดสินคุณ ผมรับรู้ได้ถึงความหวังดีที่แฝงไว้ แต่ความหดหู่ มืดหม่นที่ก่อตัวขึ้นเมื่อต้องฟังคำพิพากษาตัดสินเหล่านั้น ผมก็รู้สึกได้ไม่ต่างกัน
เสียงโทรศัพท์ปลุกผมเป็นครั้งที่สอง 
“เย็นนี้กลับมากินข้าวนะ มีน้ำแกงรากบัว กับปลานึ่ง” 
ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแม่ หรือ “อาม้า” ผมรู้ว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้กลับบ้าน นานเกินไปเสียแล้ว 
“เดี๋ยวดูก่อนนะม้า ไม่รู้งานเสร็จรึเปล่า” 
ผมงัวเงีย ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ผมไม่รู้ว่า “งาน” ของผมคืออะไรกันแน่ แต่ผมรู้ว่าที่ตอบแบบนั้น เพราะไม่อยากให้ความหวังอาม้าของผม ความหวังเหมือนแก้วที่ก่อร่างขึ้นจากสารประกอบในเม็ดทราย ความหวัง บริสุทธิ์ บางใส หลอมขึ้นจากความเชื่อมั่น ความไว้ใจ และการมองโลกโลกในแง่ดี ผมเกรงที่จะทำลายความหวังของอาม้าจนแตกละเอียด ช่วงวันหยุดยาวก่อนปีใหม่แบบนี้ อิสระและช่วงเวลาแห่งความสงบ วิเวก คือของขวัญที่ผมเฝ้ารอมาทั้งปี
ผมลุกจากเตียง กดปุ่มเลือกเพลงคลาสสิก แสงแรกยามเช้าและอากาศชื้นเย็น เข้ากันได้ดีกับเพลงที่มีเสียงเครื่องสายพริ้วไหวอย่าง เดอะโฟ ซีซันส์ ของอัลโตนีโอ วิวัลดี เข้ากันได้ดีเหมือนขนมปังโฮลวีตทาเนยถั่วบางๆ แกล้มกล้วยหอมหั่นแว่น กับกาแฟดำหอมเข้มที่อยู่ตรงหน้า ผมพิถีพิถันกับทุกตัวเลือกในการใช้ชีวิตโดยเฉพาะเรื่องอาหาร เมื่อผมยังเด็ก อาม้ามักเจ้ากี้เจ้าการให้ผมฝืนกินผักให้หมด ดื่มน้ำเปล่าแก้วโตทุกครั้งหลังกลับจากโรงเรียน ผมจำได้ว่าอาม้ามักจะทำอาหารประเภทปลาให้ผมกินเสมอ อาม้ามักจะเลือกปลาที่มีก้างน้อย เช่นปลาเก๋า หรือปลาจาระเม็ด ภาพอาม้าที่ค่อยๆบรรจงคีบเนื้อปลาป้อนผมหลายสิบปีก่อน กระจ่างแจ่มชัดในความทรงจำ
“กินปลาเยอะๆ ดีนะ ตอนอาม้าเป็นเด็กกินแต่หัวปลาเพราะปลาเป็นตัวๆมันแพง ต้องรอวันเกิดอากง หรือวันตรุษจีน”
อาม้ายังจำได้ว่าผมชอบกินน้ำแกงรากบัวใส่กระดูกหมู กับปลานึ่งซีอิ๊ว
ประตูบ้านอาม้าเป็นประตูเหล็กที่ต้องดึงม้วนขึ้นด้านบน ประตูลักษณะนี้มักมีสองชั้น ประตูเหล็กชั้นนอกมีช่องตามแนวยาวของประตู เพื่อช่วยเรื่องการระบายอากาศ ประตูชั้นในเป็นเหล็กทั้งแผ่นเพื่อกันฝุ่นละอองจากภายนอก และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ตอนผมเป็นเด็ก อาม้ามักดึงประตูขึ้นจนสุดทั้งสองชั้น 
“เปิดไปเลย โล่งดี ใครเดินผ่านไปผ่านมา ก็เห็นชัด”
บ่อยครั้งเราเลี่ยง ไม่ยอมเปิดประตูแสดงความรู้สึกในหัวใจให้คนอื่นได้รับรู้ เรามักเผยให้คนอื่นรับรู้แค่ประตูชั้นนอก และเลือกที่จะปิดล็อกประตูชั้นใน บางคนปิดประตูและล็อกกุญแจอย่างแน่นหนาทั้งสองบาน 
วันนี้อาม้าดึงประตูด้านในขึ้นเพียงด้านเดียว ผมมองลอดช่องประตูเข้าไป เห็นอาม้าอยู่ในครัวหลังบ้าน ผมดึงประตูขึ้น ส่งเสียงเป็นสัญญาณว่ามาถึงบ้านแล้ว
“งานเสร็จแล้วเหรอ ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย ทำไมเร็วจัง” อาม้าถามโดยไม่ละสายตาจากรากบัวที่ปอกค้างอยู่ในมือ
“อืม เอ่อ หมาตัวที่หูตกๆหายไปไหน เห็นแต่ตัวอื่น” ผมถาม พร้อมกับวางถุงองุ่น ลูกพลับ และเป็ดย่างลงบนโต๊ะในครัว” 
“ไม่เห็นมาสองสามวันแล้ว ตอนเอาข้าวไปให้ ก็ไม่เห็น ถามคนแถวนี้ก็ไม่มีใครรู้ แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ” แม่เอากระดูกหมูออกมาล้าง
ผมเขย่าขวดวิตามินบนโต๊ะ “วิตามินกินแล้วดีไหม ไม่ชอบเหรอ ทำไมเหลือตั้งเยอะซื้อมาแพงนะ ฝากเพื่อนซื้อมาจากอเมริกา” 
“ไม่ต้องซื้อของมาหรอก เปลืองเงิน เก็บเงินไว้” อาม้าเอาหม้อใส่น้ำตั้งไฟ 
“เดี๋ยวนี้ไปทำงานที่ไหน งานยุ่งเหรอ เขามีที่พักรึเปล่า ไม่เห็นเอาผ้ากลับมาให้อาม้าซักที่บ้านเลย คนอื่นซักมันจะไปสะอาดยังไง” 
“ก็ทำที่เดิมแหละ ทำไมหมามารอหน้าบ้านเต็มเลย เมื่อก่อนมีแค่ไม่กี่ตัว ทำอาหารเลี้ยงมันเยอะๆทุกวัน เดี๋ยวคนแถวนี้เขามาว่าเอารึเปล่า หมาที่ไหนก็ไม่รู้เต็มไปหมด เดี๋ยวถูกกัด ซวยอีก เสียดายเงินด้วย” ผมหยิบเงินใส่ซองเพิ่มให้อาม้าจากที่เคยให้ปกติทุกเดือน ก่อนเดินขึ้นชั้นบนเพื่ออาบน้ำ “ผลไม้กับเป็ดอย่าลืมกิน เงินอยู่บนโต๊ะนะ”
เสียงหมาเห่าปลุกผมจากภวังค์ นาฬิกาบอกเวลาสามชั่วโมงกว่าหลังปีใหม่ ผมเดินลงชั้นล่าง เปิดเตา ตั้งหม้อน้ำแกงที่เหลือ เปิดตู้เย็นหยิบจานปลานึ่งที่ห่อด้วยพลาสติกคลุมอาหารออกมาอุ่น หัวปลาจาระเม็ดไม่ได้อยู่ในจาน อาม้าคงกินไปแล้ว ผมจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ผมเหลือปลาไว้ให้อาม้าครึ่งตัว
ผมเดินกลับขึ้นด้านบนเพื่อเตรียมตัวขับรถกลับต่างจังหวัด ห้องอาม้ายังคงปิดไฟมืด ประตูห้องนอนของอาม้าแง้มอยู่เล็กน้อย อาม้าคงลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนที่ผมลงไปกินข้าวข้างล่าง ผมพยายามเดินไม่ให้เกิดเสียง “จะไปแล้วเหรอ ปีใหม่ทำไมไม่หยุด” 
“อืม ไปละ” ผมตอบอาม้าสั้นๆ ก่อนแบกกระเป๋าเดินลงชั้นล่าง ผมเอาสัมภาระทั้งหมดใส่รถ เดินกลับมาในบ้านอีกครั้งเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ลืมอะไร 
ผมก้มลงถอดรองเท้า พับแขนเสื้อขึ้น ล้างมือ 
เปิดน้ำใส่กะละมัง หยิบลูกพลับในถุงออกมาล้าง 
อาม้าชอบกินลูกพลับเย็นๆ ที่สุด อาม้าชอบลูกพลับที่ยังกรอบอยู่ ถ้าสุกจนเละอาม้าจะไม่กินเลย ผมหยิบมีดค่อยๆปอกลูกพลับทีละลูก หั่นเป็นชิ้น ใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็น ตอนอาม้าตื่น ลูกพลับน่าจะเย็นพอดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่