สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้มาเล่าประสบการณ์ (กึ่งๆ บ่น) เกี่ยวกับการไปขอใบรับรองความโสดและรับรองตราประทับด้วยตัวเอง เนื่องจากวางแผนจะจดทะเบียนสมรสกับแฟนในช่วงปีใหม่จีนที่จะมาถึงในช่วงเดือนมกราปีหน้า ซึ่งเท่าที่ทราบมาจากจีน [ใช่ค่ะ จากทางจีน เพราะหลังจากที่พยายามติดต่อหน่วยงานต่างๆ อย่าง สถานเอกทูตสาธจีนประจำประเทศไทยที่ กทม (ซึ่งโทรเบอร์ที่โชร์ในหน้าเว็บทุกเบอร์ โทรกี่รอบก็ไม่มีคนรับ) ศูนย์รับทำวีซ่าจีนที่ กทม (โทรยังไงก็ไม่มีคนรับเช่นกัน) สุดท้ายโทรไปที่เชียงใหม่ ถึงจะมีเจ้าหน้าที่รับสายจึงทราบว่า ต้องเตรียมเอกสารตามที่สถานราชการในเมืองนั้นๆ กำหนด ซึ่งแต่ละเมืองไม่เหมือนกัน จึงต้องถามทางจีน เดชะบุญที่ศูนย์ที่จีนโทรไปแล้วมีเจ้าหน้าที่รับและตอบข้อสงสัยให้ได้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ประจำเชียงใหม่และจีนค่ะ]
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อไปจดทะเบียนคือ
1) เอกสารรับรองความโสด พร้อมรับรองตราประทับจากกระทรวงการต่างประเทศ
2) พาสปอร์ต
จบ เหมือนไม่มีอะไรมากค่ะ แต่ว่านั่นแหละ
จะมีสามีสักคนมันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนแค่อ่าปากพูดค่ะ 555+
สำหรับเราซึ่งมีพาสปอร์ตอยู่แล้ว จึงตัดเรื่องการทำพาสปอร์ตไป ขอข้ามไปที่การขอใบรับรองความโสดเลยนะคะ
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อไปขอใบรับรองความโสดคือ
1) ทะเบียนบ้านของเราตัวจริง
2) พยาน 2 คน ส่วนตัวพาแม่กับน้องสาวไปค่ะ
3) บัตรประชาชนตัวจริงของตัวเอง และพยาน พร้อมสำเนา
แนะนำนิดนึงค่ะหากใครเคยเปลี่ยนชื่อ หรือพยานที่พาไปเคยเปลี่ยนชื่อให้เตรียมเอกสารสำเนาการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลได้วยค่ะ
ถ้าเอกสารพร้อมทุกอย่างแล้วก็ไปที่อำเภอที่เรามีชื่อในทะเบียนบ้านได้เลย เวลาไปก็เตรียมหนังสือหรือที่ชาตแบตไปด้วยค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างจะช้า หรืออาจจะเป็นเฉพาะที่ว่าการอำเภอที่เราไปก็ได้ คือจริงๆ ไม่ได้รอคิวช้าหรืออะไร แต่ต้องยื่นเอกสารหลายขั้นตอนสักนิด แต่ก็ไม่ถือว่ายุ่งยากจนไม่สามารถทำเองได้ แต่ที่ช้าที่สุดคือเจ้าหน้าที่พิมพ์เอกสารช้านี่แหละค่ะ จิ้มทีละตัววนไป
ตอนไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ค่ะว่า ขอใบรับรองสถานภาพโสด เพื่อแต่งงาน โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่า ให้เราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ที่โต๊ะไหน ชั้นไหน ซึ่งหลังจากนั้น เขาจะให้ฟอร์มมากรอก พร้อมมีแพทเทินตัวอย่างให้เรียบร้อย เมื่อเรากรอกเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ยื่นเอกสารวนไป อธิบายให้เห็นภาพคือ เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ เราจะต้องไปรับตราตรงโต๊ะนั้นที่ชั้นนี้ แล้วเอาใบกลับมายื่นที่โต๊ะที่ติดต่อตอนแรก เป็นต้น
ข้อแนะนำ: เวลาเจ้าหน้าที่ถามถึงเอกสารที่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ต้องตกใจหรือสติแตกนะคะว่ามาเสียเที่ยว เพราะบางทีเขาถามไปงั้นเอง เพราะนี่ก็โดนเขาถาม แต่คืออ่านมาแล้วไงว่ามันต้องเตรียมอะไรบ้าง ประกอบกับตอนรอเจ้าหน้าที่ก็ไปยืนอ่านป้ายที่ติดไว้ข้างฝาที่ระบุเอกสารที่ใช้ประกอบคำขอในการขอใบรองความโสดมีอะไรบ้าง เลยถามเจ้าหน้าที่ว่า ต้องใช้ด้วยเหรอ พอดีที่เช็คมามันไม่ได้ระบุว่าต้องใช้นะคะ
สรุปคือเขาไม่ต้องใช้นร้าจร้า
ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องมีคำว่า ไม่ได้แต่งงาน หรือ ไม่ได้สมรส ให้ชัดเจน เพราะเท่าที่แฟนไปคุยกับคนอื่นมา แฟนบอกว่า มีคนที่ไปถึงแล้วไม่ได้จด เพราะใบสถานะโสดไม่ชัดเจน เขาเลยย้ำมาว่า ให้เช็คให้ดีค่ะ
อ้อ อีกข้อนึง การขอใบรับรองความโสด ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ค่ะ
หลังจากนี้ยังไม่จบค่ะ เราต้องนำใบรับรองความโสดไปยื่นรับรองตราประทับจากกระทรวงการต่างประเทศ
สิ่งที่ต้องเตรียมคือ
1) ใบรับรองความโสดตัวจริง
2) ใบรับรองความโสดฉบับแปล ซึ่งเราสามารถแปลเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องจ้าง โดยกำกับว่า เราเป็นผู้แปล พร้อมเซ็นชื่อให้เรียบร้อย
3) สำเนาบัตรประชาชน
4) ค่าใช้จ่ายในการขอตราประทับ 400 บาท
ณ จุดนี้คืออยากบอกว่า ตัวเองโง่มาก แล้วอิแฟนตัวป่วนทำงงมาก บอกให้ไปที่สถานทูต ซึ่งมันไม่ใช่นะจ๊ะ เขาไม่เคยทำ ไม่เคยมีรับแปล ออไม่พอไม่รู้นางไปอ่านมาจากไหน มาบอกเราว่า ต้องไปแปลที่กระทรวงต่างประเทศเท่านั้น เลยไม่ได้แปลไปเอง
พอเข้าไปถึง ถามเจ้าหน้าที่ที่ประตูว่า จะทำอันนั้นอันนี้ต้องไปทำตรงไหน เขาก็บอกว่า “ชั้น 3 ต้องแปลเอกสารมาให้เรียบร้อย แปลได้กับพี่ผู้ชายคนนี้เลย แล้วให้พี่เขาจัดการให้เลยก็ได้ ทำเองมันยุ่งยากมาก ทำกับพี่เขาสะดวกดี” พร้อมชี้นิ้วไปที่ผู้ชายคนนึงที่ยืนอยู่ข้างๆ ประตู ซึ่งเราเข้าใจไปเองว่า เป็น จนท ของศูนย์แปลที่นี่ เพราะ จนท ของที่นี่เขาแนะนำ ซึ่งเขาบอกกับเราว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ แปลเอกสาร 300 บาท ค่าตรา 400 และค่าเจ้าหน้าที่ 300 (ค่าเจ้าหน้าที่ คือคำที่เขาใช้ค่ะ จริงๆ คือค่าเขาไปยื่นนั่นแหละ 300) ซึ่งอาจจะมีการโน้มน้าวเล็กน้อยว่า มันมีความยุ่งยากมาก รอหลายรอบ แต่สรุปคือ เราก็แค่แปลกับเขาเฉยๆ แล้วยื่นเอกสารเองค่ะ
จุดนี้อยากตำหนิเจ้าหน้าที่นิดนึงค่ะว่า ไม่ควรแนะนำใครก็ไม่รู้แบบนั้นให้เราแปลเอกสารสำคัญด้วย เรสเข้าใจพี่คนนั้นว่า เขาเป็นเอเจน แต่ถ้าเรามาเองถึงที่กระทรวงแล้วก็ไม่ควรพูดว่า ให้พี่เขาช่วยจัดการสิ จะได้ไม่ต้องลำบากทำเอง หรือพูดให้เรารู้สึกว่า การยื่นเอกสารราชการด้วยตนเองมันยุ่งยากจนไม่น่ายื่นเอง/ ยุ่งยากเกินกว่าจะยื่นเอง แล้วคือถ้าเอเจนดีมีความมืออาชีพจะไม่ยกขึ้นมาตำหนิเลย แต่ก็คือไม่ไง รู้สึกแย่มากๆ กับเจ้าหน้าที่ (ซึ่งเราคาดเอาเองว่า ที่แนะนำแบบนั้น อาจจะเพราะได้ค่านายหน้า)
พอเดินมาชั้นสองปรากฏว่า ศูนย์แปลแบบมืออาชีพอยู่นี่จ้า ใครที่ไม่แปลเองแนะนำแปลตรงนี้ เพราะถ้ามันผิดพลาดยังไง เขาก็มารับไปแก้แล้วส่งต่อได้เลย
หลังจากได้เอกสารที่แปลเรียบร้อยแล้ว ถึงจะไปขอบัตรคิวที่ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งเขาจะมีฟอร์มให้เรามากรอก
เดี๋ยวนี้ การรับรองเอกสารรับรองความโสด
ไม่สามารถทำแบบเร่งด่วนได้ภายในวันเดียวนะคะ ต้องใช้เวลา 2 วัน แล้วเรามารับในวันที่ 3 เช่น ไปยื่นวันที่ 11 แล้วมารับวันที่ 13
ย้ำนิดนึงนะคะว่า ไม่ควรแปลกับเอเจนที่ไม่น่าไว้วางใจ
อย่างของเรา แปลมาเรามองผ่านก็รู้สึกว่ามันมีจุดที่ไม่โอเค แล้วนามสกุลน้องเราก็ผิด แต่ด้วยว่า มันถึงเวลายื่นพอดี เราก็เอาวะ มันแปลเป็นอาชีพ หากินอยู่ตรงนี้ มันจะทำผิดจนยื่นไม่ได้เลยเหรอวะ อีกใจนึงก็คิดไปว่า สงสัยต้องแปล (ผิดๆ) แบบนี้กระทรวงต่างประเทศถึงจะให้ผ่าน
วันมารับก็อย่างที่คาดค่ะ โดนแก้ตามระเบียบ ซึ่งสำหรับคนที่แปลเองแล้วไม่มั่นใจ แนะนำแปลที่ร้านในตึกค่ะ เพราะเราสามารถแก้แล้วส่งต่อได้เลย หรือ แก้เองที่ร้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับกระทรวง (แอบเห็นร้านถ่ายเอกสาร คิดว่า น่าจะมีคอมให้ใช้) อย่างไรก็ดีเราก็โทรเรียกเอเจนมารับไปแก้ค่ะ พร้อมย้ำว่า นามสกุลน้องเราพิมพ์ผิด (เราเขียนชื่อนามสกุลพยานเป็นภาษาอังกฤษให้แต่เขาก็พิมพ์ผิด) และสุดท้ายแก้ออกมาก็ยังผิด คือเขาทำงานชุ่ยจริงๆ
หลังจากยื่นใหม่ไปก็รอไปยาวๆ ค่ะ เราไปตั้งแต่ 7 โมง รับเอกสาร 9 โมง ได้เอกสารคืนประมาณบ่าย 2 แต่ถ้าตามที่ เจ้าหน้าที่แจ้งจะเป็นหลังบ่าย 3 ค่ะ
ซึ่งถ้าหากว่า แปลไม่ผิดพลาดก็จะกลับได้เลยตั้งแต่ตอนเช้า
รอเป็นมหกรรมทีเดียว แนะนำเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยค่ะ แอร์หนาวมาก
หลังจากได้ใบที่มีตรารับรองมาชื่นชมแล้วก็สามารถเอาใบนี้ไปยื่นต่อที่สถานฑูตเพื่อขอตรารับรองจากสถานฑูตได้เลยค่ะ
ทั้งหมดทั้งปวงที่พิมพ์มานี้ อยากจะบอกว่า เราสามารถทำเองได้ทุกขั้นตอนค่ะ ไม่ยุ่งยากเกินความสามารถแน่นอน
เล่าประสบการณ์ขอใบรับรองความโสดและรับรองตราประทับด้วยตัวเอง
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อไปจดทะเบียนคือ
1) เอกสารรับรองความโสด พร้อมรับรองตราประทับจากกระทรวงการต่างประเทศ
2) พาสปอร์ต
จบ เหมือนไม่มีอะไรมากค่ะ แต่ว่านั่นแหละ จะมีสามีสักคนมันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนแค่อ่าปากพูดค่ะ 555+
สำหรับเราซึ่งมีพาสปอร์ตอยู่แล้ว จึงตัดเรื่องการทำพาสปอร์ตไป ขอข้ามไปที่การขอใบรับรองความโสดเลยนะคะ
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อไปขอใบรับรองความโสดคือ
1) ทะเบียนบ้านของเราตัวจริง
2) พยาน 2 คน ส่วนตัวพาแม่กับน้องสาวไปค่ะ
3) บัตรประชาชนตัวจริงของตัวเอง และพยาน พร้อมสำเนา
ตอนไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ค่ะว่า ขอใบรับรองสถานภาพโสด เพื่อแต่งงาน โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่า ให้เราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ที่โต๊ะไหน ชั้นไหน ซึ่งหลังจากนั้น เขาจะให้ฟอร์มมากรอก พร้อมมีแพทเทินตัวอย่างให้เรียบร้อย เมื่อเรากรอกเอกสารเรียบร้อยแล้วก็ยื่นเอกสารวนไป อธิบายให้เห็นภาพคือ เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ เราจะต้องไปรับตราตรงโต๊ะนั้นที่ชั้นนี้ แล้วเอาใบกลับมายื่นที่โต๊ะที่ติดต่อตอนแรก เป็นต้น
ข้อแนะนำ: เวลาเจ้าหน้าที่ถามถึงเอกสารที่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ต้องตกใจหรือสติแตกนะคะว่ามาเสียเที่ยว เพราะบางทีเขาถามไปงั้นเอง เพราะนี่ก็โดนเขาถาม แต่คืออ่านมาแล้วไงว่ามันต้องเตรียมอะไรบ้าง ประกอบกับตอนรอเจ้าหน้าที่ก็ไปยืนอ่านป้ายที่ติดไว้ข้างฝาที่ระบุเอกสารที่ใช้ประกอบคำขอในการขอใบรองความโสดมีอะไรบ้าง เลยถามเจ้าหน้าที่ว่า ต้องใช้ด้วยเหรอ พอดีที่เช็คมามันไม่ได้ระบุว่าต้องใช้นะคะ
สิ่งที่ต้องเตรียมคือ
1) ใบรับรองความโสดตัวจริง
2) ใบรับรองความโสดฉบับแปล ซึ่งเราสามารถแปลเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องจ้าง โดยกำกับว่า เราเป็นผู้แปล พร้อมเซ็นชื่อให้เรียบร้อย
3) สำเนาบัตรประชาชน
4) ค่าใช้จ่ายในการขอตราประทับ 400 บาท
ณ จุดนี้คืออยากบอกว่า ตัวเองโง่มาก แล้วอิแฟนตัวป่วนทำงงมาก บอกให้ไปที่สถานทูต ซึ่งมันไม่ใช่นะจ๊ะ เขาไม่เคยทำ ไม่เคยมีรับแปล ออไม่พอไม่รู้นางไปอ่านมาจากไหน มาบอกเราว่า ต้องไปแปลที่กระทรวงต่างประเทศเท่านั้น เลยไม่ได้แปลไปเอง
พอเข้าไปถึง ถามเจ้าหน้าที่ที่ประตูว่า จะทำอันนั้นอันนี้ต้องไปทำตรงไหน เขาก็บอกว่า “ชั้น 3 ต้องแปลเอกสารมาให้เรียบร้อย แปลได้กับพี่ผู้ชายคนนี้เลย แล้วให้พี่เขาจัดการให้เลยก็ได้ ทำเองมันยุ่งยากมาก ทำกับพี่เขาสะดวกดี” พร้อมชี้นิ้วไปที่ผู้ชายคนนึงที่ยืนอยู่ข้างๆ ประตู ซึ่งเราเข้าใจไปเองว่า เป็น จนท ของศูนย์แปลที่นี่ เพราะ จนท ของที่นี่เขาแนะนำ ซึ่งเขาบอกกับเราว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ แปลเอกสาร 300 บาท ค่าตรา 400 และค่าเจ้าหน้าที่ 300 (ค่าเจ้าหน้าที่ คือคำที่เขาใช้ค่ะ จริงๆ คือค่าเขาไปยื่นนั่นแหละ 300) ซึ่งอาจจะมีการโน้มน้าวเล็กน้อยว่า มันมีความยุ่งยากมาก รอหลายรอบ แต่สรุปคือ เราก็แค่แปลกับเขาเฉยๆ แล้วยื่นเอกสารเองค่ะ
จุดนี้อยากตำหนิเจ้าหน้าที่นิดนึงค่ะว่า ไม่ควรแนะนำใครก็ไม่รู้แบบนั้นให้เราแปลเอกสารสำคัญด้วย เรสเข้าใจพี่คนนั้นว่า เขาเป็นเอเจน แต่ถ้าเรามาเองถึงที่กระทรวงแล้วก็ไม่ควรพูดว่า ให้พี่เขาช่วยจัดการสิ จะได้ไม่ต้องลำบากทำเอง หรือพูดให้เรารู้สึกว่า การยื่นเอกสารราชการด้วยตนเองมันยุ่งยากจนไม่น่ายื่นเอง/ ยุ่งยากเกินกว่าจะยื่นเอง แล้วคือถ้าเอเจนดีมีความมืออาชีพจะไม่ยกขึ้นมาตำหนิเลย แต่ก็คือไม่ไง รู้สึกแย่มากๆ กับเจ้าหน้าที่ (ซึ่งเราคาดเอาเองว่า ที่แนะนำแบบนั้น อาจจะเพราะได้ค่านายหน้า)
พอเดินมาชั้นสองปรากฏว่า ศูนย์แปลแบบมืออาชีพอยู่นี่จ้า ใครที่ไม่แปลเองแนะนำแปลตรงนี้ เพราะถ้ามันผิดพลาดยังไง เขาก็มารับไปแก้แล้วส่งต่อได้เลย
หลังจากได้เอกสารที่แปลเรียบร้อยแล้ว ถึงจะไปขอบัตรคิวที่ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งเขาจะมีฟอร์มให้เรามากรอก
เดี๋ยวนี้ การรับรองเอกสารรับรองความโสดไม่สามารถทำแบบเร่งด่วนได้ภายในวันเดียวนะคะ ต้องใช้เวลา 2 วัน แล้วเรามารับในวันที่ 3 เช่น ไปยื่นวันที่ 11 แล้วมารับวันที่ 13
ย้ำนิดนึงนะคะว่า ไม่ควรแปลกับเอเจนที่ไม่น่าไว้วางใจ
อย่างของเรา แปลมาเรามองผ่านก็รู้สึกว่ามันมีจุดที่ไม่โอเค แล้วนามสกุลน้องเราก็ผิด แต่ด้วยว่า มันถึงเวลายื่นพอดี เราก็เอาวะ มันแปลเป็นอาชีพ หากินอยู่ตรงนี้ มันจะทำผิดจนยื่นไม่ได้เลยเหรอวะ อีกใจนึงก็คิดไปว่า สงสัยต้องแปล (ผิดๆ) แบบนี้กระทรวงต่างประเทศถึงจะให้ผ่าน
วันมารับก็อย่างที่คาดค่ะ โดนแก้ตามระเบียบ ซึ่งสำหรับคนที่แปลเองแล้วไม่มั่นใจ แนะนำแปลที่ร้านในตึกค่ะ เพราะเราสามารถแก้แล้วส่งต่อได้เลย หรือ แก้เองที่ร้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับกระทรวง (แอบเห็นร้านถ่ายเอกสาร คิดว่า น่าจะมีคอมให้ใช้) อย่างไรก็ดีเราก็โทรเรียกเอเจนมารับไปแก้ค่ะ พร้อมย้ำว่า นามสกุลน้องเราพิมพ์ผิด (เราเขียนชื่อนามสกุลพยานเป็นภาษาอังกฤษให้แต่เขาก็พิมพ์ผิด) และสุดท้ายแก้ออกมาก็ยังผิด คือเขาทำงานชุ่ยจริงๆ
หลังจากยื่นใหม่ไปก็รอไปยาวๆ ค่ะ เราไปตั้งแต่ 7 โมง รับเอกสาร 9 โมง ได้เอกสารคืนประมาณบ่าย 2 แต่ถ้าตามที่ เจ้าหน้าที่แจ้งจะเป็นหลังบ่าย 3 ค่ะ
ซึ่งถ้าหากว่า แปลไม่ผิดพลาดก็จะกลับได้เลยตั้งแต่ตอนเช้า
รอเป็นมหกรรมทีเดียว แนะนำเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยค่ะ แอร์หนาวมาก
หลังจากได้ใบที่มีตรารับรองมาชื่นชมแล้วก็สามารถเอาใบนี้ไปยื่นต่อที่สถานฑูตเพื่อขอตรารับรองจากสถานฑูตได้เลยค่ะ