...เป็นการอ้างง่ายๆเพื่อหลอกลวงคนเขลา ให้หลงเชื่อ....
...มาพิจารณาดูกันตามหลักตรรกะ...
.....................................................................................................................
...อ้างมั่วซั่ว ว่า วิชาธรรมกายหายไปหลังพุทธกาล 500 ปี... ผิดหลักตรรกะอย่างยิ่ง การอ้างแบบนี้ หลอกลวงได้แต่คนโง่เขลาเท่านั้น...
...เหตุผลคือ --->
1. ถ้าเคยมีวิชาธรรมกายอยู่ก่อนในช่วง 500 ปีแรกหลังพุทธกาล ทำไมไม่เคยมีบันทึกไว้ในตำราใดๆของชาติไหนๆเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการอ้างตีขลุมกันง่ายๆแค่นั้นเอง อ้างแบบนี้ ใครๆก็สามารถใช้วิธีเดียวกันอ้างกันได้ ถ้าจะคิดค้นอะไรใหม่ๆเพื่อเสริมแต่งเข้ามา ก็แค่อ้างว่า เป็นหลักธรรมที่สูญหายไปนานหลังพุทธกาลไม่กี่สิบปีหรือไม่กี่ร้อยปี..
2. ถ้าเป็นวิชาแท้จริงของพระพุทธเจ้า ทำไมถูกทำให้หายไป ? ทำไมบรรดาเหล่าพระเถระสาวกต่างๆทั้งหมดในยุคที่หายนั้น ร่วมมือกันทำให้หาย พวกท่านไม่กลัวบาป ไม่กลัวตกนรกหรือ ? ไม่เคารพพระบรมศาสดาหรือ ? ที่มาร่วมมือกันกำจัดวิชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าให้ออกไปจากหลักธรรมของพุทธ ไม่ใครกล้าคัดค้านเลยหรือ ? ปล่อยให้การกำจัดวิชาธรรมกายให้หลุดออกไปจากตำราของศาสนาพุทธ ...ทำไมพร้อมใจกันหมดทุกๆคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ? นี่มันผิดหลักตรรกะสุดๆ...
3. ถ้ามีการกระทำเพื่อกำจัดวิชาธรรมกายออกไปจากศาสนาพุทธ ต้องกระทำพร้อมกันหมดในทุกๆชาติ ทุกๆภาษาที่บันทึกหลักคำสอนของพุทธไว้ ต้องเดินทางไปทุกๆวัดทั่วโลก(ยุโรป และ เอเซีย) ตามบ้านเมืองต่างๆ ป่าเขา ถิ่นธุรกันดารต่างๆ เพื่อกำจัดให้หมดเกลี้ยงไม่เหลือร่องรอยใดๆเลย...ต้องใช้คนจำนวนมากมายกี่แสนกี่ล้านคน กระจายไปตามวัดต่างๆทั่วโลก จึงจะทำได้ และพระของทุกๆวัดก็ยินยอมให้กระทำ อย่าลืมว่าสมัยนั้น ไม่มีเส้นทางสบายแบบยุคนี้ ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีรถยนตร์ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ต...ฯลฯ บ้านเมืองทั่วโลกล้วนเป็นป่าเขา มีแค่ทางเกวียน การเดินทางติดต่อลำบากมากๆ ตัวอย่าง เช่น แค่ 100 กว่าปีมานี้เอง การเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ต้องใช้เวลากว่า 2 เดือน จังหวัดต่างๆในภาคกลางสมัยนั้น เป็นทึบป่ารกร้างมีสัตว์ป่าภูตผีมากมาย ไม่ใช่เป็นทุ่งนาแบบสมัยนี้ ...และบรรดาวัดต่างๆที่กระจายทั่วโลกสมัยนั้น ก็ไม่มีการจดทะเบียนรายชื่อ ไม่รู้ว่ามีวัดอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ...
4. ถ้ามีการกระทำแบบนั้นจริงๆ คือ มีขบวนการใหญ่ที่มีอำนาจมาก ร่วมมือกันกำจัดวิชาธรรมกายออกไป ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่โตมากๆ จะต้องรู้กันหมดทั่วสังคมชาวพุทธ ตั้งแต่ระดับพระราชาลงมา ....แต่ ทำไมไม่มีการบันทึกหรือบอกเล่าเรื่องนี้ไว้เลย ไม่เคยปรากฏบันทึกใดๆ หรือ คำเล่าลือใดๆ ปรากฏในตำราหรือตำนานของชาติที่นับถือพุทธไหนๆเลย สักนิดเดียว ?
...สรุป นั่นคือ ถ้าพิจารณาจากหลักตรรกะข้างบน จึงไม่อาจจะเป็นไปได้ที่จะมีใครมากำจัดวิชาธรรมกายออกไปจากหลักธรรมของพุทธได้ ถ้าวิชานี้เคยมีจริงมาก่อน...นั่นคือ ไม่เคยมีวิชาธรรมกายมาก่อนเลยในหลักธรรมของพุทธ เพราะพระพุทธไม่เคยสอนไว้เลย
เป็นการอ้างเองง่ายๆของหลวงพ่อสดและคนที่หลงเชื่อตาม ว่า เคยมีวิชาธรรมกายมาก่อน แล้วโดนกำจัดออกไปเมื่อประมาณ พ.ศ. ๕๐๐ ...
และอย่ามาอ้างว่า มีคำว่า ธรรมกาย ปรากฏในตำราต่างๆมากมาย
...คำว่า ธรรมกายในตำราต่างๆนั้น นั่นไม่ใช่หลักฐานว่ามีวิชาธรรมกาย อย่ามาตีขลุม....
...นั่นเป็นเพียงการเปรียบเทียบคุณสมบัติของธรรมะในใจของบุคคลที่บรรลุธรรมว่า มีธรรมกายในใจ คือ มีกองแห่งธรรมมากมายในใจ เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิโมกข์ อภิญญา ... เป็นต้น ฯลฯ...กองพะเนินเทินทึกเต็มในใจ ( ธรรมกาย แปลตรงตัวว่า = กองแห่งธรรม )
...อย่าไปแอบอ้างตีขลุมเอาคำบรรยายเปรียบเทียบ มากลับกลายเป็นว่า นั่นคือวิชาธรรมกาย....
...เป็นอ้างแบบมั่วซั่วเลอะเทอะสุดๆ เพื่อหลอกลวงคนที่ไม่รู้จักคิดพิจารรา หรือคนปัญญาอ่อน แค่นั้น...
ธรรมกายชอบอ้างแบบมั่วซั่วตีขลุมว่า วิชาธรรมกายเคยเป็นหลักธรรมในศาสนาพุทธมาก่อน และถูกทำให้สูญหายไปเมื่อประมาณ พ.ศ.500
...มาพิจารณาดูกันตามหลักตรรกะ...
.....................................................................................................................
...อ้างมั่วซั่ว ว่า วิชาธรรมกายหายไปหลังพุทธกาล 500 ปี... ผิดหลักตรรกะอย่างยิ่ง การอ้างแบบนี้ หลอกลวงได้แต่คนโง่เขลาเท่านั้น...
...เหตุผลคือ --->
1. ถ้าเคยมีวิชาธรรมกายอยู่ก่อนในช่วง 500 ปีแรกหลังพุทธกาล ทำไมไม่เคยมีบันทึกไว้ในตำราใดๆของชาติไหนๆเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการอ้างตีขลุมกันง่ายๆแค่นั้นเอง อ้างแบบนี้ ใครๆก็สามารถใช้วิธีเดียวกันอ้างกันได้ ถ้าจะคิดค้นอะไรใหม่ๆเพื่อเสริมแต่งเข้ามา ก็แค่อ้างว่า เป็นหลักธรรมที่สูญหายไปนานหลังพุทธกาลไม่กี่สิบปีหรือไม่กี่ร้อยปี..
2. ถ้าเป็นวิชาแท้จริงของพระพุทธเจ้า ทำไมถูกทำให้หายไป ? ทำไมบรรดาเหล่าพระเถระสาวกต่างๆทั้งหมดในยุคที่หายนั้น ร่วมมือกันทำให้หาย พวกท่านไม่กลัวบาป ไม่กลัวตกนรกหรือ ? ไม่เคารพพระบรมศาสดาหรือ ? ที่มาร่วมมือกันกำจัดวิชาธรรมกายของพระพุทธเจ้าให้ออกไปจากหลักธรรมของพุทธ ไม่ใครกล้าคัดค้านเลยหรือ ? ปล่อยให้การกำจัดวิชาธรรมกายให้หลุดออกไปจากตำราของศาสนาพุทธ ...ทำไมพร้อมใจกันหมดทุกๆคนทั้งพระ ทั้งฆราวาส ? นี่มันผิดหลักตรรกะสุดๆ...
3. ถ้ามีการกระทำเพื่อกำจัดวิชาธรรมกายออกไปจากศาสนาพุทธ ต้องกระทำพร้อมกันหมดในทุกๆชาติ ทุกๆภาษาที่บันทึกหลักคำสอนของพุทธไว้ ต้องเดินทางไปทุกๆวัดทั่วโลก(ยุโรป และ เอเซีย) ตามบ้านเมืองต่างๆ ป่าเขา ถิ่นธุรกันดารต่างๆ เพื่อกำจัดให้หมดเกลี้ยงไม่เหลือร่องรอยใดๆเลย...ต้องใช้คนจำนวนมากมายกี่แสนกี่ล้านคน กระจายไปตามวัดต่างๆทั่วโลก จึงจะทำได้ และพระของทุกๆวัดก็ยินยอมให้กระทำ อย่าลืมว่าสมัยนั้น ไม่มีเส้นทางสบายแบบยุคนี้ ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีรถยนตร์ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ต...ฯลฯ บ้านเมืองทั่วโลกล้วนเป็นป่าเขา มีแค่ทางเกวียน การเดินทางติดต่อลำบากมากๆ ตัวอย่าง เช่น แค่ 100 กว่าปีมานี้เอง การเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ต้องใช้เวลากว่า 2 เดือน จังหวัดต่างๆในภาคกลางสมัยนั้น เป็นทึบป่ารกร้างมีสัตว์ป่าภูตผีมากมาย ไม่ใช่เป็นทุ่งนาแบบสมัยนี้ ...และบรรดาวัดต่างๆที่กระจายทั่วโลกสมัยนั้น ก็ไม่มีการจดทะเบียนรายชื่อ ไม่รู้ว่ามีวัดอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ...
4. ถ้ามีการกระทำแบบนั้นจริงๆ คือ มีขบวนการใหญ่ที่มีอำนาจมาก ร่วมมือกันกำจัดวิชาธรรมกายออกไป ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่โตมากๆ จะต้องรู้กันหมดทั่วสังคมชาวพุทธ ตั้งแต่ระดับพระราชาลงมา ....แต่ ทำไมไม่มีการบันทึกหรือบอกเล่าเรื่องนี้ไว้เลย ไม่เคยปรากฏบันทึกใดๆ หรือ คำเล่าลือใดๆ ปรากฏในตำราหรือตำนานของชาติที่นับถือพุทธไหนๆเลย สักนิดเดียว ?
...นั่นเป็นเพียงการเปรียบเทียบคุณสมบัติของธรรมะในใจของบุคคลที่บรรลุธรรมว่า มีธรรมกายในใจ คือ มีกองแห่งธรรมมากมายในใจ เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิโมกข์ อภิญญา ... เป็นต้น ฯลฯ...กองพะเนินเทินทึกเต็มในใจ ( ธรรมกาย แปลตรงตัวว่า = กองแห่งธรรม )
...อย่าไปแอบอ้างตีขลุมเอาคำบรรยายเปรียบเทียบ มากลับกลายเป็นว่า นั่นคือวิชาธรรมกาย....