คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ประวัติวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ลิขิตโดยพระครูกมลภาวนากร (สีทน กมโล)
เมื่อก่อนธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติภูเขาลูกนี้ พิเศษ แปลกไปจากภูเขาลูกอื่นๆ คือ มีหินคล้ายลูกมะพร้าวเต็มไปหมด ทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใสแวววาวระยับคล้ายเพชรและพลอย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เอาไปรักษาโรค เรียกมะพร้าวฤษีทำเอาไว้ จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า ภูพร้าว ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าวแห่งนี้ ในราวปี พ.ศ.2497 ถึง 2516 ท่านได้มาขอบิณฑบาตสถานที่บนภูพร้าวแห่งนี้เป็นวัดจากทางหน่วยทหารและทางราชการนายอำเภอพิบูลมังสารหาร ในราวปี พ.ศ.2500 - 2514 ขณะกำลังมีการสำรวจระดับที่จะสร้างเขื่อนสิรินธร ทางหน่วยทหารและทางราชการอำเภอ จึงให้ตั้งชื่อวัดเป็น วัดสิรินธรวราราม ท่านสร้างศาลาหลังหนึ่งไม่ใหญ่นัก พอเป็นที่พักรองรับญาติโยม ซึ่งได้หมดสภาพ และมีการสร้างศาลาแทนหลังเดิมที่เห็นอยู่นี้ เมื่อท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้มาพำนักพักอาศัยพื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม ท่านอธิฐานและรู้ด้วยญาณ ท่านได้ปรารภกับศิษย์ไว้ว่า
“เธอคอยดูต่อไปในอนาคต จะมีผู้มีบุญจะมาบำเพ็ญบารมีของเขาให้เต็มบริบูรณ์ เขาจะมาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้รุ่งเรือง จะมีพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก มาในสถานที่แห่งนี้ ปราชญ์บัณฑิตจะแวะมาพักอาศัยมิได้ขาด”
https://sites.google.com/site/theiywhiwphra/prawati
ประวัติวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ลิขิตโดยพระครูกมลภาวนากร (สีทน กมโล)
เมื่อก่อนธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติภูเขาลูกนี้ พิเศษ แปลกไปจากภูเขาลูกอื่นๆ คือ มีหินคล้ายลูกมะพร้าวเต็มไปหมด ทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใสแวววาวระยับคล้ายเพชรและพลอย ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เอาไปรักษาโรค เรียกมะพร้าวฤษีทำเอาไว้ จึงเรียกภูเขาลูกนี้ว่า ภูพร้าว ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าวแห่งนี้ ในราวปี พ.ศ.2497 ถึง 2516 ท่านได้มาขอบิณฑบาตสถานที่บนภูพร้าวแห่งนี้เป็นวัดจากทางหน่วยทหารและทางราชการนายอำเภอพิบูลมังสารหาร ในราวปี พ.ศ.2500 - 2514 ขณะกำลังมีการสำรวจระดับที่จะสร้างเขื่อนสิรินธร ทางหน่วยทหารและทางราชการอำเภอ จึงให้ตั้งชื่อวัดเป็น วัดสิรินธรวราราม ท่านสร้างศาลาหลังหนึ่งไม่ใหญ่นัก พอเป็นที่พักรองรับญาติโยม ซึ่งได้หมดสภาพ และมีการสร้างศาลาแทนหลังเดิมที่เห็นอยู่นี้ เมื่อท่านพระอาจารย์บุญมาก ได้มาพำนักพักอาศัยพื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม ท่านอธิฐานและรู้ด้วยญาณ ท่านได้ปรารภกับศิษย์ไว้ว่า
“เธอคอยดูต่อไปในอนาคต จะมีผู้มีบุญจะมาบำเพ็ญบารมีของเขาให้เต็มบริบูรณ์ เขาจะมาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้รุ่งเรือง จะมีพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก มาในสถานที่แห่งนี้ ปราชญ์บัณฑิตจะแวะมาพักอาศัยมิได้ขาด”
https://sites.google.com/site/theiywhiwphra/prawati
ความคิดเห็นที่ 3
อุโบสถวัดสิรินธร ( ภูพร้าว ) มีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง หลวงพระบาง สปป.ลาว แต่มีความกว้างมากกว่าหนึ่งเท่า และความยาวมากกว่าสองเท่า
ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร
รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
..... ส่วนของพระประธานนั้นมีผู้นำมาถวายวัด ดั้งเดิมนั้นเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่นายช่างคุณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก แล้วแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์ไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน กลายเป็นพระประธานที่สวยงามเป็นอย่างมาก "
ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร
รวมทั้งเป็นผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเองและเป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า “ฟอสเฟอร์” ทำให้ต้นไม้นี้ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืน
..... ส่วนของพระประธานนั้นมีผู้นำมาถวายวัด ดั้งเดิมนั้นเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่นายช่างคุณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก แล้วแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์ไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน กลายเป็นพระประธานที่สวยงามเป็นอย่างมาก "
แสดงความคิดเห็น
อุโบสถวัดสิรินธรวรารามภูมะพร้าว จำลองแบบมาจากเสริสสกวิมาน สวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ?