เช็คให้ชัวร์ ใช่หรือไม่... “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”
โรคนี้ไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่จะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในขณะที่มีอาการ สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นต้องมีอาการครบทั้ง 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ถึงจะเรียกน้ำในหูไม่เท่ากันครับ
* เวียนศีรษะ บ้านหมุน เห็นทุกอย่างเคลื่อนไหวไม่น้อยกว่า 20 นาที หรือในคนที่อาการเป็นหนักต้องมากถึง 12 ชั่วโมง
* การตรวจการได้ยินของหู พบว่าการได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่งที่มีอาการหรือ 2 ข้างลดลง
* อาการทางหูเป็นๆ หายๆ รู้สึกมีอะไรดันๆ ภายในหู รวมถึงการได้ยินเสียงในหูข้างเดียว
* เมื่อตรวจอาการทางร่างกายอื่นไม่พบสาเหตุ
ความรุนแรงของโรคในแต่ละคนก็ไม่เท่ากันนะครับ บางคนมีอาการเกิดขึ้นและหายได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางคนก็มีอาการรุนแรง มึนงง เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานานจำเป็นต้องนอนพัก ส่วนสาเหตุของการเกิดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดแต่อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารเค็มจัดหรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด
สำหรับการรักษานั้นแพทย์จะให้การรักษาตามอาการ จะเน้นรับประทานยาเป็นหลัก ร่วมกับการขับปัสสาวะ เนื่องจากมีน้ำในหูชั้นในผิดปกติเพื่อขับน้ำออกไป หรือใช้การผ่าตัดในรายที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้โดยการใช้ยานั่นเองครับ
เช็คให้ชัวร์ ใช่หรือไม่... “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”
เช็คให้ชัวร์ ใช่หรือไม่... “โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน”
โรคนี้ไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่จะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันในขณะที่มีอาการ สำหรับอาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นต้องมีอาการครบทั้ง 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ถึงจะเรียกน้ำในหูไม่เท่ากันครับ
* เวียนศีรษะ บ้านหมุน เห็นทุกอย่างเคลื่อนไหวไม่น้อยกว่า 20 นาที หรือในคนที่อาการเป็นหนักต้องมากถึง 12 ชั่วโมง
* การตรวจการได้ยินของหู พบว่าการได้ยินลดลงในหูข้างใดข้างหนึ่งที่มีอาการหรือ 2 ข้างลดลง
* อาการทางหูเป็นๆ หายๆ รู้สึกมีอะไรดันๆ ภายในหู รวมถึงการได้ยินเสียงในหูข้างเดียว
* เมื่อตรวจอาการทางร่างกายอื่นไม่พบสาเหตุ
ความรุนแรงของโรคในแต่ละคนก็ไม่เท่ากันนะครับ บางคนมีอาการเกิดขึ้นและหายได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง ก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางคนก็มีอาการรุนแรง มึนงง เป็นๆ หายๆ เป็นเวลานานจำเป็นต้องนอนพัก ส่วนสาเหตุของการเกิดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดแต่อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารเค็มจัดหรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด
สำหรับการรักษานั้นแพทย์จะให้การรักษาตามอาการ จะเน้นรับประทานยาเป็นหลัก ร่วมกับการขับปัสสาวะ เนื่องจากมีน้ำในหูชั้นในผิดปกติเพื่อขับน้ำออกไป หรือใช้การผ่าตัดในรายที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้โดยการใช้ยานั่นเองครับ