สวัสดีค่ะ
เราได้มีโอกาสไปเที่ยวคิวชูคนเดียวเมื่อเดือนธันวาคม 2018 (ใช่ค่ะ 2018 ค่ะ -*-) เลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลและเล่าประสบการณ์
เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่คนที่กำลังหาที่เที่ยว หรือกำลังจะวางแผนไปคิวชูนะคะ
ส่วนแรกของรีวิวนี้จะเป็นบทนำ ที่มาที่ไปของทริปที่เราตั้งใจเก็บไว้เป็นความทรงจำของเราค่ะ
ก็จะมีทั้งในเรื่องของการเตรียมตัว การวางแผน เราใส่เป็น spoil ไว้เผื่อใครไม่อยากอ่านจะได้ข้ามไปได้เลยนะคะ
ป.ล. ข้อมูลในรีวิวครั้งนี้เป็นของช่วงปี 2018 หากมีข้อมูลตรงไหนเปลี่ยนแปลงผิดพลาด ไม่ละเอียด รูปน้อยไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
ป.ล. 2 รูปไม่ได้สวยเหมือนรูปข้างบนทั้งหมดนะคะ 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้The Beginning
ไม่รู้เคยได้ยินมาจากไหนว่า ทริปหนึ่งที่จบไป คือจุดเริ่มต้นของทริปใหม่ เราเห็นด้วยกับคำพูดนี้มาตลอด
เพราะทุกครั้งหลังจากไปเที่ยวกลับมา สิ่งแรกที่คิดคือ ทริปต่อไปที่ไหนและเมื่อไหร่ดี ประหนึ่งว่าไม่มีการไม่มีงานให้ทำและพิมพ์แบงค์เองได้ ฮ่าๆๆๆ
จุดเริ่มต้นของทริปนี้ก็สืบเนื่องมาจากทริปชูโกกุเมื่อเดือนกรกฎาคม เป็นทริปที่ค่อนข้างสั้น (เจ็ดวัน) เพราะไม่ติดวันหยุดมากนัก
เลยทำให้รู้สึกเหมือนยังไม่อิ่ม เหมือนเรายังมีติดค้างอะไรบางอย่างทำให้ใจอยากจะออกเดินทางอีกสักครั้งสองครั้งในปีนี้
ในช่วงคริสมาสต์ถึงปีใหม่ ที่ทำงานเราจะขอคนอาสามาทำงาน ใครไม่อยากมาก็หยุด จะไปไหนก็ไป
ตั้งแต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปฉลองคริสมาสต์ที่อังกฤษ เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา เราก็อาสามาทำวันสองวัน
แล้วก็หยุดยาวๆเกาพุงแกรกๆอยู่บ้าน รอวันไปทำงานอย่างใจจดใจจ่อ ปีนี้เราเปลี่ยนตำแหน่งที่เขาไม่ต้องการให้อาสามาทำ
เลยคิดได้ว่า จะปล่อยให้สัปดาห์คริสมาสต์ปีใหม่นี้หมดไปกับการเกาพุงไม่ได้แล้ว เสียดาย หาที่เที่ยวดีกว่า แต่เอ๊ะ
วันลายังเหลืออีกห้าวันนี่นา ถ้าลาก่อนหยุดคริสมาสต์ จะเที่ยวได้ตั้งสองอาทิตย์เลย วู้วฮู้วว จะไปที่ไหนดีล่ะ จะชวนใครไปดีล่ะ
แน่นอนว่าคำถาม จะชวนใครไปดีล่ะ ได้คำตอบตั้งแต่แรกเลยว่า ไม่มีใครไปกับเราได้แน่นอน ด้วยวันลาที่ยาวขนาดนั้น
เที่ยวคนเดียวคือคำตอบซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเลือกสถานที่ต่อมา ใจจริงอยากไปอเมริกามาก อยากเห็นฮอลลีวู้ด อยากกินกัมโบ้
แถมวีซ่าท่องเที่ยวได้มาสิบปี ใช้ไปครั้งเดียวเอง ไม่คุ้มๆ เราเริ่มหาตั๋วเครื่องบิน ศึกษารีวิวและเส้นทางท่องเที่ยว เสิร์ชค่าโรงแรมคร่าวๆ
เริ่มมองเห็นลางๆว่าไม่น่าเวิร์ค อเมริกาเป็นประเทศใหญ่ การเดินทางข้ามรัฐข้ามเมืองเราคิดว่าไม่เอื้ออำนวยต่อผู้หญิงตัวเล็กๆแบกเป้ลากกระเป๋าคนเดียวสักเท่าไหร่ และนี่จะเป็นการเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกของเรา เราไม่รู้ว่าจะไหวมั้ย เราอยากลองดูกับประเทศที่เราคุ้นเคย
การเดินทางสะดวก คมนาคมขนส่งเป๊ะปัง และหวยก็มาออกที่ ญี่ปุ่น...อีกแล้วครับท่าน
เราคุ้นเคยกับประเทศนี้มากขนาดไหน ไปมาแล้วสี่ครั้ง อ่านฮิรางานะและคาตาคานะได้ ชินกับระบบขนส่งมวลชนบ้านเค้า
แถมยังมีอีกหลายภูมิภาคที่ยังไม่เคยไป และตั้งใจว่าจะไปให้ครบ ตอนแรกดูฮอกไกโดไว้ แต่ไม่สู้ค่าเครื่องและสภาพอากาศ
เปลี่ยนใจมาคิวชูแทน เพราะ 1. บัดดี้ที่เดินทางด้วยกันบ่อยๆไปมาแล้ว 2. อยากไปนางาซากิเพราะกลางปีไปฮิโรชิมามา 3. ดูเหมือนไม่มีอะไรเยอะ
น่าจะคัฟเวอร์หมดในสองอาทิตย์ (ซึ่งคิดผิดโว้ยยย ณ ขณะพิมพ์ ไปกลับมาแล้ว แพลนทุกอย่างเรียบร้อย ต้องตัดหลายที่ออกเพราะวันไม่พอ
ในขณะที่หลายๆวัน ต้องยัดอัดแน่นเหมือนทัวร์ชะโงก T_T)
Cr: Japanguide
พอเลือกสถานที่และกำหนดวันได้ เราก็เฝ้าตั๋ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม (ที่กลับมาจากชูโกกุนั่นแหละ) เฝ้ามันทุกวัน
การบินไทยก็ไม่มีโปร จะมือลั่นจอง China Southern/Eastern ไปหลายรอบแล้ว เห็นมีเก้าพันกว่าด้วยของสายไหนจำไม่ได้
แต่เวลาต่อเครื่องเลวมาก จนเดือนกันยายน China Airlines โผล่ขึ้นมาล่อตาล่อใจ ราคารับได้ เวลาต่อเครื่องดี รู้ตัวอีกทีเป็นหนี้บัตรเครดิตไปแล้ว
จำได้ว่า หลังจากกดจ่ายเงินตัดบัตรไป ก็เกิดความรู้สึกทั้งดีใจ ตื่นเต้นและกังวล ที่ดีใจคือ ได้ตั๋วราคาดี ตื่นเต้นที่จะได้เที่ยว
และกังวลคือกรูจะไหวมั้ยวะ สองอาทิตย์อยู่กับตัวเอง ไม่เคยมาก่อน ถ้าป่วยขึ้นมาใครจะช่วย นี่แค่จุดเริ่มต้นของความเครียด
เพราะสิ่งที่ตามมามันแสนสาหัสเหลือเกิน...เรื่องเงิน!!!!
The Plan Making
ก่อนจะไปเรื่องเงิน ขอย้อนถึงเรื่องการวางแผนก่อน เราใช้ Japan Guide, Hyperdia เป็นหลักเหมือนเดิม บวกกับรีวิวในเน็ตและพันทิป
แต่ปัญหาคือ คิวชูแบ่งเป็นสองส่วนคือเหนือกับใต้ และคนส่วนใหญ่จะเที่ยวเหนือมากกว่า เพราะแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังจะอยู่กันตรงนั้นเป็นหลัก
เช่น ฟุกุโอกะ คุมาโมโต้ เฮ้าส์เทนบอช นางาซากิ ยุฟุอิน เบปปุ ทำให้เราไม่มีข้อมูลคิวชูใต้มากนัก ต้องพึ่งรีวิวฝรั่งซะส่วนใหญ่แต่ก็ล้าสมัยเหลือเกิน
ตอนแรกกะว่าจะไปแต่เหนือและเก็บให้หมด ค่อยรอไปใต้กับเพื่อน เพราะนางยังไม่ไป แต่วางแผนคร่าวๆไปมา
สองอาทิตย์สำหรับโซนเหนืออย่างเดียวดูจะชิลเกินไป ไปแล้วต้องเอาให้คุ้ม จัดเลยจ้า เหนือใต้
เริ่มแรกเลยเราศึกษาแผนที่คิวชู ดูว่าที่เที่ยวอะไรอยู่ตรงไหนแล้วลิสออกมาว่าอยากไปไหนบ้าง และที่ไหนที่อยู่ทางเดียวกันไปด้วยกันได้บ้าง
จากนั้นก็ศึกษาเรื่องการเดินทาง โดยเฉพาะ JR Pass ซึ่งมีตามด้านล่าง
- JR Northern Kyushu Pass (3 days-8,660 JPY/5 days-10,190 JPY)
ใช้ได้กับคิวชูเหนือ ชินคันเซ็นตั้งแต่สถานีฮากาตะถึงคุมาโมโต้หรือกลับกัน ไม่สามารถใช้จาก ฮากาตะขึ้นไปโคคูระได้
- JR Southern Kyushu Pass (3 days-7,500 JPY)
นั่งรถไฟในส่วนคิวชูใต้ รวมถึงชินคันเซ็นจากคุมาโมโต้ไปสถานีคาโกชิม่าชูโอ
- JR All Kyushu Pass (3 days-15,200 JPY/5 days-18,330 JPY)
ขึ้นเหนือล่องใต้ได้ด้วยพาสนี้พาสเดียว รวมชินคันเซ็นจากฮากาตะถึงสถานีคาโกชิมาชูโอ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.jrkyushu.co.jp/english/railpass/railpass.html
เราซื้อสองพาสคือ Northern Kyushu และ All Kyushu แบบห้าวัน จาก Klook เราไปเดินงานเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวที่พารากอนมา
สรุปว่า Klook ถูกที่สุดนะจ๊ะ แถมยังเอารหัสการจองจาก Klook ไปจองที่นั่งรถไฟในเว็บไซต์ JR Kyushu ได้อีกด้วย
เพราะ Klook เป็นตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการนั่นเอง นอกจาก Klook แล้วยังมีเอเจนท์อื่นอีก
เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่นี่ตรง Q3 https://www.jrkyushu.co.jp/english/qa_ob.html
(ซื้อกับเอเจนท์อื่นในไทยเราไม่มั่นใจว่าจะจองออนไลน์ได้หรือเปล่า เลยเอาตามที่บอกไว้ในเว็บดีกว่า กันเหนียว)
ทำไมต้องจองที่นั่งรถไฟล่วงหน้า คิวชูจะมีขบวนรถไฟท่องเที่ยวชื่อดังหลายขบวนที่ทุกคน คงจะเคยได้ยินชื่อมาก่อนแล้ว
ขบวนที่ป๊อปที่สุดหนีไม่พ้น Yufuin no Mori ที่วิ่งระหว่างสถานี ฮากาตะและสถานีเบปปุ ซึ่งแพลนของเราที่จะไปขึ้นขบวนนี้
ตรงกับวันเสาร์ช่วงใกล้ปีใหม่พอดี ถ้าไปจองใกล้ๆอาจหมดสิทธิ์ เลยต้องทำการจองออนไลน์ใน เว็บไซต์ นี้
ขั้นตอนการจองก็ง่ายแสนง่าย สิ่งที่ต้องใช้คือ อีเมลเพื่อทำการสมัคร หมายเลขการจองของพาสที่เราซื้อมา และบัตรเครดิต
พูดง่ายๆคือ ต้องมีพาสก่อนนั่นเองถึงจะจองที่นั่งออนไลน์ได้ หลังจากล๊อกอินเข้าไปแล้วก็จะสามารถเลือก ขบวนที่จะจอง
วันเวลาและที่นั่งที่ต้องการได้ ขบวนพิเศษอย่าง Yufuin no Mori จะมีค่าจอง 1,000 เยน ถ้าเป็นขบวนธรรมดาจองฟรี
นอกจากนี้เรายังจอง Ibusuki-no-Tamatebako อีกด้วย (แต่ไม่ได้ขึ้น T_T เดี๋ยวเล่าให้ฟัง) รวมเสียค่าจอง 2,000 เยน
ระบบจะส่ง voucher การจองให้ทางอีเมล สามารถปรินท์ไปยื่นพร้อมกับพาสเพื่อรับตั๋วจริงได้ที่สถานี JR เมื่อไหร่ก็ได้ ก่อนรถไฟออกนะคะ
ส่วนขบวนธรรมดาและชินคันเซ็นเราไปจองที่สถานีค่ะ นอกจาก JR Pass แล้วยังต้องศึกษาการเดินทางภายในแต่ละเมืองด้วย
ส่วนใหญ่จะมี One-Day Pass ของรถบัสหรือรถรางให้ได้เลือกใช้กัน ไม่จำเป็นต้องซื้อล่วงหน้าค่ะ รายละเอียดจะอยู่ในส่วนรีวิวของแต่ละวันนะคะ
ลืมบอก เรามี Suica Card หรือบัตรเดินทางแบบเติมเงินที่เอาไว้ใช้ในฟุกุโอกะวันที่ไม่ได้ซื้อพาสอีกด้วย
และนี่คือตารางการเที่ยวของเราและพาสที่ใช้แบบคร่าวๆสุดๆ
เสร็จจากการวางแผนที่เที่ยวและการเดินทาง ก็มาถึงเรื่องที่หนักใจสุดๆคือ...ที่พัก
เนื่องจากเราเป็นคนนอนยากตื่นง่ายมาก เงื่อนไขของเราเลยเยอะนิดนึงคือ ห้องนอนส่วนตัว
ห้องน้ำส่วนตัวหรือรวมก็ได้ ใกล้ JR เดินทางสะดวก งบที่พักทั้งหมด 14 คืนไม่เกิน 20,000 บาท
แต่เพราะช่วงที่เราไปเป็นช่วงใกล้คริสมาสต์ปีใหม่ ราคาโรงแรมจะค่อนข้างสูง โดยเฉพาะคืนวันศุกร์เสาร์ เลยต้องยอมไปนอนโฮสเทลบางคืน
เพื่อไม่ให้เกินงบ ปกติเดินทางกับเพื่อนสองคน หารกันห้องเดียว ชิลมาก เดินทางคนเดียวจ่ายคนเดียว จุกพอสมควร นั่งหาแล้วหาอีก
ที่พักเมืองอื่นไม่ค่อยมีปัญหา เพราะนอนคืนสองคืนก็ไปต่อ ที่คิดหนักที่สุดคือที่ ฟุกุโอกะ
จากตารางจะเห็นว่า เราออกไปเที่ยวและกลับมาที่ฟุกุโอกะทุกๆ 2-3 วัน เลยต้องพักที่เดิมเพื่อที่จะฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้นั่นเอง
เราหาที่พักโดยใช้เว็บไซต์ Booking.com, Agoda, Expedia, Hotels.com แล้วเปรียบเทียบราคากัน ที่ไหนถูกสุดก็จองกับที่ั่นั่น
อันนี้ทุกคนน่าจะมีประสบการณ์กันอยู่แล้ว เราจะรีวิวโรงแรมและโฮสเทลที่เราเลือกไว้ในช่วงต่อไปนะคะ
เอาเป็นว่าทั้งหมด 14 คืน เราจ่ายไปที 19,653.25 บาท อาจดิฟนิดหน่อยเพราะมีทั้งจ่ายสดตัดบัตร เงินเยนเงินบาท งงไปหมดเลยค่ะช่วงนั้น 5555
พอใกล้เดินทางก็เริ่มมองหาประกันการเดินทาง อันนี้ขาดไม่ได้เลย เคยไม่ซื้อเพราะย่ามใจ แต่หลังๆมาเห็นข่าวเยอะมากที่ไปเที่ยวต่างประเทศกัน
แล้วไปป่วยหรือประสบอุบัติเหตุและไม่มีประกัน เราเองก็ขี้โรคด้วยค่ะ เลยซื้อไว้ทุกทริป มีแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าพอจะใช้ดันไม่มีนะคะ
ทริปนี้เราซื้อจากงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองที่พารากอนค่ะ 765 บาท 16 วัน ได้ของแถมเป็นกระเป๋าเก็บชุดชั้นในด้วย
(ปัจจุบันยังอยู่ในห่อพลาสติก) ทริปนี้โชคดีไม่มีอะไรต้องเคลมค่ะ
เรื่องอินเตอร์เน็ตก็สำคัญ เราใช้ AIS Sim2Fly เพราะมีอยู่แล้วค่ะ แพ๊คเกจเลยลดจาก 399 บาท เหลือ 299 บาท
ก่อนเดินทางก็เติมเงินเข้าซิมสัก 600 เพราะต้องสมัครแพ๊คเกจ 2 ครั้ง (แพ๊คเกจมีอายุ 8 วัน เราไปตั้ง 15 วันแน่ะ) ส่วน 4G ที่ได้มาครั้งละ 4GB
เราเน้นใช้เปิด Google Maps, เช็คตารางรถไฟใน Hyperdia, เล่น Pokemon Go และอัพรูปลง FB, IG เหลือๆค่ะ
จากนั้นก็แลกเงิน ถือว่าเป็นโชคดีของคนไทยค่าเงินเยนตกอย่างต่อเนื่อง เราแลกมาได้ 29.08 บาท
รวมเงินของเก่าจากทริปชูโกกุและที่แลกใหม่บวกเศษเหรียญอีก รวม 2xx,xxx เยนค่ะ มีคนถาม (ใครถาม 555) ว่าแลกทำไมเยอะๆ
คือเรามีค่าที่พักที่ต้องจ่ายสด ค่าเดินทางที่ยังไม่ได้ซื้อล่วงหน้า ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวและจิปาถะ อีกทั้งค่าอาหารที่ไม่รู้ว่าพอไปถึงอยากจะกินอะไร
จะกินดะหรือเปล่า เพราะเราไม่ซีเรียสเรื่องราคาเท่าไหร่ค่ะ อยากกินก็กิน เน้นสะดวกมากกว่าค่ะ (ตอนที่เขียนถึงตรงนี้ ทริปจบแล้ว สรุป
เหลือครึ่งนึงเลยค่ะ 555 ตกลงว่ากินน้อยกว่าที่คิด ฝากท้องร้านสะดวกซื้อค่อนข้างบ่อยเพราะต้องออกเดินทางแต่เช้าค่ะ)
เอาล่ะ เตรียมตัวพร้อมแล้ว!!!! ออกเดินทางกันเล้ยยย…
แค่อินโทรก็หมดโควต้าตัวอักษรละ
[CR] Kyushu เหนือ-ใต้ จัดไป 14 วันเต็ม!!!
เราได้มีโอกาสไปเที่ยวคิวชูคนเดียวเมื่อเดือนธันวาคม 2018 (ใช่ค่ะ 2018 ค่ะ -*-) เลยอยากจะมาแชร์ข้อมูลและเล่าประสบการณ์
เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่คนที่กำลังหาที่เที่ยว หรือกำลังจะวางแผนไปคิวชูนะคะ
ส่วนแรกของรีวิวนี้จะเป็นบทนำ ที่มาที่ไปของทริปที่เราตั้งใจเก็บไว้เป็นความทรงจำของเราค่ะ
ก็จะมีทั้งในเรื่องของการเตรียมตัว การวางแผน เราใส่เป็น spoil ไว้เผื่อใครไม่อยากอ่านจะได้ข้ามไปได้เลยนะคะ
ป.ล. ข้อมูลในรีวิวครั้งนี้เป็นของช่วงปี 2018 หากมีข้อมูลตรงไหนเปลี่ยนแปลงผิดพลาด ไม่ละเอียด รูปน้อยไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยค่ะ
ป.ล. 2 รูปไม่ได้สวยเหมือนรูปข้างบนทั้งหมดนะคะ 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แค่อินโทรก็หมดโควต้าตัวอักษรละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้