ถ้าจะให้พูดถึงประเทศยอดฮิตที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คงจะหนีไม่พ้น
ญี่ปุ่น ดินแดนปลาดิบ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม หรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่รอให้นักเดินทางทุกคน ได้มาเที่ยวชมกันอย่างสนุกสนาน เราจึงมั่นใจได้เลยว่า หากเพื่อน ๆ คนไหน ได้มาเยือนที่ญี่ปุ่น จะต้องประทับใจและหลงเสน่ห์กลิ่นอายทางวัฒนธรรม และความน่ารักของผู้คน ในแดนแห่งอาทิตย์อุทัยแน่นอน
สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น วันนี้เราจะมาขอแนะนำ
คิวชูหรือภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เกาะหลักที่อยู่ทางตอนใต้และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ และความน่าเที่ยวที่ไม่น้อยกว่าใคร ที่นี้ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ซะกะ (Saga) นางาซากิ (Nagasaki) คุมาโมโตะ (Kumamoto) โออิตะ (Oita) มิยะซะกิ (Miyazaki) และคะโงะชิมะ (Kagoshima)
เนื่องจากเป็นเกาะทางตอนใต้ จึงทำให้ที่นี้มีอากาศอบอุ่น และโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา นอกจากนี้ ที่คิวชูยังมีแหล่งน้ำพุร้อนยอดนิยม และอาหารพื้นเมืองนานาชนิด ให้เราได้ลิ้มรสต้นตำรับแท้ ๆ รับรองว่า นักท่องเที่ยวจะต้องติดใจในความอร่อย รวมถึงตกหลุมรัก ณ สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย บนภูมิภาคแห่งนี้แน่นอน ในเมื่อทำความรู้จักกับคิวชูเบื้องต้นกันแล้ว เรามาเริ่มตะลุย 14 เมือง ในแต่ละจังหวัด และที่สำคัญจะพาเพื่อน ๆ ไปนั่ง Yufuin no mori รถไฟสายท่องเที่ยวด่วนพิเศษรอบเกาะทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น ที่ทางเราคัดมาแล้วว่าเลิศ ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันจ้า !!!
จังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka)
เมืองที่ 1 : อิโตะชิมะ (Itoshima)
ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศ ท้องฟ้าสวย ทะเลใส หาดทรายงาม ชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ต้องมาที่ อิโตะชิมะ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก และอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองฟุคุโอกะมากนัก สำหรับสายที่ชอบแชะภาพ ลงโซลเซียล คุณมาถูกทางแล้วค่ะ เพราะที่นี้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปยอดฮิต ที่เรียงรายตลอดริมหาดให้เราได้โพสท่ามากมาย
บนซ้าย Yashinokiblanco
บนขวา Sunset Cafe
ล่างซ้าย Sakurai Futamigaura's Couple Stones
ล่างขวา Jihangun
หรือ ถ้ามาช่วงฤดูหนาวที่ เมืองอิโตะชิมะ ห้ามพลาดอาหารทะเลขึ้นชื่อ อย่าง หอยนางรม ตัวใหญ่ ที่
ร้านคาคิโกะยะ เป็นร้านขายอาหารทะเลหลากหลายชนิด แถมมีปิ้งย่างด้วยนะเพื่อน ๆ ที่สำคัญรสชาติสด หวานมัน อร่อย ดีงามพระรามสี่มาก ต้องมาลองเลย
เมืองที่ 2 : ยะนะกาวะ (Yanagawa)
มาเมืองยะนะกาวะ ต้องไม่พลาดไฮไลต์
นั่งล่องเรือท้องแบนดงโกบูเนะ ในคลองยะนะกาวะ ที่มีระยะทางมากกว่า 470 กิโลเมตร ซึ่งสมัยก่อน คลองแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นระบบชลประทาน แต่ในปัจจุบันได้ปิดตัวลง และเปิดบริการเรือท่องเที่ยวแทน โดยจะมี คุณลุงหรือคุณพี่ที่ใส่ชุดพื้นเมือง จะเป็นคนพาเราไปล่องเรือชมทัศนียภาพ สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และต้นหลิวที่เรียงรายอยู่สองฝั่ง ยิ่งถ้าใครมาช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้เหล่านี้ ก็จะเปลี่ยนสีสันของใบไม้เป็นสีเหลืองปนแดง ออกมาได้ดูงดงามเลยทีเดียว นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้คลองยะนะกาวะ ได้รับสมญานามว่า
เวนิสแห่งคิวชู นั้นเอง
สำหรับใครที่มาเยือนเมืองนี้ ก็ต้องมาชิม
อูนางิ โนะ เซอิโระมูชิ อาหารขึ้นชื่อประจำเมืองยะนะกาวะ โดยวิธีการปรุงของเมนูนี้คือ เขาจะนำวัตถุดิบอย่าง ปลาไหลน้ำจืดมาหมักให้เข้าเนื้อและย่าง หลังจากนั้นก็จะนึ่งบนข้าว พร้อมเสิร์ฟบนกล่องไม้อย่างดี แถมรสชาติอร่อยมาก ใครได้กินจะติดใจ จนลืมไม่ลงเลย
จังหวัดซะกะ (Saga)
เมืองที่ 3 : อุเระชิโนะ (Ureshino)
ใครที่มาเมืองอุเระชิโนะ อย่าลืมมาแช่อนเซ็นนะคะ เพราะที่นี่ เขาโด่งดังในฐานะ บิฮาดะ โน ยู หรือ น้ำร้อนที่ทำให้ผิวสวย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกายได้อย่างดี
นอกจากนี้ อุเระชิโนะ ยังได้รับการยอมรับว่า ที่นี่คือ เมืองแห่งการปลูกชาเขียวคุณภาพดีที่สุดในจังหวัดซะกะ ดังนั้นใครที่ชอบดื่มชา เป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ควรพลาด
Ureshino Tea Tourism ประสบการณ์นั่งจิบชาเขียว พร้อมชมทัศนียภาพของเมือง ท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยไร่ชาที่สวยงามค่ะ
เมืองที่ 4 : คะชิมะ (Kashima)
เมืองคะชิมะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งนักท่องเที่ยวน้อยคนนัก จะรู้จักที่นี้ และที่สำคัญยังมี
ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ประจำจังหวัดซะกะ และมักเป็นฉากในละครให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะซีรีส์ไทย หรือญี่ปุ่นก็ตาม
ที่แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1687 เพื่อถวายแด่ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ นามว่า อินาริ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก มักจะนิยมมาสักการะ ขอพรเรื่องพืชผลทางการเกษตร และความสำเร็จทางด้านธุรกิจ แถมที่นี่ยังมีอีกจุดที่ เมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้ว ต้องไปโพสท่าถ่ายรูป ก็ตรงส่วนหน้าศาลเจ้า ก็ยังมีสะพานสีแดงคู่กับแม่น้ำสายเล็ก ๆ และเขตอาคารเคลือบเงาสีแดงชาด ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามเลยทีเดียวค่ะ
จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki)
เมืองที่ 5 : ซาเซโบะ (Sasebo)
ขอเอาใจคนชอบชมไฟประดับหลากสีสัน ต้องมาที่
เฮาส์เทนบอช เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู สร้างขึ้นเมื่อปี 1992 โดยจำลองเอาบรรยากาศหมู่บ้านในประเทศเนเธอร์แลนด์มาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง กังหันลม และมีทุ่งทิวลิป อีกด้วย
สวนสนุกแห่งนี้ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก คนญี่ปุ่นและคนไทย เปิดให้เข้าชมทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ซึ่งช่วงค่ำจะมีการโชว์แสงสีของหลอดไฟล้านดวง LED ที่สวยงามตระการตา เราสามารถดูได้ตลอดทั้งปี
นอกจากสวนสนุกแห่งนี้แล้ว ที่เมืองซาเซโบะยังมีบริการเรือทัวร์นำเที่ยว ให้เราได้เพลิดเพลิน พร้อมชมทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงาม ของคุจูคุชิมะและรอบหมู่เกาะดัง 99 แห่งซาเซโบะแบบ Panorama จากจุดชมวิวบนเรือได้อีกด้วย
Kujukushima Pearl Sea Resort
เมืองที่ 6 : ฮาซามิ (Hasami)
ใครที่ชื่นชอบสะสมเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม แก้ว ที่มีลวดลายน่ารัก มีสไตล์ทันสมัย ที่สำคัญคุณภาพดี เราขอป้ายยาพวกเธอมาที่
ฮาซามิ เมืองเครื่องเคลือบดินเผาเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมมาก ๆ ในหมู่วัยรุ่น ที่ฮาซามิ มีการนำเอาเทคนิคสมัยใหม่ บวกความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของที่นี้ ดูมีชีวตชีวา
นอกจากจะได้ซึมซับกับประวัติศาสตร์ และชอปปิงเซรามิคแล้ว เรายังสามารถทำถ้วยชามด้วยตัวเองได้ แล้วนำกลับไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟและสายแชะรูป ต้องมาสัมผัส
นิชิโนะฮาระ (Nishinohara) ย่านการค้าในเมืองฮาซามิ ที่มีร้านคาเฟ่สุดชิค เรียงรายตามแนวถนน ที่สำคัญร้านในละแวกนี้ ใช้ถ้วยชามของฮาซามิกันค่ะ
และนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชอบงานศิลปะ ก็ต้องไม่พลาดมา
HIROPPA ที่สร้างขึ้นโดยศิลปินนามว่า มารุฮิโระ โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยกับเครื่องถ้วยชามของเมืองฮาซามิ ผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาดั้งเดิมของจังหวัดนางาซากิ ออกมาในรูปแบบของสวนสาธารณะ ที่นี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าหากเพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาส อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี้นะคะ
จังหวัดโออิตะ (Oita)
เมืองที่ 7 : ฮิตะ (Hita)
ฮิตะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าไม้แปรรูปที่ทำจากไม้สน สำหรับใครที่อยากท่องเที่ยวแบบพบปะ พูดคุยกับคนท้องถิ่น และเรียนรู้เสน่ห์เอโดะ ที่ซุกซ่อนอยู่ ต้องมาสัมผัสที่
หมู่บ้านมาเมดะ ซึ่งบรรยากาศในเมืองมีความคล้ายกับเกียวโตมาก ๆ
ที่นี้จึงได้รับสมญานามว่า ลิตเติ้ลเกียวโต ภายในหมู่บ้านนั้น เรียงรายไปด้วยร้านค้าจัดจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านเครื่องปั้นดินเผาอนตะ ร้านโชยุ ร้านรองเท้าเกะตะ เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของ
อาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ ผู้ให้กำเนิด
Attack on Titan (ผ่าพิภพไททัน) การ์ตูนระดับตำนานขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ดังไกลไปทั่วโลก รวมถึงที่ประเทศไทยด้วย ยิ่งถ้าคนไหนเป็นแฟนพันธุ์แท้อะนิเมะเรื่องนี้ จะต้องรู้สึกอินและมาตามรอยที่นี้แน่นอน เพราะฮิตะ มีทั้งพิพิธภัณฑ์ พร้อมจุดถ่ายรูปปั้นตัวละคร จาก Attack on Titan มากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเรา สามารถรับชมประสบการณ์ เรื่องราวและไอเดียต่าง ๆ ของผู้แต่ง ด้วยเทคนิค AR ผ่านสมาร์ตโฟนของตัวเองค่ะ
เขื่อนโอยะมะ
[BR] ตกหลุมรักรอบที่ล้าน ณ คิวชู ภูมิภาคน่ารักที่ใคร ๆ ก็คิดถึง
ถ้าจะให้พูดถึงประเทศยอดฮิตที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยากไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ก็คงจะหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น ดินแดนปลาดิบ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม หรือแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่รอให้นักเดินทางทุกคน ได้มาเที่ยวชมกันอย่างสนุกสนาน เราจึงมั่นใจได้เลยว่า หากเพื่อน ๆ คนไหน ได้มาเยือนที่ญี่ปุ่น จะต้องประทับใจและหลงเสน่ห์กลิ่นอายทางวัฒนธรรม และความน่ารักของผู้คน ในแดนแห่งอาทิตย์อุทัยแน่นอน
สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น วันนี้เราจะมาขอแนะนำ คิวชูหรือภูมิภาคคิวชู (Kyushu) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เกาะหลักที่อยู่ทางตอนใต้และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ และความน่าเที่ยวที่ไม่น้อยกว่าใคร ที่นี้ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดฟุคุโอกะ (Fukuoka) ซะกะ (Saga) นางาซากิ (Nagasaki) คุมาโมโตะ (Kumamoto) โออิตะ (Oita) มิยะซะกิ (Miyazaki) และคะโงะชิมะ (Kagoshima)
เนื่องจากเป็นเกาะทางตอนใต้ จึงทำให้ที่นี้มีอากาศอบอุ่น และโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา นอกจากนี้ ที่คิวชูยังมีแหล่งน้ำพุร้อนยอดนิยม และอาหารพื้นเมืองนานาชนิด ให้เราได้ลิ้มรสต้นตำรับแท้ ๆ รับรองว่า นักท่องเที่ยวจะต้องติดใจในความอร่อย รวมถึงตกหลุมรัก ณ สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย บนภูมิภาคแห่งนี้แน่นอน ในเมื่อทำความรู้จักกับคิวชูเบื้องต้นกันแล้ว เรามาเริ่มตะลุย 14 เมือง ในแต่ละจังหวัด และที่สำคัญจะพาเพื่อน ๆ ไปนั่ง Yufuin no mori รถไฟสายท่องเที่ยวด่วนพิเศษรอบเกาะทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น ที่ทางเราคัดมาแล้วว่าเลิศ ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันจ้า !!!
เมืองที่ 1 : อิโตะชิมะ (Itoshima)
ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศ ท้องฟ้าสวย ทะเลใส หาดทรายงาม ชมพระอาทิตย์ตกดิน ก็ต้องมาที่ อิโตะชิมะ ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก และอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองฟุคุโอกะมากนัก สำหรับสายที่ชอบแชะภาพ ลงโซลเซียล คุณมาถูกทางแล้วค่ะ เพราะที่นี้เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปยอดฮิต ที่เรียงรายตลอดริมหาดให้เราได้โพสท่ามากมาย
บนซ้าย Yashinokiblanco
บนขวา Sunset Cafe
ล่างซ้าย Sakurai Futamigaura's Couple Stones
ล่างขวา Jihangun
หรือ ถ้ามาช่วงฤดูหนาวที่ เมืองอิโตะชิมะ ห้ามพลาดอาหารทะเลขึ้นชื่อ อย่าง หอยนางรม ตัวใหญ่ ที่ร้านคาคิโกะยะ เป็นร้านขายอาหารทะเลหลากหลายชนิด แถมมีปิ้งย่างด้วยนะเพื่อน ๆ ที่สำคัญรสชาติสด หวานมัน อร่อย ดีงามพระรามสี่มาก ต้องมาลองเลย
เมืองที่ 2 : ยะนะกาวะ (Yanagawa)
มาเมืองยะนะกาวะ ต้องไม่พลาดไฮไลต์ นั่งล่องเรือท้องแบนดงโกบูเนะ ในคลองยะนะกาวะ ที่มีระยะทางมากกว่า 470 กิโลเมตร ซึ่งสมัยก่อน คลองแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นระบบชลประทาน แต่ในปัจจุบันได้ปิดตัวลง และเปิดบริการเรือท่องเที่ยวแทน โดยจะมี คุณลุงหรือคุณพี่ที่ใส่ชุดพื้นเมือง จะเป็นคนพาเราไปล่องเรือชมทัศนียภาพ สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และต้นหลิวที่เรียงรายอยู่สองฝั่ง ยิ่งถ้าใครมาช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้เหล่านี้ ก็จะเปลี่ยนสีสันของใบไม้เป็นสีเหลืองปนแดง ออกมาได้ดูงดงามเลยทีเดียว นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้คลองยะนะกาวะ ได้รับสมญานามว่า เวนิสแห่งคิวชู นั้นเอง
สำหรับใครที่มาเยือนเมืองนี้ ก็ต้องมาชิม อูนางิ โนะ เซอิโระมูชิ อาหารขึ้นชื่อประจำเมืองยะนะกาวะ โดยวิธีการปรุงของเมนูนี้คือ เขาจะนำวัตถุดิบอย่าง ปลาไหลน้ำจืดมาหมักให้เข้าเนื้อและย่าง หลังจากนั้นก็จะนึ่งบนข้าว พร้อมเสิร์ฟบนกล่องไม้อย่างดี แถมรสชาติอร่อยมาก ใครได้กินจะติดใจ จนลืมไม่ลงเลย
เมืองที่ 3 : อุเระชิโนะ (Ureshino)
ใครที่มาเมืองอุเระชิโนะ อย่าลืมมาแช่อนเซ็นนะคะ เพราะที่นี่ เขาโด่งดังในฐานะ บิฮาดะ โน ยู หรือ น้ำร้อนที่ทำให้ผิวสวย ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกายได้อย่างดี
นอกจากนี้ อุเระชิโนะ ยังได้รับการยอมรับว่า ที่นี่คือ เมืองแห่งการปลูกชาเขียวคุณภาพดีที่สุดในจังหวัดซะกะ ดังนั้นใครที่ชอบดื่มชา เป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ควรพลาด Ureshino Tea Tourism ประสบการณ์นั่งจิบชาเขียว พร้อมชมทัศนียภาพของเมือง ท่ามกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยไร่ชาที่สวยงามค่ะ
เมืองที่ 4 : คะชิมะ (Kashima)
เมืองคะชิมะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งนักท่องเที่ยวน้อยคนนัก จะรู้จักที่นี้ และที่สำคัญยังมี ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ (Yutoku Inari Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ประจำจังหวัดซะกะ และมักเป็นฉากในละครให้เราเห็นอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะซีรีส์ไทย หรือญี่ปุ่นก็ตาม
ที่แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1687 เพื่อถวายแด่ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ นามว่า อินาริ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก มักจะนิยมมาสักการะ ขอพรเรื่องพืชผลทางการเกษตร และความสำเร็จทางด้านธุรกิจ แถมที่นี่ยังมีอีกจุดที่ เมื่อนักท่องเที่ยวมาแล้ว ต้องไปโพสท่าถ่ายรูป ก็ตรงส่วนหน้าศาลเจ้า ก็ยังมีสะพานสีแดงคู่กับแม่น้ำสายเล็ก ๆ และเขตอาคารเคลือบเงาสีแดงชาด ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามเลยทีเดียวค่ะ
เมืองที่ 5 : ซาเซโบะ (Sasebo)
ขอเอาใจคนชอบชมไฟประดับหลากสีสัน ต้องมาที่ เฮาส์เทนบอช เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู สร้างขึ้นเมื่อปี 1992 โดยจำลองเอาบรรยากาศหมู่บ้านในประเทศเนเธอร์แลนด์มาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง กังหันลม และมีทุ่งทิวลิป อีกด้วย
สวนสนุกแห่งนี้ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจาก คนญี่ปุ่นและคนไทย เปิดให้เข้าชมทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน ซึ่งช่วงค่ำจะมีการโชว์แสงสีของหลอดไฟล้านดวง LED ที่สวยงามตระการตา เราสามารถดูได้ตลอดทั้งปี
นอกจากสวนสนุกแห่งนี้แล้ว ที่เมืองซาเซโบะยังมีบริการเรือทัวร์นำเที่ยว ให้เราได้เพลิดเพลิน พร้อมชมทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงาม ของคุจูคุชิมะและรอบหมู่เกาะดัง 99 แห่งซาเซโบะแบบ Panorama จากจุดชมวิวบนเรือได้อีกด้วย
Kujukushima Pearl Sea Resort
เมืองที่ 6 : ฮาซามิ (Hasami)
ใครที่ชื่นชอบสะสมเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม แก้ว ที่มีลวดลายน่ารัก มีสไตล์ทันสมัย ที่สำคัญคุณภาพดี เราขอป้ายยาพวกเธอมาที่ ฮาซามิ เมืองเครื่องเคลือบดินเผาเก่าแก่ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมมาก ๆ ในหมู่วัยรุ่น ที่ฮาซามิ มีการนำเอาเทคนิคสมัยใหม่ บวกความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของที่นี้ ดูมีชีวตชีวา
นอกจากจะได้ซึมซับกับประวัติศาสตร์ และชอปปิงเซรามิคแล้ว เรายังสามารถทำถ้วยชามด้วยตัวเองได้ แล้วนำกลับไปฝากคนที่บ้านอีกด้วย สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟและสายแชะรูป ต้องมาสัมผัส นิชิโนะฮาระ (Nishinohara) ย่านการค้าในเมืองฮาซามิ ที่มีร้านคาเฟ่สุดชิค เรียงรายตามแนวถนน ที่สำคัญร้านในละแวกนี้ ใช้ถ้วยชามของฮาซามิกันค่ะ
และนักท่องเที่ยวคนไหนที่ชอบงานศิลปะ ก็ต้องไม่พลาดมา HIROPPA ที่สร้างขึ้นโดยศิลปินนามว่า มารุฮิโระ โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยกับเครื่องถ้วยชามของเมืองฮาซามิ ผู้ผลิตเครื่องปั้นดินเผาดั้งเดิมของจังหวัดนางาซากิ ออกมาในรูปแบบของสวนสาธารณะ ที่นี้จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จุดเช็กอินที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าหากเพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาส อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี้นะคะ
เมืองที่ 7 : ฮิตะ (Hita)
ฮิตะ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าไม้แปรรูปที่ทำจากไม้สน สำหรับใครที่อยากท่องเที่ยวแบบพบปะ พูดคุยกับคนท้องถิ่น และเรียนรู้เสน่ห์เอโดะ ที่ซุกซ่อนอยู่ ต้องมาสัมผัสที่ หมู่บ้านมาเมดะ ซึ่งบรรยากาศในเมืองมีความคล้ายกับเกียวโตมาก ๆ
ที่นี้จึงได้รับสมญานามว่า ลิตเติ้ลเกียวโต ภายในหมู่บ้านนั้น เรียงรายไปด้วยร้านค้าจัดจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านเครื่องปั้นดินเผาอนตะ ร้านโชยุ ร้านรองเท้าเกะตะ เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของ อาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ ผู้ให้กำเนิด Attack on Titan (ผ่าพิภพไททัน) การ์ตูนระดับตำนานขึ้นหิ้งอีกเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ดังไกลไปทั่วโลก รวมถึงที่ประเทศไทยด้วย ยิ่งถ้าคนไหนเป็นแฟนพันธุ์แท้อะนิเมะเรื่องนี้ จะต้องรู้สึกอินและมาตามรอยที่นี้แน่นอน เพราะฮิตะ มีทั้งพิพิธภัณฑ์ พร้อมจุดถ่ายรูปปั้นตัวละคร จาก Attack on Titan มากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเรา สามารถรับชมประสบการณ์ เรื่องราวและไอเดียต่าง ๆ ของผู้แต่ง ด้วยเทคนิค AR ผ่านสมาร์ตโฟนของตัวเองค่ะ
เขื่อนโอยะมะ
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน