คิดจะมองตรองให้เห็นเช่นดังว่า
เนิ่นนานมาพาเลื่อนไหลใจเหนื่อยหนัก
ฝืนกันไปดันดึงไปไม่นานนัก
พลันผันหักกลิ้งคลุกฝุ่นจมธุลี

คิดจะมองตรองให้เห็นเป็นประจักษ์
เกวียนที่หักปรักพังไปไม่เป็นศรี
คิดจะมองตรองให้เห็นเข่นราคี
เกวียนที่ดีจักมีได้ใช้ทนนาน

เรื่องมุมมองของผมเอง กับชนชั้นในสังคม และความเป็นไปตามสมัยที่ผมได้สังเกตุเห็น
ข้อเขียนเหล่านี้ผมเพียงแต่ถ่ายทอดจากมุมมองอันแคบๆของผมเองเท่านั้นครับ ซึ่งอาจจริงแค่ที่ผมเห็น
แต่ อาจเท็จในความจริงนะครับ
...ชนชั้นทางสังคมในอดีต...ผมขอมองผ่านบทบาททางการเมืองเท่านั้น ดูเหมือนว่าชนชั้นกลางในอดีตจะมีบทบาทน้อยอยู่ ที่ว่าน้อยนั้น
ผมขอแยกชนชั้นกลางเป็น สามระดับ กลางสูง กลางๆ และกลางต่ำ
กลางสูงและกลางๆนั้น ส่วนมากเป็นผู้มีฐานะดีอยู่เดิมอยู่แล้ว จึงไม่กระทบกับการบริหารอิงแบบราชการอันเป็นธรรมเนียมปฎิบัติมากนัก ใครบริการก็ไม่ต่างกัน
ต่อมายุคหนึ่งมีความเปลี่ยนแปลงนโยบายทำให้ชนชั้นล่างระดับสูง และชนชั้นกลางระดับล่าง สามารถขยับฐานะให้ดีขึ้นได้ เรียกว่าได้รับโอกาสมากขึ้นว่างั้นเถอะ...เมื่อมีคนได้รับโอกาสก็ต้องมีคนเสียโอกาสด้วยแน่นอน คนชั้นกลางระดับสูง และกลางระดับกลางบางส่วน เริ่มได้รับผลกระทบจากคู่แข่งทางฐุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ จนรู้สึกไม่พอใจ  ตอนนี้ผมเห็นชนชั้นกลางมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันคนละขั้วอย่างชัดมากขึ้นทุกทีๆ...จนนำมาสู่ความขัดแย้งทางสังคมทุกวันนี้  สรุป รวมๆก็แค่ผลประโยชน์ขัดกันเท่านั้น  การเมืองยุคก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ทำให้ชนชั้นกลางเก่ากระเทือนจึงไม่สู้สนใจนักและพอใจกับสถานภาพของตัวเอง แต่พอการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงก่อให้เกิดชนชั้นกลางใหม่ ที่ได้รับโอกาสเลื่อนจากชนชั้นล่างขึ้นมา โดยนโยบายทางการเมืองที่เกิดขึ้น เท่ากับเพิ่มคู่แข่งอย่างมีนัยยะ นั่นคือที่มาของการต่อต้าน ....การคอรัปชั่นแค่ข้อกล่าวหาที่ยกมาอ้างก็เท่านั้นเอง จะแก้คอรัปชั่นผมเอง มองว่าบูรณาการระบบราชการได้ก็จะแก้ได้เอง...เพราะต้นตอมาจากตรงระบบ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลประวัติศาสตร์ประเทศแล้ว แน่นอนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข
ยิ่งไม่คิดจะแก้อย่างจริงจัง ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะขจัด หรือจำกัด การคอรัปชั่นให้น้อยลงได้...
...แค่มุมมองแคบๆของผมเท่านั้นครับ อย่าจริงจังนะครับ
*แก้ไขที่พิมพ์คำผิดครับ*