ด้วยหุ้นปลายปี เดือน พฤศจิภายน - ธันวาคม 2562 เกิดวิกฤตทำให้ผู้ลงทุนบางส่วนขาดทุนกันถ้วนหน้า
ผมเองก็ต้องสับเปลี่ยนพอร์ตหุ้นตนเอง อย่างหนี้ตายเช่นกัน โชคดีมีทุน กำไร-ขาดทุน ทางบัญชี แบบมีกำไรอยู่หลายพันบาท
จึงพยายามปรับพอร์ต ขายทิ้ง ให้ขาดทุนทางบัญชีน้อยที่สุดได้
ดังนั้นผลการที่ผมเริ่มลงทุนจริงๆ จาก
ม.ค 62 มีทุนอยู่ประมาณ 1 แสน บาท
เม.ย 62 มีทุนเพิ่มประมาณ 2 แสน บาท
พ.ค 62 เพิ่มทุนเป็นประมาณ 3 แสน บาท
-
-
พ.ย 62 ทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 4 แสน บาท
ธ.ค 62 ปรับพอร์ต ทุนเหลือ 1.8 แสนบาท เพราะเกิดวิกฤตเล็กๆ หุ้นตก เป็นว่าเล่น
ดังนั้นพอร์ตผม ณ.สิ้นวันที่ 2 ม.ค 63 เป็นดังนี้.
คือขาดทุนประมาณ 720.95 บาท แต่ ณ. เวลานี้ 3 ม.ค 63 ขาดทุนลดลง เพราะหุ้นกำลังขึ้นดี (แต่ผมได้ถอนเงินทุนออกจากพอร์ตไปแล้ว 1 แสนกว่าบาท ไปซื้อกองทุนรวม นอกตลาดหุ้น คือทุนผมยังประมาณเท่าเดิม เพียงแต่เปลี่ยนการลงทุน)
ต่อไปมาดู กำไรขาดทุนทางบัญขี ว่าผมจะขาดทุนไปเท่าไหร่ เมื่อเจอวิกฤคดเล็กน้อยๆ ช่วงเดือน พ.ย - ธ.ค 62 ตามรูป
เป็นอันว่าผมขาดทุนทางบัญชี อยู่ที่ 491 บาท
ดังนั้นรวมทั้งในพอร์ตด้วย ผมขาดทุน ประมาณ 1100 บาท. ตลอดการลงทุน ต้งแต่ 2 ม.ค 62 - 3 ม.ค 63
แต่เป้าหมายจริงๆ ของผมอยู่ที่ เงินปันผล ผมได้เงินปันผลที่บันทึกไว้ เริ่ม วันที่ 5/3/62 ดังรูปนี้.
เป็นอันว่าผมได้ปันผลมาทั้งหมด 13,287 บาท จากเงินลุงทุนในหุ้น ที่ค่อยๆ ลง จนครบ 4 แสนบาท
เมื่อหักกำไรขาดทุนในพอร์ตและทางบัญชีแล้ว ประมาณ 1,100 บาท
ผมได้กำไร ประมาณ 12,000 บาท ต่อปี คิดเป็น % ได้ดังนี้
(12000 / 400,000) X 100 = 3 % ต่อปี
แต่ผมไม่ได้ลงทุน เต็ม 4 แสนบาทตั้งแต่ต้น คือค่อยๆ เพิ่มและค่อยถอนออก ดังนั้นเงินทุนจริงๆ จึงไม่ถึง 4 แสนตลอดทั้งปี
ดังนั้นผลตอบแทนที่ผมลงทุนในหุ้น ได้มากกว่า 3 % ขึ้นไป คือประมาณ 4-5 % ต่อปี เมื่อลงทุนในหุ้นปันผลที่เป็นกองทุนในตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่
ถ้าเทียบกับผมฝากเงินธนวาคารออมทรัพย์แบบพีเศษ ดอกเบี้ย 1.2 % ต่อปี และต้องฝากเงินจำนวนเต็ม 4 แสนบาท ตั้งแต่ต้นปี
จะได้ดอกเบี้ยดังนี้ 400,000X1.2% = 4,800 บาท
จะเห็นว่าแม้ผมจะสนใจธรรม และปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง แต่เมื่ออยู่ในฐานะ ฆราวาส ผมก็ต้องทำงาน ลงทุน เก็บสสะสม เพื่อเลี้ยงตนและครอบครัว เคยเห็นว่าเรื่องการสะสมทรัพย์ไม่สำคัญไม่สนใจด้วยเป็นโสด ตอนวัยหนุ่มปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด พอมีครอบครัวชีวิตต้องลำบากขัดสนทุลักทุเล ไปเป็น 10 กว่าปี ที่เดียว
ถ้าอยู่ในเพศพระภิกขุ คงไม่เก็บสะสมอันใดเลย ปฏิบัติธรรมได้ขาวรอบยิ่งกว่านี้ แต่เมื่อบุญกรรมวาสนาบารมี ผลักดันมาอย่างนี้ ก็ต้องรักษาทั้งทางโลกและทางธรรมก็ย่อมเนินช้าไปเป็นธรรมดา.
สรุป การลงทุนในหุ้น แบบขอให้ได้มากกว่าฝากเงินธนาคาร แบบพิเศษ หรือได้สัก 3 % ขึ้น ตั้งแต่ มกราคม 2562 - มกราคม 2563
ผมเองก็ต้องสับเปลี่ยนพอร์ตหุ้นตนเอง อย่างหนี้ตายเช่นกัน โชคดีมีทุน กำไร-ขาดทุน ทางบัญชี แบบมีกำไรอยู่หลายพันบาท
จึงพยายามปรับพอร์ต ขายทิ้ง ให้ขาดทุนทางบัญชีน้อยที่สุดได้
ดังนั้นผลการที่ผมเริ่มลงทุนจริงๆ จาก
ม.ค 62 มีทุนอยู่ประมาณ 1 แสน บาท
เม.ย 62 มีทุนเพิ่มประมาณ 2 แสน บาท
พ.ค 62 เพิ่มทุนเป็นประมาณ 3 แสน บาท
-
-
พ.ย 62 ทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 4 แสน บาท
ธ.ค 62 ปรับพอร์ต ทุนเหลือ 1.8 แสนบาท เพราะเกิดวิกฤตเล็กๆ หุ้นตก เป็นว่าเล่น
ดังนั้นพอร์ตผม ณ.สิ้นวันที่ 2 ม.ค 63 เป็นดังนี้.
คือขาดทุนประมาณ 720.95 บาท แต่ ณ. เวลานี้ 3 ม.ค 63 ขาดทุนลดลง เพราะหุ้นกำลังขึ้นดี (แต่ผมได้ถอนเงินทุนออกจากพอร์ตไปแล้ว 1 แสนกว่าบาท ไปซื้อกองทุนรวม นอกตลาดหุ้น คือทุนผมยังประมาณเท่าเดิม เพียงแต่เปลี่ยนการลงทุน)
ต่อไปมาดู กำไรขาดทุนทางบัญขี ว่าผมจะขาดทุนไปเท่าไหร่ เมื่อเจอวิกฤคดเล็กน้อยๆ ช่วงเดือน พ.ย - ธ.ค 62 ตามรูป
เป็นอันว่าผมขาดทุนทางบัญชี อยู่ที่ 491 บาท
ดังนั้นรวมทั้งในพอร์ตด้วย ผมขาดทุน ประมาณ 1100 บาท. ตลอดการลงทุน ต้งแต่ 2 ม.ค 62 - 3 ม.ค 63
แต่เป้าหมายจริงๆ ของผมอยู่ที่ เงินปันผล ผมได้เงินปันผลที่บันทึกไว้ เริ่ม วันที่ 5/3/62 ดังรูปนี้.
เป็นอันว่าผมได้ปันผลมาทั้งหมด 13,287 บาท จากเงินลุงทุนในหุ้น ที่ค่อยๆ ลง จนครบ 4 แสนบาท
เมื่อหักกำไรขาดทุนในพอร์ตและทางบัญชีแล้ว ประมาณ 1,100 บาท
ผมได้กำไร ประมาณ 12,000 บาท ต่อปี คิดเป็น % ได้ดังนี้
(12000 / 400,000) X 100 = 3 % ต่อปี
แต่ผมไม่ได้ลงทุน เต็ม 4 แสนบาทตั้งแต่ต้น คือค่อยๆ เพิ่มและค่อยถอนออก ดังนั้นเงินทุนจริงๆ จึงไม่ถึง 4 แสนตลอดทั้งปี
ดังนั้นผลตอบแทนที่ผมลงทุนในหุ้น ได้มากกว่า 3 % ขึ้นไป คือประมาณ 4-5 % ต่อปี เมื่อลงทุนในหุ้นปันผลที่เป็นกองทุนในตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่
ถ้าเทียบกับผมฝากเงินธนวาคารออมทรัพย์แบบพีเศษ ดอกเบี้ย 1.2 % ต่อปี และต้องฝากเงินจำนวนเต็ม 4 แสนบาท ตั้งแต่ต้นปี
จะได้ดอกเบี้ยดังนี้ 400,000X1.2% = 4,800 บาท
จะเห็นว่าแม้ผมจะสนใจธรรม และปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง แต่เมื่ออยู่ในฐานะ ฆราวาส ผมก็ต้องทำงาน ลงทุน เก็บสสะสม เพื่อเลี้ยงตนและครอบครัว เคยเห็นว่าเรื่องการสะสมทรัพย์ไม่สำคัญไม่สนใจด้วยเป็นโสด ตอนวัยหนุ่มปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวด พอมีครอบครัวชีวิตต้องลำบากขัดสนทุลักทุเล ไปเป็น 10 กว่าปี ที่เดียว
ถ้าอยู่ในเพศพระภิกขุ คงไม่เก็บสะสมอันใดเลย ปฏิบัติธรรมได้ขาวรอบยิ่งกว่านี้ แต่เมื่อบุญกรรมวาสนาบารมี ผลักดันมาอย่างนี้ ก็ต้องรักษาทั้งทางโลกและทางธรรมก็ย่อมเนินช้าไปเป็นธรรมดา.