ซาอุดิอารเบียเพิ่งเรียนรู้ว่า; "การร้องเพลงและการเล่นดนตรี" ไม่มีข้อห้ามในศาสนาอิสลาม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

https://www.nbcnews.com/news/world/saudi-arabia-hosts-first-concert-female-performer-country-s-history-n827306

ทำไมมุสลิมไม่ควรยึดถือฮาดีษ เป็นหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม?

เพราะว่า ฮาดีษ เป็นเรื่องบอกเล่าจากปากต่อปาก โดยไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เมื่อมุสลิมฉลาดขึ้น จะหมดความ
เชื่อถือในฮาดีษ

ข้างล่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของฮาดีษที่เกี่ยวกับเรื่อง การร้องเพลงและการเล่นดนตรีในศาสนาอิสลาม


ซาอุดิอารเบียคือเมือง เกิดของศาสนาอิสลาม ดังนั้นผู้ที่ไม่เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลามที่แท้จริง จีงเชื่อว่าเพราะว่าซาอุดิอารเบีย ตือเมืองเกิดของศาสนาอิสลาม ทุกอย่างที่ นักวิชาการอรับซาอุดิอารเบียเขียนเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม จะต้องถูกต้องเสมอไป  ฮาดีษ เป็นแหล่งวิชาทางศาสนาอิสลามที่มนุษย์สร้างขึ้นจากเรื่องบอกเล่าต่อๆกันมา  ภายหลังจากที่ศาสดามูฮัมมัดเสียชีวิต ประมาณ 250-300 ปี หรือนานกว่านั้น เป็นต้นเหตุและแหล่งวิชา ที่ผู้ที่ต้องการทำลายศาสนาอิสลามใช้เป็นข้ออ้างอิงในเรื่องประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม

อัลกุรอานบัญญัติ {31:6} ไว้ว่า:

وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ لِيُضِلَّ عَنْ سَبِيلِ اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَيَتَّخِذَهَا هُزُوًا ۚ أُولَٰئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ مُهِينٌ {6}
[Shakir 31:6] And of men is he who takes instead frivolous discourse to lead astray from Allah's path without knowledge, and to take 
it for a mockery; these shall have an abasing chastisement.

{31:6} และในหมู่มนุษย์มีผู้แลกเอาเรื่องไร้สาระ เพื่อหลอกลวงผู้คนให้หลงออกจาก ทางของอัลลอฮฺ โดยปราศจากความรู้ และถือเอามันเป็นเรื่อง
ขบขัน (แนวทางของอัลลอฮฺ/อัลกุรอาน) ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ

 لَهْوَ الْحَدِيثِ  ละฮฺวาล ฮาดีษ    คือเรื่องราวที่เหลวไหลไร้สาระเช่นเรื่องบอกเล่าต่างๆ จากตำราฮาดีษที่ไม่อยู่ในบริบทของอัลกุรอาน ขัดกับหลักศรัทธาที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน

ดูเสมือนว่าอัลลอฮ์ทรงล่วงรู้ในเรื่องนี้ว่า จะมีผู้คนนำเรื่องไร้สาระต่างๆ ( لَهْوَ الْحَدِيثِ ละฮฺวาล ฮาดีษ)มาถือเป็นหลักการของศาสนาอิสลาม แทนอ้ลกุรอาน
พระองค์จึงทรงเตือนมุสลิม ไว้ในบัญญัติ{31:6} ตามที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้

และพระองค์ทรงบัญญัติเตือนไว้ ใน บัญญัติ 17:36 ไว้ว่า:

وَلَا تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ ۚ إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَٰئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا 

[Shakir 17:36] And follow not that of which you have not the knowledge; surely the hearing and the sight and the heart, all of these,      shall be questioned about that.
 
หมายความว่า:

อย่าติดตาม หรือปฏิบัติตาม หรือเชื่อเรื่องราวใดๆ ซึ่งเราไม่มีความรู้ อย่างแน่นอน  การฟังอย่างชัดเจน,การครวจสอบด้วยสายตา และหัวใจ จนแน่ใจในเรื่อง ราวนั้นๆ และหลังจากที่เรารู้เรื่องราวนั้นๆอย่างแน่นอนแล้วจึงเชื่อและปฏิบัติตาม,  เราจะต้องปฏิเสธเรื่องราวนั้นๆ  หลังจากที่เราได้พิจารณาว่าไม่ถูกต้องตามแนวทางของศาสนาอิสลาม ที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน  สิ่งเหล่านี้จะถูกสอบสวนในวันตัดสิน หากว่าเราไม่ใช้สิ่งดังกล่าวในการพิจารณาเรื่องราวนั้นๆก่อนที่เราจะเชื่อ
 
เมื่อมุสลิมผู้ใดได้ฟังเรื่องราวใดๆจาก ฮาดีษ ต่างๆที่ ใช้อ้างอิงอยู่ในสังคมมุสลิมทั้งในอดีตและในปัจจุบัน มุสลิมจะต้องตรวจสอบให้แน่นอนว่า เรื่องราวนั้นๆอยู่ในบริบทและตรงกับแนวทางของอัลลอฮ์ในอัลกุรอานเสียก่อน  มิฉนั้น มุสลิมเราจะกลายเป็นคนไม่ฉลาด ที่อาจจะถูกหลอกลวง โดยมุสสิมด้วยกัน หรือจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม ผู้ที่มีใจลำเอียงหรือหวังร้ายค่อศาสนาอิสลาม ซึ่งมีอยู่มากตามเวบต่างๆ และบุคคลเหล่านี้ใช้ ฮาดีษเป็นข้ออ้างอิงในการพาให้มุสลิมออกนอกทางของ อัลลอฮ์  

กระทู้นี้แสดงให้เห็นว่า ชาวซาอุดิอารเบีย บางสังคมไม่ได้เดินตามทางของ "ฮาดีษ" เสมอไป ทั้งนี้เพราะว่าเรื่อง การร้องเพลง หรือ การเล่นดนตรีไม่มีข้อห้ามในศาสนาอิสลาม ไม่มีข้อห้ามในอัลกุรอาน อีกประการหนึ่งอยากจะเตือนมุสลิมว่า อัลกุรอานที่ใช้ ฮาดีษ อธิบาย จะทำให้ความหมายของอัลกุรอานผิดไปอย่างมากมาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่