กระทู้นี้สำหรับบุคคลทั่วไป ผู้ที่ต้องการสนทนาทางวิชาการ,ผู้ที่มีทัศนคติที่ดีต่อการสนทนาตามหลักการสนทนาของผู้ศรัทธา,โดยใช้เหตุผลและปราศจากอคติ คือไม่ใช่ประเภท Mindset (คือ มี a fixed mental attitude or disposition that predetermines a person's responses to and interpretations of situations หรือ An inclination or a habit.) คือการยึดถือทัศนคติซึ่งติดเป็นนิสัยนิสัยของตนเอง โดยที่ไม่ให้
โอกาศ กับตนเองในการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น, เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่ตนไม่เคยเข้าใจมาก่อน ซึ่งไม่จำเป็นจะที่ต้องเชื่อหรือปฏิบัติตาม ความคิดเห็นใหม่ๆเหล่านั้น จนกว่าที่จะพิจารณาด้วยสติปัญญาด้วยเหตุผลอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
สำหรับสมาชิกมุสลิม..กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับการตอบโต้ตอบเรื่องการตีความของบัญญัติในอัลกุรอาน 24:30 และ 24:31, ทั้งนี้เพราะว่าได้มีการอธิบายตอบโต้กันอย่างละเอียดและอย่างพอเพียงแล้วในกระทู้อื่นๆก่อนหน้ากระทู้นี้, ซึ่งเป็นเรื่องของการสวมฮิญาบโดยเฉพาะ, ทั้งนี้เพราะว่าความขัดแย้งนั้นเกิดจากการตีความหมาย บัญญัติในอัลกุรอาน ที่ไม่ตรงกันของนักวิชาการทางศาสนา
กระทู้นี้ต้องการแสดงให้เห็นว่า การออกกฏหมายตามหลักการความคิดทางศาสนาของหัวหน้ารัฐ ที่ปราศจากความยุติธรรมนั้นย่อมไม่นำมาซึ่งระบบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยได้ เนื่องจากกฏหมายชาเรียในประเทศต่างๆไม่มีมารตฐานเดียวกัน
เมื่อมองดูประเทศมุสลิมที่ใช้กฏหมาย ชาเรีย ปกครองประเทศนั้นจะเห็นว่า อำนาจของกฏหมายชาเรียนี้เป็นกฏหมายที่มีประสิทธิภาพบังคับใช้ได้กับสามัญชนชาวบ้าน ธรรมดาที่ไม่มีปากมีเสียงหรือมีอำนาจเท่านั้น, ทั้งนี้เพราะว่า กฏหมายชาเรียที่ใช้ในประเทศต่างๆที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่นั้น ไม่ใช่เป็นบัญญัติของพระเจ้าโดยตรงตามอัลกุรอาน แต่เป็นกฏหมายของมนุษย์ ซึ่งอ้างบางส่วนของบัญญัติจากอัลกุรอาน นำมาประยุกต์ใช้,
แต่ส่วนมากมาจากความเห็นชอบร่วมกันของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม จะด้วยการแต่งตั้งหรือการได้รับคุณวุฒิความรู้ทางศาสนาอิสลามระดับสูงจากสถาบันการสอนศาสนาก็ตาม จากลิ้งค์
http://www.irfi.org/articles/articles_1651-1700/hijab_in_not_a_choice_in_saudi_a.htm
HIJAB is NOT a choice in Saudi Arabia
By Judith A. Klinghoffer (bio)
SINFUL PLEASURES: Risking the wrath of the religious police, a woman in Mecca, Saudi Arabia, loosens her veil to eat an ice cream
“We must all reach out” Ezrinal Azis (author of Heart Stories) recommends quoting Queen Rania sympathetically:
The hijab is a choice — a woman wears hijab because she believes in it and she has the right to wear it, not because she is forced to.
Hijab should be a choice. There are places where hijab is a choice.
But often it is NOT. Not only was a 16 year old girl living in Canada murdered by her father (and/or brother) for not wearing itbut there are places where it is mandatory, a Saudi human rights activist reminds us:
In Saudi Arabia (the birth place of Islam and home to its holy shrines) if a woman does not wear Hijab, she incurs humiliation, interrogation, stigmatization and sometimes lashing and prison.
The Westerners do not reject Islam because it’s Islam; they resent the faith because of what’s being done in its name and its Shariah laws; such as stoning, oppression of women and religious minorities, incitement and fatwas against non-Muslims, endless supply of suicide bombers, chopping people’s heads and extremities and lack of tolerance for non-Muslims.
Christian churches, Jewish synagogues, Muslim minorities’ shrines and Buddhist Statues are attacked, demolished and are not allowed in most Muslim societies.
Instead of being defensive and defend what’s obviously wrong, we Muslims must think of revisiting the interpretation of the Quran, the Shariah law and the Hadith and see if Islam has been hijacked by extremists and dictators or is it inherently violent faith as many non-Muslims seem to say and think.
This is our challenge and this is what we should think of doing and in my opinion, the sooner the better.
Respectfully,
Ali H. Alyami, Ph. D. (native of Saudi Arabia)
Executive Director, The Center for Democracy and Human Rights in Saudi Arabia
.........
ผู้เขียนเตือนโดยให้คำแนะนำว่า;
สำหรับมุสลิมแทนที่จะพยายามต่อต้านและแก้ตัวในความผิดที่กระทำ ที่เห็นกันอย่างทนโท่ มุสลิมจะต้องพิจารณาการตีความหมายของอัลกุรอานให้ถูกต้อง, พิจารณากฏหมายและการใช้ฮาดีษมาอ้างอิงอย่างยุติธรรมและถูกต้อง
จากบทความข้างบนนี้จะเห็นว่า การไม่สวมฮิญาบนั้น ผิดกฏหมายของประเทศซาอุดิอารเบีย แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราฟังการบรรยายและการแต่งตัวของสตรีอรับในระดับสังคมชั้นสูง จะเห็นว่า กฏหมายของซาอุดิอารเบียไม่อาจจะใช้บังคับบุคคลเหล่านี้ได้ ทั้งนี้เพราะว่า อิสลามไม่ได้บังคับให้สตรีมุสลิมสวมฮิญาบและชาวอรับเข้าใจดีว่ามันเป็นเพียงประเพณีอรับและเกิดจากการตีความหมายบัญญัติในอัลกุรอานด้วยความเข้าใจที่ต่างกัน, และมันเป็นทางเลือกของสตรีมุสลิมว่าจะสวมหรือไม่สวม การตัดสินในเรื่องนี้เป็นสิทธิของพระเจ้าเท่านั้น
จากคลิป ข้างล่างนี้ จะเข้าใจได้จากคำบรรยายและการแต่งตัวของสตรีมุสลิมที่มาร่วมงาน ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐ, แต่ไม่มีความผิด หรือถูกจับไปลงโทษ, จะเห็นได้ว่า วิธีการปกครองของประเทศมุสลิมที่ใช้ศาสนามาเป็นส่วนในการปกครองของรัฐนั้นจึงไม่อาจจะให้ความยุติธรรมและเสรีภาพที่เสมอภาคต่อประชาชนมุสลิมได้ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน
กฏหมายสองบรรทัดฐานในประเทศซาอุดิอารเบียในเรื่อง "ฮิญาบ"
โอกาศ กับตนเองในการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น, เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเข้าใจบางสิ่งบางอย่างที่ตนไม่เคยเข้าใจมาก่อน ซึ่งไม่จำเป็นจะที่ต้องเชื่อหรือปฏิบัติตาม ความคิดเห็นใหม่ๆเหล่านั้น จนกว่าที่จะพิจารณาด้วยสติปัญญาด้วยเหตุผลอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
สำหรับสมาชิกมุสลิม..กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับการตอบโต้ตอบเรื่องการตีความของบัญญัติในอัลกุรอาน 24:30 และ 24:31, ทั้งนี้เพราะว่าได้มีการอธิบายตอบโต้กันอย่างละเอียดและอย่างพอเพียงแล้วในกระทู้อื่นๆก่อนหน้ากระทู้นี้, ซึ่งเป็นเรื่องของการสวมฮิญาบโดยเฉพาะ, ทั้งนี้เพราะว่าความขัดแย้งนั้นเกิดจากการตีความหมาย บัญญัติในอัลกุรอาน ที่ไม่ตรงกันของนักวิชาการทางศาสนา
กระทู้นี้ต้องการแสดงให้เห็นว่า การออกกฏหมายตามหลักการความคิดทางศาสนาของหัวหน้ารัฐ ที่ปราศจากความยุติธรรมนั้นย่อมไม่นำมาซึ่งระบบการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยได้ เนื่องจากกฏหมายชาเรียในประเทศต่างๆไม่มีมารตฐานเดียวกัน
แต่ส่วนมากมาจากความเห็นชอบร่วมกันของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม จะด้วยการแต่งตั้งหรือการได้รับคุณวุฒิความรู้ทางศาสนาอิสลามระดับสูงจากสถาบันการสอนศาสนาก็ตาม จากลิ้งค์
http://www.irfi.org/articles/articles_1651-1700/hijab_in_not_a_choice_in_saudi_a.htm
HIJAB is NOT a choice in Saudi Arabia
By Judith A. Klinghoffer (bio)
SINFUL PLEASURES: Risking the wrath of the religious police, a woman in Mecca, Saudi Arabia, loosens her veil to eat an ice cream
“We must all reach out” Ezrinal Azis (author of Heart Stories) recommends quoting Queen Rania sympathetically:
The hijab is a choice — a woman wears hijab because she believes in it and she has the right to wear it, not because she is forced to.
Hijab should be a choice. There are places where hijab is a choice. But often it is NOT. Not only was a 16 year old girl living in Canada murdered by her father (and/or brother) for not wearing itbut there are places where it is mandatory, a Saudi human rights activist reminds us:
In Saudi Arabia (the birth place of Islam and home to its holy shrines) if a woman does not wear Hijab, she incurs humiliation, interrogation, stigmatization and sometimes lashing and prison.
The Westerners do not reject Islam because it’s Islam; they resent the faith because of what’s being done in its name and its Shariah laws; such as stoning, oppression of women and religious minorities, incitement and fatwas against non-Muslims, endless supply of suicide bombers, chopping people’s heads and extremities and lack of tolerance for non-Muslims.
Christian churches, Jewish synagogues, Muslim minorities’ shrines and Buddhist Statues are attacked, demolished and are not allowed in most Muslim societies.
Instead of being defensive and defend what’s obviously wrong, we Muslims must think of revisiting the interpretation of the Quran, the Shariah law and the Hadith and see if Islam has been hijacked by extremists and dictators or is it inherently violent faith as many non-Muslims seem to say and think.
This is our challenge and this is what we should think of doing and in my opinion, the sooner the better.
Respectfully,
Ali H. Alyami, Ph. D. (native of Saudi Arabia)
Executive Director, The Center for Democracy and Human Rights in Saudi Arabia
.........
ผู้เขียนเตือนโดยให้คำแนะนำว่า;
สำหรับมุสลิมแทนที่จะพยายามต่อต้านและแก้ตัวในความผิดที่กระทำ ที่เห็นกันอย่างทนโท่ มุสลิมจะต้องพิจารณาการตีความหมายของอัลกุรอานให้ถูกต้อง, พิจารณากฏหมายและการใช้ฮาดีษมาอ้างอิงอย่างยุติธรรมและถูกต้อง
จากบทความข้างบนนี้จะเห็นว่า การไม่สวมฮิญาบนั้น ผิดกฏหมายของประเทศซาอุดิอารเบีย แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราฟังการบรรยายและการแต่งตัวของสตรีอรับในระดับสังคมชั้นสูง จะเห็นว่า กฏหมายของซาอุดิอารเบียไม่อาจจะใช้บังคับบุคคลเหล่านี้ได้ ทั้งนี้เพราะว่า อิสลามไม่ได้บังคับให้สตรีมุสลิมสวมฮิญาบและชาวอรับเข้าใจดีว่ามันเป็นเพียงประเพณีอรับและเกิดจากการตีความหมายบัญญัติในอัลกุรอานด้วยความเข้าใจที่ต่างกัน, และมันเป็นทางเลือกของสตรีมุสลิมว่าจะสวมหรือไม่สวม การตัดสินในเรื่องนี้เป็นสิทธิของพระเจ้าเท่านั้น
จากคลิป ข้างล่างนี้ จะเข้าใจได้จากคำบรรยายและการแต่งตัวของสตรีมุสลิมที่มาร่วมงาน ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐ, แต่ไม่มีความผิด หรือถูกจับไปลงโทษ, จะเห็นได้ว่า วิธีการปกครองของประเทศมุสลิมที่ใช้ศาสนามาเป็นส่วนในการปกครองของรัฐนั้นจึงไม่อาจจะให้ความยุติธรรมและเสรีภาพที่เสมอภาคต่อประชาชนมุสลิมได้ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ที่บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน