สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
คนที่กล้าบอกว่าไทยเกินดุลคือดี นี่ได้ดูมั้ยครับว่ามันเกินดุลเพราะอะไร
ส่งออกลดลงก็จริง แต่เงินเกินดุลกลับเยอะกว่า เพราะการนำเข้าน้อยลง ไตรมาสล่าสุดนำเข้าหายไป 11%
การที่นำเข้าน้อยลงมันบอกว่าภาคประชาชนใช้เงินน้อยลง เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำ, คนตกงาน เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ C ลดน้อยลง
แถมด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่เคยลงทุนปีละ +10% แต่ปีนี้ลงทุนไม่ถึง +1% ก็ยิ่งบอกได้ว่าเศรษฐกิจแย่ขนาดไหน
แล้วไอคนที่บอกว่าเกินดุลๆเนี่ย หลับหูหลับตาฟังมาแต่สื่อที่บิดเบือนของพวกตัวเองแล้วก็บอกว่าดีๆๆ
แล้วอีกสาเหตุก็คือเงินเข้าจากการท่องเที่ยวเนี่ยก็กดให้เงินบาทแข็งขึ้น แต่คำถามคือส่วนเกินดุลเนี่ย มันเข้ามาแต่มันไม่ออก คือคนได้เงินเข้ามาแต่ไม่จับจ่าย ไม่ใช้จ่าย คนเก็บเงินอย่างเดียว ยิ่งบ่งบอกว่าความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนต่ำขนาดไหน
เคยอ่านมาว่าปกติเงินหมุนเฉลี่ย 12 รอบ แต่ล่าสุดมาเหลือเงินหมุนในระบบแค่ 6 รอบ แสดงว่ามันมีช่องที่คนได้มาแล้วเก็บทำให้เงินไม่หมุน ก็คือความเหลื่อมล้ำที่เจ้าสัวรวยขึ้นเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา
แล้วแบบนี้แม่มดียังไง ไม่ใช่ฟังมาแต่ว่าเกินดุลคือดีๆๆ คือต้องคิดให้มันเยอะกว่านี้ไม่ใช่ฟังแล้วเชื่อ คิดไม่เป็น ใครบอกอะไรมาเชื่ออย่างเดียว
ส่งออกลดลงก็จริง แต่เงินเกินดุลกลับเยอะกว่า เพราะการนำเข้าน้อยลง ไตรมาสล่าสุดนำเข้าหายไป 11%
การที่นำเข้าน้อยลงมันบอกว่าภาคประชาชนใช้เงินน้อยลง เพราะปัญหาความเหลื่อมล้ำ, คนตกงาน เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ C ลดน้อยลง
แถมด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่เคยลงทุนปีละ +10% แต่ปีนี้ลงทุนไม่ถึง +1% ก็ยิ่งบอกได้ว่าเศรษฐกิจแย่ขนาดไหน
แล้วไอคนที่บอกว่าเกินดุลๆเนี่ย หลับหูหลับตาฟังมาแต่สื่อที่บิดเบือนของพวกตัวเองแล้วก็บอกว่าดีๆๆ
แล้วอีกสาเหตุก็คือเงินเข้าจากการท่องเที่ยวเนี่ยก็กดให้เงินบาทแข็งขึ้น แต่คำถามคือส่วนเกินดุลเนี่ย มันเข้ามาแต่มันไม่ออก คือคนได้เงินเข้ามาแต่ไม่จับจ่าย ไม่ใช้จ่าย คนเก็บเงินอย่างเดียว ยิ่งบ่งบอกว่าความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนต่ำขนาดไหน
เคยอ่านมาว่าปกติเงินหมุนเฉลี่ย 12 รอบ แต่ล่าสุดมาเหลือเงินหมุนในระบบแค่ 6 รอบ แสดงว่ามันมีช่องที่คนได้มาแล้วเก็บทำให้เงินไม่หมุน ก็คือความเหลื่อมล้ำที่เจ้าสัวรวยขึ้นเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา
แล้วแบบนี้แม่มดียังไง ไม่ใช่ฟังมาแต่ว่าเกินดุลคือดีๆๆ คือต้องคิดให้มันเยอะกว่านี้ไม่ใช่ฟังแล้วเชื่อ คิดไม่เป็น ใครบอกอะไรมาเชื่ออย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 3
ค้าขายเกินดุลต่อเนื่องทำให้ เงินบาทถูกมองว่าเป็น safe haven จึงมีความต้องการเงินบาท เงินก็เลยแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับ usd ตามหลัก demand supply อะไรที่มีความต้องการสูงมักจะมีราคาแพง
จริงๆก็ไม่ต้องตกใจเท่าไรครับ เราก็เคยแข็งค่าแบบนี้มาก่อนเช่นช่วงปี 2553-2554 เคยแข็งไปถึง 28 บาทต่อ usd
อีกอย่างเวลาเราซื้อขายของต่างประเทศ เราขายกันเป็น usd ไม่ได้ขายเป็นบาทดังนั้น ถ้าค่าเงินบาทแข็ง ไม่ได้แปลว่าของที่เราขายจะแพงขึ้น เพียงแต่ผู้ส่งออกเมื่อ convert มาเป็นบาทจะได้เงินน้อยลง
แต่การที่เงินบาทแข็งก็ทำให้เรานำเข้าสินค้าต่างๆได้ถูกลงเช่นน้ำมัน หรือ สินค้าทุนที่นำเข้าต่างๆ นอกจากนี้หนี้ต่างประเทศก็จะลดลงด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปี 40 ที่ค่าเงินบาทอ่อนทีเดียวไป 50 บาทต่อ usd คนถึงเจ็งกันระนาวเพราะหนี้จาก 100 บาทกลายเป็น 200 ภายในคืนเดียว ครับ
จริงๆก็ไม่ต้องตกใจเท่าไรครับ เราก็เคยแข็งค่าแบบนี้มาก่อนเช่นช่วงปี 2553-2554 เคยแข็งไปถึง 28 บาทต่อ usd
อีกอย่างเวลาเราซื้อขายของต่างประเทศ เราขายกันเป็น usd ไม่ได้ขายเป็นบาทดังนั้น ถ้าค่าเงินบาทแข็ง ไม่ได้แปลว่าของที่เราขายจะแพงขึ้น เพียงแต่ผู้ส่งออกเมื่อ convert มาเป็นบาทจะได้เงินน้อยลง
แต่การที่เงินบาทแข็งก็ทำให้เรานำเข้าสินค้าต่างๆได้ถูกลงเช่นน้ำมัน หรือ สินค้าทุนที่นำเข้าต่างๆ นอกจากนี้หนี้ต่างประเทศก็จะลดลงด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปี 40 ที่ค่าเงินบาทอ่อนทีเดียวไป 50 บาทต่อ usd คนถึงเจ็งกันระนาวเพราะหนี้จาก 100 บาทกลายเป็น 200 ภายในคืนเดียว ครับ
แสดงความคิดเห็น
ค่าเงินบาทแข็งค่าขนาดนี้ มันเพราะอะไรกันแน่ครับ