เป็นคนชอบบริจาคเลือดค่ะ บริจาค 3 เดือนครั้ง ตามข้อปฏิบัติของ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ถ.อังรีดูนังต์นะคะ
คือเริ่มบริจาคเลือดตอนอายุ 17 ปีค่ะ มีหน่วยมารับบริจาคที่ร.ร.ค่ะ
พออยู่มหาลัยในกทม. มีป้าเป็นอ.พยาบาล พยาบาลสภากาชาด ป้า
เลยแนะนำให้ไปบริจาคที่ศูนย์บริการโหหิตแห่งชาติค่ะ ปกติก็เดินทาง
ไป-กลับที่นั่นโดยรถเมล์ค่ะ ถ้าไปบริจาคเลือดที่นั่นครั้งแรก เขาจะ
ตรวจกรุ๊ปเลือดให้ค่ะ ต่อให้เรารู้อยู่แล้ว เขาก็ตรวจให้ใหม่อยู่ดีค่ะ
ใครอยากรู้กรุ๊ปเลือด ลองไปบริจาคดูได้ค่ะ เราบริจาคถุง 350 ซีซี
มาตลอดค่ะ เพราะเป็นคนร่างเล็ก สูง 160 ซม. กระดูกเล็ก รอบข้อมือ
5.2 นิ้วเองค่ะ หนักไม่เคยถึง 50 กก.ค่ะ เคยหนักสุด 49 กก.ค่ะ
น้ำหนักประมาณ 47 กก.ค่ะ
ไม่ได้กลัวเข็ม ไม่ได้กลัวเลือด บริจาคแล้ว ไม่เคยเป็นลมค่ะ
เคยเลือดลอยครั้งนึงค่ะ(ความเข้มข้นเลือดต่ำกว่า 12.5) แต่ตอนนั้น
ประมาณเที่ยง เลยขอเขาไปกินข้าวก่อน แล้วกลับมาวัดอีกรอบ
ก็บริจาคได้ตามปกติค่ะ
เมื่อประมาณปี58 เริ่มมีชีพจรเร็วตอนวัดความดันค่ะ หลังจากนั้นก็
ไม่ได้ไปบริจาคค่ะ เพราะป่วยทางใจ ไม่ค่อยกินอะไร เลยทำให้
น้ำหนักลดลงไปเยอะค่ะ
จนปลายปี61 กลับมาบริจาคต่อค่ะ 3 เดือนครั้งเหมือนเดิมค่ะ แต่
ชีพจรเร็วเวลาวัดความดัน แต่ไปตรวจคลื่นหัวใจมาแล้ว ปกติค่ะ
น่าจะกดดันกับเครื่องวัดความดันไปแล้ว เพราะเคยไม่ผ่านหลายรอบ
ค่ะ จนต้องให้คนวัดให้ตลอดค่ะ เวลาไม่ได้บริจาคเลือดวัดกับเครื่อง
ก็ผ่านนะคะ ครั้งหน้าว่าจะลองหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกทางปาก
เวลาวัดความดันกับเครื่อง แบบเวลาที่มีคนช่วยวัดแล้วบอกให้ทำค่ะ
แล้วก็มีคนในนั้นเคยบอกค่ะ ว่ากินน้ำเย็นก็ช่วยลดชีพจรได้ค่ะ
เวลาครั้งถัดไปลืมตลอดค่ะ
จนถึงการบริจาคเลือด 2 ครั้งที่ผ่านมาค่ะ ครั้งที่แล้วก.ย.62
ตอนบริจาค เลือดไหลช้าค่ะ เครื่องดังเรื่อยๆค่ะ
พยาบาลถามว่าก่อนเข้ามาดื่มน้ำกี่แก้ว ตอบเขาตามตรงว่า 3
แก้วค่ะ(แต่ไม่ได้บอกต่อว่าแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องบริจาคค่ะ)
เครื่องดังเรื่อยๆค่ะ แต่ก็ได้เลือดเต็มถุงนะคะ ครั้งล่าสุด 28 ธ.ค.62
ที่ผ่านมานี้เองค่ะ พยาบาลเอาเข็มเสียบเลือดก็เข้าสายนะคะ แล้ว
เราก็ได้ยินพยาบาลบอกว่าเลือดไม่ไหล เลยหันไปมองที่สายต่ำลงไป
เห็นเลือดหยุดไปไม่ถึงถุงจริงด้วย พยายาลก็ลองปรับแขนให้เลือด
ไหลลงถุง กับบอกให้บีบอุปกรณ์แน่นๆนับ1 2 3 แล้วคลายออก
พยาบาลก็กดข้างๆข้อมือใต้นิ้วโป้ง แล้วก็บอกไม่ให้ขยับแขน
เลือดก็ไหลปกติค่ะ แต่พอพยาบาลไปสักพัก เราบีบอุปกรณ์เบาๆ
ขยับแต่นิ้วค่ะ เดี๋ยวแขนขยับ มือเราอยู่บนที่วางแขนค่ะ แล้วเครื่อง
ก็ดังอีกค่ะ พยาบาลก็มากดข้างข้อแล้วให้บีบ นับ123ปล่อย
เหมือนเดิมค่ะ แล้วก็บอกให้เราบีบอุปกรณ์ด้วย ตะกี้เราไม่บีบ
เราก็เลยบีบแล้วนับ123ปล่อยอย่างที่พยาบาลบอกค่ะ เครื่องก็
ดังอีกครั้ง2ครั้ง ก็ไม่ดังแล้วค่ะ จนเลือดเต็มถุง
แต่เราเพิ่งเคยเป็นอย่างนั้นค่ะ เลยลองถามดูว่าควรทำอย่างไรคะ?
ปกติดื่มน้ำเยอะคืนก่อนกับวันที่บริจาคเลือดค่ะ ว่าจะลองดื่มน้ำ
เยอะๆให้นานกว่านั้นหน่อยค่ะ ธาตุเหล็กเสริมที่เขาให้มา แต่ก่อน
ก่อนป่วยใจ ไม่ค่อยกินค่ะ เพราะเวลาไม่ได้เจ็บป่วยอะไรก็ไม่ได้
คิดกินยาอะไร สัก 10 วัน ก็ลืมกินไปเองค่ะ (อาหารเสริม เช่น
วิตซี ก็ลืมเหมือนกันค่ะ) แต่ก่อนเราชอบกินนมกล่องตราหมีน้ำผึ้ง
ด้วยค่ะ(มีธาตุเหล็กอยู่) ตอนนี้เขาปรับสูตร รสชาติไม่เหมือนเดิม
ไม่ชอบกินละ ตั้งแต่กลับมาบริจาคเลือดอีกก็พยามกินธาตุเหล็ก
ที่เขาให้มาทุกคืนค่ะ
บริจาคเลือด แต่เลือดไม่ค่อยไหล เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างคะ?
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ถ.อังรีดูนังต์นะคะ
คือเริ่มบริจาคเลือดตอนอายุ 17 ปีค่ะ มีหน่วยมารับบริจาคที่ร.ร.ค่ะ
พออยู่มหาลัยในกทม. มีป้าเป็นอ.พยาบาล พยาบาลสภากาชาด ป้า
เลยแนะนำให้ไปบริจาคที่ศูนย์บริการโหหิตแห่งชาติค่ะ ปกติก็เดินทาง
ไป-กลับที่นั่นโดยรถเมล์ค่ะ ถ้าไปบริจาคเลือดที่นั่นครั้งแรก เขาจะ
ตรวจกรุ๊ปเลือดให้ค่ะ ต่อให้เรารู้อยู่แล้ว เขาก็ตรวจให้ใหม่อยู่ดีค่ะ
ใครอยากรู้กรุ๊ปเลือด ลองไปบริจาคดูได้ค่ะ เราบริจาคถุง 350 ซีซี
มาตลอดค่ะ เพราะเป็นคนร่างเล็ก สูง 160 ซม. กระดูกเล็ก รอบข้อมือ
5.2 นิ้วเองค่ะ หนักไม่เคยถึง 50 กก.ค่ะ เคยหนักสุด 49 กก.ค่ะ
น้ำหนักประมาณ 47 กก.ค่ะ
ไม่ได้กลัวเข็ม ไม่ได้กลัวเลือด บริจาคแล้ว ไม่เคยเป็นลมค่ะ
เคยเลือดลอยครั้งนึงค่ะ(ความเข้มข้นเลือดต่ำกว่า 12.5) แต่ตอนนั้น
ประมาณเที่ยง เลยขอเขาไปกินข้าวก่อน แล้วกลับมาวัดอีกรอบ
ก็บริจาคได้ตามปกติค่ะ
เมื่อประมาณปี58 เริ่มมีชีพจรเร็วตอนวัดความดันค่ะ หลังจากนั้นก็
ไม่ได้ไปบริจาคค่ะ เพราะป่วยทางใจ ไม่ค่อยกินอะไร เลยทำให้
น้ำหนักลดลงไปเยอะค่ะ
จนปลายปี61 กลับมาบริจาคต่อค่ะ 3 เดือนครั้งเหมือนเดิมค่ะ แต่
ชีพจรเร็วเวลาวัดความดัน แต่ไปตรวจคลื่นหัวใจมาแล้ว ปกติค่ะ
น่าจะกดดันกับเครื่องวัดความดันไปแล้ว เพราะเคยไม่ผ่านหลายรอบ
ค่ะ จนต้องให้คนวัดให้ตลอดค่ะ เวลาไม่ได้บริจาคเลือดวัดกับเครื่อง
ก็ผ่านนะคะ ครั้งหน้าว่าจะลองหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยออกทางปาก
เวลาวัดความดันกับเครื่อง แบบเวลาที่มีคนช่วยวัดแล้วบอกให้ทำค่ะ
แล้วก็มีคนในนั้นเคยบอกค่ะ ว่ากินน้ำเย็นก็ช่วยลดชีพจรได้ค่ะ
เวลาครั้งถัดไปลืมตลอดค่ะ
จนถึงการบริจาคเลือด 2 ครั้งที่ผ่านมาค่ะ ครั้งที่แล้วก.ย.62
ตอนบริจาค เลือดไหลช้าค่ะ เครื่องดังเรื่อยๆค่ะ
พยาบาลถามว่าก่อนเข้ามาดื่มน้ำกี่แก้ว ตอบเขาตามตรงว่า 3
แก้วค่ะ(แต่ไม่ได้บอกต่อว่าแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำก่อนเข้าห้องบริจาคค่ะ)
เครื่องดังเรื่อยๆค่ะ แต่ก็ได้เลือดเต็มถุงนะคะ ครั้งล่าสุด 28 ธ.ค.62
ที่ผ่านมานี้เองค่ะ พยาบาลเอาเข็มเสียบเลือดก็เข้าสายนะคะ แล้ว
เราก็ได้ยินพยาบาลบอกว่าเลือดไม่ไหล เลยหันไปมองที่สายต่ำลงไป
เห็นเลือดหยุดไปไม่ถึงถุงจริงด้วย พยายาลก็ลองปรับแขนให้เลือด
ไหลลงถุง กับบอกให้บีบอุปกรณ์แน่นๆนับ1 2 3 แล้วคลายออก
พยาบาลก็กดข้างๆข้อมือใต้นิ้วโป้ง แล้วก็บอกไม่ให้ขยับแขน
เลือดก็ไหลปกติค่ะ แต่พอพยาบาลไปสักพัก เราบีบอุปกรณ์เบาๆ
ขยับแต่นิ้วค่ะ เดี๋ยวแขนขยับ มือเราอยู่บนที่วางแขนค่ะ แล้วเครื่อง
ก็ดังอีกค่ะ พยาบาลก็มากดข้างข้อแล้วให้บีบ นับ123ปล่อย
เหมือนเดิมค่ะ แล้วก็บอกให้เราบีบอุปกรณ์ด้วย ตะกี้เราไม่บีบ
เราก็เลยบีบแล้วนับ123ปล่อยอย่างที่พยาบาลบอกค่ะ เครื่องก็
ดังอีกครั้ง2ครั้ง ก็ไม่ดังแล้วค่ะ จนเลือดเต็มถุง
แต่เราเพิ่งเคยเป็นอย่างนั้นค่ะ เลยลองถามดูว่าควรทำอย่างไรคะ?
ปกติดื่มน้ำเยอะคืนก่อนกับวันที่บริจาคเลือดค่ะ ว่าจะลองดื่มน้ำ
เยอะๆให้นานกว่านั้นหน่อยค่ะ ธาตุเหล็กเสริมที่เขาให้มา แต่ก่อน
ก่อนป่วยใจ ไม่ค่อยกินค่ะ เพราะเวลาไม่ได้เจ็บป่วยอะไรก็ไม่ได้
คิดกินยาอะไร สัก 10 วัน ก็ลืมกินไปเองค่ะ (อาหารเสริม เช่น
วิตซี ก็ลืมเหมือนกันค่ะ) แต่ก่อนเราชอบกินนมกล่องตราหมีน้ำผึ้ง
ด้วยค่ะ(มีธาตุเหล็กอยู่) ตอนนี้เขาปรับสูตร รสชาติไม่เหมือนเดิม
ไม่ชอบกินละ ตั้งแต่กลับมาบริจาคเลือดอีกก็พยามกินธาตุเหล็ก
ที่เขาให้มาทุกคืนค่ะ