อีกปีกับการกางเต็นท์บน "เขาใหญ่"




กวางเดินแทะลูกไม้ข้างทาง นกเงือกบินผ่านให้เห็นเป็นเรื่องปกติ ถ้าโชคดีอาจเจอช้างป่าอยู่กลางถนนให้หัวใจเต้นตุ๊บๆ และที่เจอแน่ๆ คือพวกฝูงลิงเห็นแก่ตัวที่จะหยิบฉวยทุกอย่างด้วยความเร็วสูง



จุดหมายอยู่ไม่ไกลนักจากอ่างเก็บน้ำสายศร ผู้ร่วมทริปกว่า 10 ชีวิตเล็งพื้นที่ปักสมอบกยึดเต็นท์ทั้งสี่มุม สิ่งสำคัญคือการอ่านเกมให้ขาดว่าเต็นท์ไหนกรน
พลบค่ำ ฟ้าเริ่มมืดให้เห็นดาว เสียงกองไฟโหมพร้อมเสียงหรีดหริ่งเรไรไม่ขาดสาย ในขณะที่อุณหภูมิกดต่ำลงจนถึงระดับต้องจิบเบียร์

ทุกคนเข้าประจำที่ล้อมแสงไฟ เคาะช้อนเคาะถังให้เข้าจังหวะกับเสียงกีตาร์ชั้นเซียน บรรยากาศไหลไปเรื่อยๆ จนเริ่มกรึ่ม กระทั่งหูทั้งสองข้างเริ่มจับจังหวะเพลงได้ยากคล้ายกำลังฟังดนตรีแจ๊ส



อีกมุมนึง ไขมันหมูสามชั้นกำลังเกรียมหยดลงถ่านฟืนส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว ไส้กรอก ไส้อั่ว สะโพกไก่ปิ้ง และไม้เด็ดซี่โครงหมูที่ผ่านการหมักเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ จนเกือบเป็นแหนม

ทุกอย่างอร่อยขึ้นมากด้วยการดื่มด่ำธรรมชาติและความเมา

ลมหนาวไหลมาเอื่อยๆ พร้อมอาหารอุ่นๆ และแอลกอฮอล์ที่ทยอยไหลเข้าเส้นเลือดจนเต็มคราบ

พ้นเวลาเที่ยงคืน หนังตาเริ่มหนักเป็นช้าง ได้เวลาต้มผักต้มปลาแบ่งกันซดร้อนๆ ก่อนเข้านอน และช่วยกันเตือนครั้งสุดท้ายว่าเต็นท์ใครอยู่ตรงไหน

เสียงกรนไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว ทุกคนเมายับจนนอนหลับเหมือนเสียชีวิต



เช้าอีกวัน ผ้าเต็นท์เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง บางคนตื่นก่อนใครมาต้มกาแฟ และเตรียมอาหารเช้าแบบอเมริกัน แกล้มด้วยหมูสามชั้นย่างที่ยังพอเหลือจากมื้อก่อน



อ้อ เกือบลืม ข้าวต้มมัดย่างเป็นของหวานอันดับหนึ่ง กลิ่นใบตองเผาเข้ากับข้าวเหนียวมูนไส้กล้วยเป็นที่สุด



งานเลี้ยงเลิกแล้ว แดดเช้าเริ่มไล่สูงแยงตาบอกว่าถึงเวลากลับบ้าน ทุกคนถอดเก็บอุปกรณ์เต็นท์ ปัดๆ เช็ดๆ ตากแดด แล้วม้วนเก็บไว้ใช้อีกหลายโอกาสข้างหน้า



เสียงสตาร์ตรถทำเอาหลายคนใจหาย เครื่องยนต์กำลังเดินเครื่องพาเราถอยห่างจากธรรมชาติอีกครั้ง ... กลับไปเจอหน้าเมียซิลิโคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่