4 Tips ที่ควรรู้ ก่อนเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง
#เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวเมืองนอกต้นปี #ที่เที่ยวต่างประเทศต้นปี2020 #เที่ยวนอกเดือนมกราคม #เที่ยวนอกเดือนมีนาคม #เที่ยวนอกเดือนกุมภาพันธ์ #เที่ยวนอกเดือนเมษายน #เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี #แนะนำที่เที่ยวต่างประเทศ
จัดทริปสนุกสุดมันส์ เตรียมตัวไปเกาหลีช่วงไหนดี ต้องจัดอะไรไปบ้าง เรามีทิปส์แนะนำตั้งแต่เรื่องสภาพอากาศยันปลั๊กไฟ รับรองไปฤดูไหนก็สนุกได้ไม่มีพลาด !!!
อากาศร้อนตอนสิ้นปีขนาดนี้ มันน่าสะพายเป้หนีไปเที่ยวที่หนาวๆ เดินเล่นชิลๆ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้จริงๆนะ เพราะโซลมีทั้งที่เที่ยวเก๋ๆ มีการเดินทางที่สะดวกสบาย วันนี้แอดมินจะพาคุณเที่ยวเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องง้อทัวร์ ด้วยทริคเด็ดที่ต้องรู้ก่อนการเดินทาง สภาพอากาศเกาหลีช่วงไหนเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัว เตรียมของอะไรบ้าง ปลั๊กไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และวีซ่า ข้อมูลแน่นปึก ให้การตะลุยเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่ายดาย
1. วางแผนเตรียมตัวก่อนเดินทาง
เลือกช่วงเวลาน่าเที่ยวและเหมาะกับความชอบ
สามารถท่องเที่ยวเกาหลีได้เกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหยุดยาวปีใหม่ จะตรงกับช่วงฤดูหนาวที่เกาหลี โอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสปุยหิมะขาว หยุดยาวสงกรานต์ตรงกับฤดูใบไม้ผลิที่จะชมดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งรวมทั้งซากุระด้วย
หรือจะลาพักร้อนช่วงกันยายน – พฤศจิกายน เพื่อไปสัมผัสกับความงามใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้ แต่ถ้าจะไปช่วงหน้าร้อนโดยเฉพาะราวกรกฎาคม-สิงหาคม อาจไม่สะดวกในการเที่ยวเพราะเป็นช่วงลมมรสุม ถึงอย่างนั้นก็มีซัมเมอร์เซลส์ลดกระหน่ำที่นักช้อปไม่ควรพลาด
เลือกเมืองที่จะเดินทางไปเที่ยว
ต้องถามตัวคุณเองว่าชอบแบบไหน หากไม่เน้นเทศกาล ก็เลือกเมืองที่มีแลนด์มาร์คเด็ดโดนใจ ไม่ว่าจะเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง และธรรมชาติ แอดมินแนะนำ 5 สถานที่นี้เลยค่ะ
● พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) แผนที่ :
https://goo.gl/maps/4GpoLfgVKEE2
เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โซซอน ปัจจุบันภายในพระราชวังมีอาคารเพียง 10 หลังเท่านั้น จากเดิม 200 หลัง เพราะโดนเผาจากการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์และแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงโซลเลยก็ว่าได้ เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุด และยังมีฉากหลังของพระราชวัง เป็นอุทยานพูกักซาน ยิ่งทำให้พระราชวังสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งการได้มาเดินเที่ยวที่พระราชวังแห่งนี้ก็ทำให้ได้ซึมซับ เข้าใจประวัติศาสตร์ และรู้จักกับวัฒนธรรมเกาหลีมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
● เกาะนามิ (Nami Island) แผนที่ :
https://goo.gl/maps/LtBmTw1Mgr12
มาเที่ยวเกาหลีแล้ว จะพลาดที่เที่ยวแห่งนี้ไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะ “ เกาะนามิ ” เป็นเกาะที่โรแมนติดคที่สุดในเกาหลีเลยก็ว่าได้ค่ะ จึงทำให้เกาะนามิแห่งนี้นั้น ฮอตฮิตในหมู่คู่รักสุดๆ หากใครได้มาเที่ยวเกาะนามิ ก็จะได้เห็นคู่รักชาวเกาหลี มาเดทกันบนเกาะนามิเยอะมาก ซึ่งหากใครไม่มีคู่มาเที่ยว อาจจะรู้สึกอิจฉาความหวานของคู่รักที่มาเดทบทเกาะนี้แน่นอนค่ะ ความหวานจนน้ำตาลท่วมเกาะนามินี้ การันตีถึงความโรแมนติคของที่นี่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งหากใครเป็นแฟนคลับซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Winter Sonata ที่มีชื่อไทยว่า “ เพลงรักในสายลมหนาว ” ก็จะฟินมากยิ่งขึ้นเพราะซีรี่ส์เรื่องนี้ใช้เกาะนามิเป็นสถานที่ถ่ายทำ และเพราะความโด่งดังของซีรี่ส์เรื่องนี้จึงทำให้การท่องเที่ยวเกาหลีได้สร้างรูปปั้นคู่พระนาง ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย เกาะนามิจึงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกาหลีที่ต้องแวะมาเช็คอินอย่างพลาดไม่ได้เลยค่ะ
● สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland, 에버랜드) แผนที่ :
https://www.google.com/maps/dir//37.2939104,127.2025664/@37.31644,127.212133,11z?hl=th
สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี ภายในสวนสนุกแห่งนี้ มีสิ่งให้ดูให้ชมให้ละเล่นครบทุกสิ่ง ทุกฤดูกาลและตอบสนองได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งอยู่หุบเขาในเมืองยงอิน(Yongin) ทางตอนใต้ของกรุงโซล
เอเวอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ให้เลือกเล่นได้ตามความใจชอบทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียว สวนน้ำ สวนดอกไม้ ที่จัดตกแต่งสวนด้วยไม้ดอกนานาชาติ สลับกันตลอดทั้งปีและสวนสัตว์ซาฟารี ภายในสวนสัตว์ จุดเด่นอยู่ที่ไลเกอร์ สัตว์ลูกผสมระหว่างสัตว์กับเสือ ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก การเข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้ ต้องนั่งรถบัสของทางสวนสนุก บรรดาสัตว์ต่างๆจะออกมาอวดโฉมให้เราเห็นกันชัดๆ ชนิดประชิดกับคันรถเลยค่ะ
• ค่าผ่านประตูรวมค่าเครื่องเล่น : ผู้ใหญ่ (13 ปีขึ้นไป) 33,000 วอน / เด็ก (4-12 ปี) 22,000 วอน
• เวลาเปิดบริการ : 09.30-20.00 น. (เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิดถึง 22.00 น.)
● นัมซาน ทาวเวอร์หรือ โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower) แผนที่ :
https://goo.gl/maps/jYERi4eSUrz
เกาหลีใต้ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทัศนียภาพที่ถูกผสมผสานระหว่างความทันสมัยร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว การมาชมวิวทิวทัศน์ของเกาหลีจึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาหลีเลยล่ะค่ะ และเมื่อพูดถึงการชมวิวที่ดีที่สุดของเกาหลี ก็ต้องไปที่นี่ นัมซานทาวเวอร์ หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า โซลทาวน์เวอร์ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในทาวเวอร์ที่มีวิวสวยที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจากตั้งอยู่บนยอดเขานัมซังที่ สูงถึง 236 เมตร โดยด้านบนของที่นี่นั้นมีร้านอาหารที่จะหมุนทุกๆ 48 นาที เราจึงสามารถทานอาหารไป เพลิดเพลินกับวิวเมืองโซลสุดอลังการได้อย่างอิ่มเอมใจไปเลยค่ะ ซึ่งที่นัมซานทาวเวอร์ยังมีอีกจุดไฮไลท์สำคัญก็คือ “ ที่คล้องกุญแจคู่รัก Love Key Ceremony ” นั่นเองค่า ซึ่งคู่รักชาวเกาหลีมีความเชื่อกันว่า หากพากันมาคล้องกุญแจที่นี่จะทำให้รักกันตลอดไป ทำให้คู่รักจากทั่วโลกต่างเดินทางมาคล้องกุญแจที่นัมซานทาวเวอร์แห่งนี้ จนแน่นขนัดไปหมดเลยค่ะ
● ย่านช้อปปิ้งเมียงดง (Myeong-dong) แผนที่ :
https://goo.gl/maps/5DQEqxqESnE2
มาเที่ยวเกาหลี ต้องไม่พลาดเรื่องช้อปค่ะ ซึ่งแหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “ เมียงดง ” หากใครนึกภาพไม่ออก บรรยากาศของเมียงดงก็จะคล้ายๆกับสยามบ้านเรานั่นเองค่ะ เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เรียกได้ว่า อยากได้อะไรมาที่นี่ครบ จบที่เดียว ของซื้อของฝากเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ขึ้นชื่อของเกาหลี เครื่องประดับ เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า อาหารทานเล่น ขนมขบเคี้ยว มีหมดเลยค่ะคุณขา รับรองว่าเเดินกันจนลืมแวลาแน่นอนค่ะ
ตรวจสอบสภาพอากาศเกาหลี
ฤดูใบไม้ผลิ อยู่ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิโดยเฉลี่ย คือ 6-16 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ต้นไม้ผลิใบและดอกไม้เบ่งบาน อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การท่องเที่ยวแต่ก็อาจมีพายุทรายหรือฝุ่นจากประเทศจีนที่จะพัดมาในช่วงนี้ด้วย
ฤดูร้อน เริ่มต้นที่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22-38 องศาเซลเซียส อากาศร้อนไม่ต่างจากประเทศไทยเลยล่ะ และมีฝนตก เป็นช่วงที่ไม่เหมาะต่อการท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ เว้นแต่ต้องการไปช้อปเพราะเป็นช่วงซัมเมอร์เซลส์
ฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 -25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงไฮซีซั่นอากาศที่เกาหลีจะดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสี ราคาที่พักจึงแพงกว่าช่วงอื่นๆ
ฤดูหนาว เริ่มต้นเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ -5 – -20 องศา อากาศในช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก มีหิมะตกในบางวัน เป็นอีกช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและเล่นสกี
เตรียมวีซ่า
ข่าวดี! มีแค่พาสปอร์ต ก็ไปเที่ยวเกาหลีได้ไม่เกิน 90 วัน โดยพาสปอร์ตของคุณต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ถ้าอายุต่ำกว่า 17 ปี และเดินทางคนเดียว ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครองมาด้วย ส่วนใครที่เที่ยวยาวกว่า 90 วัน ขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตเกาหลี
จองตั๋วและที่พักล่วงหน้า ได้ราคาประหยัดกว่า
ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนมากนิยมบินไปลงที่โซลและปูซาน แต่ถ้ามีกำหนดช่วงเดินทางที่แน่นอน ขอบอกว่า ควรจอง 14 สัปดาห์ล่วงหน้าก่อนบินซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ได้ราคาตั๋วถูกที่สุด ส่วนที่พักนั้น เกาหลีมีทั้งโรงแรมแบบ 5 ดาว ไปจนถึงโรงแรมแบบเกสต์เฮ้าส์และอพาร์ตเมนท์ในราคาประหยัดให้คุณเลือกตามต้องการ
2. ก่อนออกเดินทางต้องทำอะไรบ้าง
วางแผนการเงิน เตรียมเงินสด บัตรเครดิต และเช็คเดินทาง
แอดมินแนะนำให้แลกเงินบาทเป็นเงินวอนจากธนาคารหรือร้านรับแลกเงินอย่างร้านซุปเปอร์ริชในบ้านเราไปเลย หากไม่อยากพกเงินสดไปเยอะ ให้ทำเช็คเดินทาง (ที่แลกเป็นเงินเกาหลีแล้ว) ได้ หรือใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายที่เกาหลีใต้ทีเดียวได้เลย เพราะไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม สำหรับนักช้อป อย่าลืมขอเพิ่มวงเงินบัตรเครเครดิตกับธนาคารเผื่อไว้ก่อน ดีกว่าต้องกดเงินสดหรือแลกเงินที่เกาหลีซึ่งจะได้เรทแพงมาช้อป
เตรียมใช้อินเตอร์เน็ตในเกาหลีใต้
แนะนำให้เช่าพ๊อกเก็ตไวไฟจากประเทศไทยไปเลย เพราะจะมีราคาถูกกว่าไปเช่าที่ประเทศเกาหลีใต้มาก .งราคาก็จะมีเริ่มต้นตั้งแต่ 150บาท/วัน สามารถหาเช่าได้ที่สนามบิน โดยแจ้งว่าเราบินวันไหน กลับวันไหน ระยะเวลากี่วัน ทางบริษัทที่ให้เช่าจะคำนวนเงินและค่ามัดจำตัวเครื่อง แอดมินแนะนำวิธีนี้มากกว่าการหาซื้อซิมใหม่ให้ยุ่งยากค่ะ
เตรียม T-Money และ Seoul City Pass เพื่อใช้กับระบบขนส่งสาธารณะ
ซื้อ T-money และ Seoul City Pass ไว้ใช้จ่ายค่ารถรถไฟฟ้า แท็กซี่ รถเมล์ แทนเงินสด โดยหาซื้อได้ที่สนามบิน ร้านสะดวกซื้อที่มีเครื่องหมายสัญลักษณ์ของบัตร และตามสถานีรถไฟใต้ดิน บัตรนี้มีทั้งแบบจ่ายรายครั้งและแบบเหมาหลายๆ วัน ขอบอกว่า มันสะดวกและประหยัดกว่าจ่ายเงินสดมากเลยค่ะ
เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อม
ของใช้จำเป็นที่เราพูดถึงนั้น นอกจากกระเป๋า กล้อง มือถือ พาวเวอร์แบงก์ และที่ชาร์จแล้ว ควรเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับฤดูกาล ของใช้ส่วนตัวตั้งแต่ของใช้ในห้องน้ำ ครีม เครื่องสำอาง โดยเฉพาะใครที่จะไปในช่วงอากาศหนาวนั้น แอดมินแนะนำให้เตรียมยาไปด้วย ทั้งยาสำหรับโรคประจำตัวและยาสามัญประจำบ้าน
ปลั๊กไฟ หัวปลั๊กไฟเกาหลีเป็นแบบหัวกลม จึงต้องเตรียมหัวแปลงปลั๊ก หรือที่เรียกว่า Universal Adaptor ไปด้วย หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทย ราคาประมาณ 100- 400 บาท และอย่าลืมพกรางปลั๊กพ่วง ไว้ใช้เสียบต่อเพื่อชาร์ตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณให้ครบทุกตัวด้วยล่ะ
ทำประกันเดินทาง ที่ครอบคลุมทั้งชีวิต อุบัติเหตุ และสุขภาพ
ประเทศนี้มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยหากไม่สบายหรือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ทำประกันไว้ก่อน หากมีเหตุเกิดขึ้น มีประกันช่วยจ่ายเงินจะดีกว่าจ่ายอานเอง
3. ข้อควรรู้ระหว่างเดินทาง
ตรวจสอบตารางเดินรถด้วยแอพพลิเคชั่น
มี 2 แอพควรค่าน่าโหลดคือ จีฮาชวล (Jihachul) ซึ่งให้ข้อมูลการเดินรถไฟใต้ดิน ไม่เพียงแค่มีข้อมูลสถานีรถไฟและพื้นที่โดยรอบ แถมยังช่วยคุณหาสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดจากตำแหน่งที่คุณอยู่ได้อีกด้วย โดยแผนที่ในแอพนี้ครอบคลุมโซล (Seoul), ปูซาน (Busan), -ู (Daegu), แทจอน (Daejeon) และ กวางจู (Gwangju) แอพอีกตัวคือ โซลบัส (Seoul Bus) ผู้ช่วยด้านรถเมล์ คุณสามารถค้นหาป้ายรถเมล์หรือสายรถเมล์ได้ด้วย ID ของป้ายนั้นๆ และตรวจดูได้ด้วยว่า รถเมล์สายที่คุณต้องการใช้บริการกำลังเดินทางมาถึงไหนแล้ว มีแอพ 2 ตัวนี้รับรองว่า ไม่ตกรถและสะดวกเดินทางแน่
เรียกใช้บริการรถแท็กซี่ ต้องดูดีๆ ไม่งั้นอาจจ่ายแพงลิบได้
แท็กซี่ที่เกาหลีแบ่งประเภทตามป้ายสี ป้ายฟ้ามีราคาถูกที่สุดแต่คนขับมักพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลังเที่ยงคืนคิดราคาเพิ่ม 20% แท็กซี่ป้ายเหลืองแบบเดอลุกซ์ (Deluxe Taxi) แม้ราคาแพงขึ้นอีกเท่าตัว แต่คนขับพูดภาษาอังกฤษได้
4 TIPS เที่ยวเกาหลีใต้ไม่ง้อทัวร์ รับปี 2020
#เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวเมืองนอกต้นปี #ที่เที่ยวต่างประเทศต้นปี2020 #เที่ยวนอกเดือนมกราคม #เที่ยวนอกเดือนมีนาคม #เที่ยวนอกเดือนกุมภาพันธ์ #เที่ยวนอกเดือนเมษายน #เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี #แนะนำที่เที่ยวต่างประเทศ
จัดทริปสนุกสุดมันส์ เตรียมตัวไปเกาหลีช่วงไหนดี ต้องจัดอะไรไปบ้าง เรามีทิปส์แนะนำตั้งแต่เรื่องสภาพอากาศยันปลั๊กไฟ รับรองไปฤดูไหนก็สนุกได้ไม่มีพลาด !!!
อากาศร้อนตอนสิ้นปีขนาดนี้ มันน่าสะพายเป้หนีไปเที่ยวที่หนาวๆ เดินเล่นชิลๆ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้จริงๆนะ เพราะโซลมีทั้งที่เที่ยวเก๋ๆ มีการเดินทางที่สะดวกสบาย วันนี้แอดมินจะพาคุณเที่ยวเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง แบบไม่ต้องง้อทัวร์ ด้วยทริคเด็ดที่ต้องรู้ก่อนการเดินทาง สภาพอากาศเกาหลีช่วงไหนเป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัว เตรียมของอะไรบ้าง ปลั๊กไฟ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต และวีซ่า ข้อมูลแน่นปึก ให้การตะลุยเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่ายดาย
1. วางแผนเตรียมตัวก่อนเดินทาง
เลือกช่วงเวลาน่าเที่ยวและเหมาะกับความชอบ
สามารถท่องเที่ยวเกาหลีได้เกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหยุดยาวปีใหม่ จะตรงกับช่วงฤดูหนาวที่เกาหลี โอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสปุยหิมะขาว หยุดยาวสงกรานต์ตรงกับฤดูใบไม้ผลิที่จะชมดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งรวมทั้งซากุระด้วย
หรือจะลาพักร้อนช่วงกันยายน – พฤศจิกายน เพื่อไปสัมผัสกับความงามใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้ แต่ถ้าจะไปช่วงหน้าร้อนโดยเฉพาะราวกรกฎาคม-สิงหาคม อาจไม่สะดวกในการเที่ยวเพราะเป็นช่วงลมมรสุม ถึงอย่างนั้นก็มีซัมเมอร์เซลส์ลดกระหน่ำที่นักช้อปไม่ควรพลาด
เลือกเมืองที่จะเดินทางไปเที่ยว
ต้องถามตัวคุณเองว่าชอบแบบไหน หากไม่เน้นเทศกาล ก็เลือกเมืองที่มีแลนด์มาร์คเด็ดโดนใจ ไม่ว่าจะเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง และธรรมชาติ แอดมินแนะนำ 5 สถานที่นี้เลยค่ะ
● พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) แผนที่ : https://goo.gl/maps/4GpoLfgVKEE2
เป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1394 ในสมัยพระเจ้าแทโจ ราชวงศ์โซซอน ปัจจุบันภายในพระราชวังมีอาคารเพียง 10 หลังเท่านั้น จากเดิม 200 หลัง เพราะโดนเผาจากการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์และแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงโซลเลยก็ว่าได้ เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุด และยังมีฉากหลังของพระราชวัง เป็นอุทยานพูกักซาน ยิ่งทำให้พระราชวังสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งการได้มาเดินเที่ยวที่พระราชวังแห่งนี้ก็ทำให้ได้ซึมซับ เข้าใจประวัติศาสตร์ และรู้จักกับวัฒนธรรมเกาหลีมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
● เกาะนามิ (Nami Island) แผนที่ : https://goo.gl/maps/LtBmTw1Mgr12
มาเที่ยวเกาหลีแล้ว จะพลาดที่เที่ยวแห่งนี้ไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะ “ เกาะนามิ ” เป็นเกาะที่โรแมนติดคที่สุดในเกาหลีเลยก็ว่าได้ค่ะ จึงทำให้เกาะนามิแห่งนี้นั้น ฮอตฮิตในหมู่คู่รักสุดๆ หากใครได้มาเที่ยวเกาะนามิ ก็จะได้เห็นคู่รักชาวเกาหลี มาเดทกันบนเกาะนามิเยอะมาก ซึ่งหากใครไม่มีคู่มาเที่ยว อาจจะรู้สึกอิจฉาความหวานของคู่รักที่มาเดทบทเกาะนี้แน่นอนค่ะ ความหวานจนน้ำตาลท่วมเกาะนามินี้ การันตีถึงความโรแมนติคของที่นี่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งหากใครเป็นแฟนคลับซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Winter Sonata ที่มีชื่อไทยว่า “ เพลงรักในสายลมหนาว ” ก็จะฟินมากยิ่งขึ้นเพราะซีรี่ส์เรื่องนี้ใช้เกาะนามิเป็นสถานที่ถ่ายทำ และเพราะความโด่งดังของซีรี่ส์เรื่องนี้จึงทำให้การท่องเที่ยวเกาหลีได้สร้างรูปปั้นคู่พระนาง ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย เกาะนามิจึงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกาหลีที่ต้องแวะมาเช็คอินอย่างพลาดไม่ได้เลยค่ะ
● สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland, 에버랜드) แผนที่ : https://www.google.com/maps/dir//37.2939104,127.2025664/@37.31644,127.212133,11z?hl=th
สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี ภายในสวนสนุกแห่งนี้ มีสิ่งให้ดูให้ชมให้ละเล่นครบทุกสิ่ง ทุกฤดูกาลและตอบสนองได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งอยู่หุบเขาในเมืองยงอิน(Yongin) ทางตอนใต้ของกรุงโซล
เอเวอร์แลนด์แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ให้เลือกเล่นได้ตามความใจชอบทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียว สวนน้ำ สวนดอกไม้ ที่จัดตกแต่งสวนด้วยไม้ดอกนานาชาติ สลับกันตลอดทั้งปีและสวนสัตว์ซาฟารี ภายในสวนสัตว์ จุดเด่นอยู่ที่ไลเกอร์ สัตว์ลูกผสมระหว่างสัตว์กับเสือ ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก การเข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้ ต้องนั่งรถบัสของทางสวนสนุก บรรดาสัตว์ต่างๆจะออกมาอวดโฉมให้เราเห็นกันชัดๆ ชนิดประชิดกับคันรถเลยค่ะ
• ค่าผ่านประตูรวมค่าเครื่องเล่น : ผู้ใหญ่ (13 ปีขึ้นไป) 33,000 วอน / เด็ก (4-12 ปี) 22,000 วอน
• เวลาเปิดบริการ : 09.30-20.00 น. (เดือนมีนาคม-ตุลาคม เปิดถึง 22.00 น.)
● นัมซาน ทาวเวอร์หรือ โซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower) แผนที่ : https://goo.gl/maps/jYERi4eSUrz
เกาหลีใต้ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของทัศนียภาพที่ถูกผสมผสานระหว่างความทันสมัยร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว การมาชมวิวทิวทัศน์ของเกาหลีจึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาหลีเลยล่ะค่ะ และเมื่อพูดถึงการชมวิวที่ดีที่สุดของเกาหลี ก็ต้องไปที่นี่ นัมซานทาวเวอร์ หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า โซลทาวน์เวอร์ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในทาวเวอร์ที่มีวิวสวยที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ค่ะ เนื่องจากตั้งอยู่บนยอดเขานัมซังที่ สูงถึง 236 เมตร โดยด้านบนของที่นี่นั้นมีร้านอาหารที่จะหมุนทุกๆ 48 นาที เราจึงสามารถทานอาหารไป เพลิดเพลินกับวิวเมืองโซลสุดอลังการได้อย่างอิ่มเอมใจไปเลยค่ะ ซึ่งที่นัมซานทาวเวอร์ยังมีอีกจุดไฮไลท์สำคัญก็คือ “ ที่คล้องกุญแจคู่รัก Love Key Ceremony ” นั่นเองค่า ซึ่งคู่รักชาวเกาหลีมีความเชื่อกันว่า หากพากันมาคล้องกุญแจที่นี่จะทำให้รักกันตลอดไป ทำให้คู่รักจากทั่วโลกต่างเดินทางมาคล้องกุญแจที่นัมซานทาวเวอร์แห่งนี้ จนแน่นขนัดไปหมดเลยค่ะ
● ย่านช้อปปิ้งเมียงดง (Myeong-dong) แผนที่ : https://goo.gl/maps/5DQEqxqESnE2
มาเที่ยวเกาหลี ต้องไม่พลาดเรื่องช้อปค่ะ ซึ่งแหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโซล จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก “ เมียงดง ” หากใครนึกภาพไม่ออก บรรยากาศของเมียงดงก็จะคล้ายๆกับสยามบ้านเรานั่นเองค่ะ เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เรียกได้ว่า อยากได้อะไรมาที่นี่ครบ จบที่เดียว ของซื้อของฝากเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์ขึ้นชื่อของเกาหลี เครื่องประดับ เสื้อผ้าแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า อาหารทานเล่น ขนมขบเคี้ยว มีหมดเลยค่ะคุณขา รับรองว่าเเดินกันจนลืมแวลาแน่นอนค่ะ
ตรวจสอบสภาพอากาศเกาหลี
ฤดูใบไม้ผลิ อยู่ระหว่างเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิโดยเฉลี่ย คือ 6-16 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่ต้นไม้ผลิใบและดอกไม้เบ่งบาน อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การท่องเที่ยวแต่ก็อาจมีพายุทรายหรือฝุ่นจากประเทศจีนที่จะพัดมาในช่วงนี้ด้วย
ฤดูร้อน เริ่มต้นที่เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22-38 องศาเซลเซียส อากาศร้อนไม่ต่างจากประเทศไทยเลยล่ะ และมีฝนตก เป็นช่วงที่ไม่เหมาะต่อการท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ เว้นแต่ต้องการไปช้อปเพราะเป็นช่วงซัมเมอร์เซลส์
ฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 -25 องศาเซลเซียส เป็นช่วงไฮซีซั่นอากาศที่เกาหลีจะดีมาก ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสี ราคาที่พักจึงแพงกว่าช่วงอื่นๆ
ฤดูหนาว เริ่มต้นเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ -5 – -20 องศา อากาศในช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก มีหิมะตกในบางวัน เป็นอีกช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและเล่นสกี
เตรียมวีซ่า
ข่าวดี! มีแค่พาสปอร์ต ก็ไปเที่ยวเกาหลีได้ไม่เกิน 90 วัน โดยพาสปอร์ตของคุณต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ถ้าอายุต่ำกว่า 17 ปี และเดินทางคนเดียว ต้องมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครองมาด้วย ส่วนใครที่เที่ยวยาวกว่า 90 วัน ขอวีซ่าได้ที่สถานฑูตเกาหลี
จองตั๋วและที่พักล่วงหน้า ได้ราคาประหยัดกว่า
ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนมากนิยมบินไปลงที่โซลและปูซาน แต่ถ้ามีกำหนดช่วงเดินทางที่แน่นอน ขอบอกว่า ควรจอง 14 สัปดาห์ล่วงหน้าก่อนบินซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่ได้ราคาตั๋วถูกที่สุด ส่วนที่พักนั้น เกาหลีมีทั้งโรงแรมแบบ 5 ดาว ไปจนถึงโรงแรมแบบเกสต์เฮ้าส์และอพาร์ตเมนท์ในราคาประหยัดให้คุณเลือกตามต้องการ
2. ก่อนออกเดินทางต้องทำอะไรบ้าง
วางแผนการเงิน เตรียมเงินสด บัตรเครดิต และเช็คเดินทาง
แอดมินแนะนำให้แลกเงินบาทเป็นเงินวอนจากธนาคารหรือร้านรับแลกเงินอย่างร้านซุปเปอร์ริชในบ้านเราไปเลย หากไม่อยากพกเงินสดไปเยอะ ให้ทำเช็คเดินทาง (ที่แลกเป็นเงินเกาหลีแล้ว) ได้ หรือใช้บัตรเครดิตในการใช้จ่ายที่เกาหลีใต้ทีเดียวได้เลย เพราะไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม สำหรับนักช้อป อย่าลืมขอเพิ่มวงเงินบัตรเครเครดิตกับธนาคารเผื่อไว้ก่อน ดีกว่าต้องกดเงินสดหรือแลกเงินที่เกาหลีซึ่งจะได้เรทแพงมาช้อป
เตรียมใช้อินเตอร์เน็ตในเกาหลีใต้
แนะนำให้เช่าพ๊อกเก็ตไวไฟจากประเทศไทยไปเลย เพราะจะมีราคาถูกกว่าไปเช่าที่ประเทศเกาหลีใต้มาก .งราคาก็จะมีเริ่มต้นตั้งแต่ 150บาท/วัน สามารถหาเช่าได้ที่สนามบิน โดยแจ้งว่าเราบินวันไหน กลับวันไหน ระยะเวลากี่วัน ทางบริษัทที่ให้เช่าจะคำนวนเงินและค่ามัดจำตัวเครื่อง แอดมินแนะนำวิธีนี้มากกว่าการหาซื้อซิมใหม่ให้ยุ่งยากค่ะ
เตรียม T-Money และ Seoul City Pass เพื่อใช้กับระบบขนส่งสาธารณะ
ซื้อ T-money และ Seoul City Pass ไว้ใช้จ่ายค่ารถรถไฟฟ้า แท็กซี่ รถเมล์ แทนเงินสด โดยหาซื้อได้ที่สนามบิน ร้านสะดวกซื้อที่มีเครื่องหมายสัญลักษณ์ของบัตร และตามสถานีรถไฟใต้ดิน บัตรนี้มีทั้งแบบจ่ายรายครั้งและแบบเหมาหลายๆ วัน ขอบอกว่า มันสะดวกและประหยัดกว่าจ่ายเงินสดมากเลยค่ะ
เตรียมของใช้จำเป็นให้พร้อม
ของใช้จำเป็นที่เราพูดถึงนั้น นอกจากกระเป๋า กล้อง มือถือ พาวเวอร์แบงก์ และที่ชาร์จแล้ว ควรเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับฤดูกาล ของใช้ส่วนตัวตั้งแต่ของใช้ในห้องน้ำ ครีม เครื่องสำอาง โดยเฉพาะใครที่จะไปในช่วงอากาศหนาวนั้น แอดมินแนะนำให้เตรียมยาไปด้วย ทั้งยาสำหรับโรคประจำตัวและยาสามัญประจำบ้าน
ปลั๊กไฟ หัวปลั๊กไฟเกาหลีเป็นแบบหัวกลม จึงต้องเตรียมหัวแปลงปลั๊ก หรือที่เรียกว่า Universal Adaptor ไปด้วย หาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทย ราคาประมาณ 100- 400 บาท และอย่าลืมพกรางปลั๊กพ่วง ไว้ใช้เสียบต่อเพื่อชาร์ตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณให้ครบทุกตัวด้วยล่ะ
ทำประกันเดินทาง ที่ครอบคลุมทั้งชีวิต อุบัติเหตุ และสุขภาพ
ประเทศนี้มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยหากไม่สบายหรือมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ทำประกันไว้ก่อน หากมีเหตุเกิดขึ้น มีประกันช่วยจ่ายเงินจะดีกว่าจ่ายอานเอง
3. ข้อควรรู้ระหว่างเดินทาง
ตรวจสอบตารางเดินรถด้วยแอพพลิเคชั่น
มี 2 แอพควรค่าน่าโหลดคือ จีฮาชวล (Jihachul) ซึ่งให้ข้อมูลการเดินรถไฟใต้ดิน ไม่เพียงแค่มีข้อมูลสถานีรถไฟและพื้นที่โดยรอบ แถมยังช่วยคุณหาสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดจากตำแหน่งที่คุณอยู่ได้อีกด้วย โดยแผนที่ในแอพนี้ครอบคลุมโซล (Seoul), ปูซาน (Busan), -ู (Daegu), แทจอน (Daejeon) และ กวางจู (Gwangju) แอพอีกตัวคือ โซลบัส (Seoul Bus) ผู้ช่วยด้านรถเมล์ คุณสามารถค้นหาป้ายรถเมล์หรือสายรถเมล์ได้ด้วย ID ของป้ายนั้นๆ และตรวจดูได้ด้วยว่า รถเมล์สายที่คุณต้องการใช้บริการกำลังเดินทางมาถึงไหนแล้ว มีแอพ 2 ตัวนี้รับรองว่า ไม่ตกรถและสะดวกเดินทางแน่
เรียกใช้บริการรถแท็กซี่ ต้องดูดีๆ ไม่งั้นอาจจ่ายแพงลิบได้
แท็กซี่ที่เกาหลีแบ่งประเภทตามป้ายสี ป้ายฟ้ามีราคาถูกที่สุดแต่คนขับมักพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลังเที่ยงคืนคิดราคาเพิ่ม 20% แท็กซี่ป้ายเหลืองแบบเดอลุกซ์ (Deluxe Taxi) แม้ราคาแพงขึ้นอีกเท่าตัว แต่คนขับพูดภาษาอังกฤษได้