ตั้งแต่ช่วงปลายตุลาคมที่ผ่านมา ก็ได้ตั้งมหาเถรสมาชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่จะเข้ามาทำงานปฏิรูปพระพุทธศาสนา ซึ่งมี 5 ประเด็นที่ได้หยิบยกขึ้นมาพิจารณาขึ้นมาในการปฏิรูป
(1) การจัดการทรัพย์สินในกิจการพระพุทธศาสนา
(2) บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม
(3) จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเด็ดขาด
(4) กระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมในกิจการพระพุทธศาสนา
(5) ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน
https://www.naewna.com/politic/columnist/41807
ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมามีความสำคัญทั้งหมด แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ข้อที่ 3 จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย เป็นข้อที่ควรให้ความสำคัญ เร่งปรับปรุง เร่งสะสางเป็นอันดับที่ 1
พระวินัยเป็นพื้นฐานสำคัญมากของพระสงฆ์ ตามคำสอนที่ลำดับว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าพื้นฐานความรู้และการปฏิบัติทางด้านพระวินัยไม่ดีแล้ว อย่างอื่นๆก็จะไม่ดีตามมา
หากมีพระที่ได้ละเมิดวินัยสงฆ์ในระดับปาราชิก ควรจะต้องสิกขาลาเพศโดยทันที เพราะนั่นเท่ากับว่าไม่ได้อยู่ในฐานะของพระแล้ว เป็นพระปลอม ห่มผ้าเหลืองหลอกชาวบ้าน
ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว พระที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า คือพระที่ปฏิบัติถึงขั้นโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค และ อรหัตผล พระท่านเหล่านี้ถึงได้เป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม แต่หากยังไม่ต้องอาบัติปาราชิก ก็ยังถือว่าเป็นพระอยู่ ถึงแม้จะเป็นเพียงพระสมมติสงฆ์ก็ตาม
ส่วนพระที่ต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว นั้นถือว่าเป็นตาลยอดด้วน จะประพฤติธรรมหรือไม่ประพฤติธรรมก็ควรแก่การสึกจากความเป็นพระอยู่ดี
ทางสำนักพุทธจึงควรออกมาตราการขั้นเด็ดขาดและชัดเจนในการป้องกันและปราบปรามผู้ที่ละเมิดอาบัติปาราชิกข้อใดข้อหนึ่ง เช่นว่า เมื่อพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ต้องสึกออกจากการเป็นพระสงฆ์ทันทีและต้องบันทึกประวัติไว้ว่าบุคคลผู้นี้ไม่สามารถกลับมาบวชได้จนตลอดชีวิต ที่ผ่านมาการตรวจสอบดูแลถือว่า หละหลวมมาก อ่อนมาก ยกตัวอย่าง พระจูเลี่ยนที่เคยทำผิดหนักแล้วยังสามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีก พอมีข่าวฉาว สังคมตำหนิติเตียน ถึงได้สึกออกจากการเป็นพระภิกษุอย่างถาวร
ที่แล้วมาพระที่ต้องอาบัติปาราชิกจนไม่สามารถกลับมาบวชได้ คือพระที่มีชื่อเสียง สังคมรับรู้ทั่ว ลักษณะอย่างนั้นจึงไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก
ส่วนพระเล็กๆไม่มีชื่อเสียง เมื่อทำความผิดถึงขั้นสึกแล้ว ก็ยังมีบางคนกลับมาบวช ห่มผ้าเหลือง หลอกชาวบ้านว่าตัวเองเป็นพระได้หน้าตาเฉย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตามหลักพระพุทธศาสนา พระทุกรูปที่ต้องความผิดระดับนั้น ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงต้องถูกจับสึกแล้วไม่มีสิทธิ์กลับมาบวชได้อีกทุกๆรูปทุกๆคน
หนทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย คือ การป้องกันไว้ดีกว่าแก้ นั่นคือ การส่งเสริมให้ทุกคนที่ต้องการจะบวชได้เรียนรู้พระธรรมวินัยเป็นอย่างดีก่อนบวช ให้รู้คุณรู้โทษในการรักษาพระวินัยและไม่รักษาพระวินัย ซึ่งจริงๆก็น่าจะมีโครงการอบรมและแบบทดสอบความรู้ก่อนบวช ยกตัวอย่างว่า ให้บอกมาให้ได้ว่าปาราชิกมีอะไรบ้าง สังฆาทิเสสมีอะไรบ้าง ศีล 10 มีอะไรบ้าง แบบเป็นการเขียนบรรยายคำตอบ และแบบทดสอบด้วยช้อยส์ให้เลือกตั้งแต่นิสสัคคีย์จนมาถึงทุกกฎ เป็นต้น
ผู้ใดที่ต้องการจะบวชก็ให้ทำข้อสอบลักษณะนี้ในวัดเจ้าคณะอำเภอที่ตัวเองต้องการจะบวช แล้วส่งข้อสอบให้ทางสำนักพุทธของจังหวัดนั้นๆเป็นผู้ตรวจข้อสอบ ใครสอบผ่านถึงอนุญาตให้บวชได้ หากสอบตกก็ยังไม่อนุญาตจนกว่าจะทำข้อสอบทางด้านพระวินัยผ่าน อย่างนี้ก็จะเป็นการช่วยคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาบวชพระได้ดีขึ้น และหากยังมีพระที่ต้องอาบัติปาราชิกอยู่อีก ก็ต้องทำประวัติไว้ ไม่ให้ไปบวชที่ว้ดไหนได้อีก
ขั้นต่อไปของการปฏิรูป จึงจะเป็นข้อที่ 2 บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม
ถ้าเริ่มต้นการปฏิรูปด้วยข้อ 3 จัดการเรื่องพระธรรมวินัย และข้อที่ 2 สนับสนุนให้ผู้มาบวชหมั่นศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ การปฏิรูปข้อที่เหลือก็จะง่ายและส่งผลดี ส่งผลสำเร็จได้ง่ายไปด้วย
หากทำการปฏิรูปได้เช่นนี้ ก็จะเกิดพุทธบริษัท 4 ที่มีคุณภาพ เกิดความเจริญในพระพุทธศาสนามากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่นอน
งานปฏิรูปพระพุทธศาสนา ข้อใดที่สำคัญและควรทำเป็นอันดับแรก
(1) การจัดการทรัพย์สินในกิจการพระพุทธศาสนา
(2) บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม
(3) จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเด็ดขาด
(4) กระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมในกิจการพระพุทธศาสนา
(5) ปฏิรูประบบการเรียนรู้ของพุทธศาสนิกชน
https://www.naewna.com/politic/columnist/41807
ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมามีความสำคัญทั้งหมด แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว ข้อที่ 3 จัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย เป็นข้อที่ควรให้ความสำคัญ เร่งปรับปรุง เร่งสะสางเป็นอันดับที่ 1
พระวินัยเป็นพื้นฐานสำคัญมากของพระสงฆ์ ตามคำสอนที่ลำดับว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าพื้นฐานความรู้และการปฏิบัติทางด้านพระวินัยไม่ดีแล้ว อย่างอื่นๆก็จะไม่ดีตามมา
หากมีพระที่ได้ละเมิดวินัยสงฆ์ในระดับปาราชิก ควรจะต้องสิกขาลาเพศโดยทันที เพราะนั่นเท่ากับว่าไม่ได้อยู่ในฐานะของพระแล้ว เป็นพระปลอม ห่มผ้าเหลืองหลอกชาวบ้าน
ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว พระที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า คือพระที่ปฏิบัติถึงขั้นโสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค และ อรหัตผล พระท่านเหล่านี้ถึงได้เป็นสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม แต่หากยังไม่ต้องอาบัติปาราชิก ก็ยังถือว่าเป็นพระอยู่ ถึงแม้จะเป็นเพียงพระสมมติสงฆ์ก็ตาม
ส่วนพระที่ต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว นั้นถือว่าเป็นตาลยอดด้วน จะประพฤติธรรมหรือไม่ประพฤติธรรมก็ควรแก่การสึกจากความเป็นพระอยู่ดี
ทางสำนักพุทธจึงควรออกมาตราการขั้นเด็ดขาดและชัดเจนในการป้องกันและปราบปรามผู้ที่ละเมิดอาบัติปาราชิกข้อใดข้อหนึ่ง เช่นว่า เมื่อพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ต้องสึกออกจากการเป็นพระสงฆ์ทันทีและต้องบันทึกประวัติไว้ว่าบุคคลผู้นี้ไม่สามารถกลับมาบวชได้จนตลอดชีวิต ที่ผ่านมาการตรวจสอบดูแลถือว่า หละหลวมมาก อ่อนมาก ยกตัวอย่าง พระจูเลี่ยนที่เคยทำผิดหนักแล้วยังสามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีก พอมีข่าวฉาว สังคมตำหนิติเตียน ถึงได้สึกออกจากการเป็นพระภิกษุอย่างถาวร
ที่แล้วมาพระที่ต้องอาบัติปาราชิกจนไม่สามารถกลับมาบวชได้ คือพระที่มีชื่อเสียง สังคมรับรู้ทั่ว ลักษณะอย่างนั้นจึงไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก
ส่วนพระเล็กๆไม่มีชื่อเสียง เมื่อทำความผิดถึงขั้นสึกแล้ว ก็ยังมีบางคนกลับมาบวช ห่มผ้าเหลือง หลอกชาวบ้านว่าตัวเองเป็นพระได้หน้าตาเฉย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตามหลักพระพุทธศาสนา พระทุกรูปที่ต้องความผิดระดับนั้น ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงต้องถูกจับสึกแล้วไม่มีสิทธิ์กลับมาบวชได้อีกทุกๆรูปทุกๆคน
หนทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย คือ การป้องกันไว้ดีกว่าแก้ นั่นคือ การส่งเสริมให้ทุกคนที่ต้องการจะบวชได้เรียนรู้พระธรรมวินัยเป็นอย่างดีก่อนบวช ให้รู้คุณรู้โทษในการรักษาพระวินัยและไม่รักษาพระวินัย ซึ่งจริงๆก็น่าจะมีโครงการอบรมและแบบทดสอบความรู้ก่อนบวช ยกตัวอย่างว่า ให้บอกมาให้ได้ว่าปาราชิกมีอะไรบ้าง สังฆาทิเสสมีอะไรบ้าง ศีล 10 มีอะไรบ้าง แบบเป็นการเขียนบรรยายคำตอบ และแบบทดสอบด้วยช้อยส์ให้เลือกตั้งแต่นิสสัคคีย์จนมาถึงทุกกฎ เป็นต้น
ผู้ใดที่ต้องการจะบวชก็ให้ทำข้อสอบลักษณะนี้ในวัดเจ้าคณะอำเภอที่ตัวเองต้องการจะบวช แล้วส่งข้อสอบให้ทางสำนักพุทธของจังหวัดนั้นๆเป็นผู้ตรวจข้อสอบ ใครสอบผ่านถึงอนุญาตให้บวชได้ หากสอบตกก็ยังไม่อนุญาตจนกว่าจะทำข้อสอบทางด้านพระวินัยผ่าน อย่างนี้ก็จะเป็นการช่วยคัดกรองบุคคลที่จะเข้ามาบวชพระได้ดีขึ้น และหากยังมีพระที่ต้องอาบัติปาราชิกอยู่อีก ก็ต้องทำประวัติไว้ ไม่ให้ไปบวชที่ว้ดไหนได้อีก
ขั้นต่อไปของการปฏิรูป จึงจะเป็นข้อที่ 2 บวชแล้วต้องเรียน ศึกษาและปฏิบัติธรรม
ถ้าเริ่มต้นการปฏิรูปด้วยข้อ 3 จัดการเรื่องพระธรรมวินัย และข้อที่ 2 สนับสนุนให้ผู้มาบวชหมั่นศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ การปฏิรูปข้อที่เหลือก็จะง่ายและส่งผลดี ส่งผลสำเร็จได้ง่ายไปด้วย
หากทำการปฏิรูปได้เช่นนี้ ก็จะเกิดพุทธบริษัท 4 ที่มีคุณภาพ เกิดความเจริญในพระพุทธศาสนามากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้แน่นอน