อยากเข้าไปสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ติดตามเรื่องทองหายในตู้เซฟ ต้องติดต่อฝ่ายไหนคะ

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นกราบขออภัย หากกระทู้ที่ตั้งมายาวเกินไป กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่นำมาลง pantip ซึ่งพี่สาวได้เขียนเตือนภัย ติดตามไปทางธนาคารสาขาก็เงียบ

หากกระทู้นี้ติดตามไม่ได้ ก็ขอให้เป็นการเตือนภัย และการเตือนสติ ความรอบคอบในการใช้บริการตู้เซฟ

*** บันทึกเรื่องราว เมื่อของหายจากตู้เซฟได้ ***

********************
บ่ายวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. 62
* แม่ได้เข้าไปเช็คของที่ตู้เซฟธนาคารเก่าแก่ สาขาสุรวงศ์
แม่เจอว่า ของในเซฟถูกคุ้ยกระจาย
* ในของที่กระจายอยู่ แม่ดูว่ามีทองหายไปหลายเส้น
และมีพระที่เลี่ยมทองทึบปิดด้านหลังหายไปหลายองค์
* แม่ตกใจ ถามหาความช่วยเหลือจากธนาคารเบื้องต้น
แต่ธนาคารไม่ได้ช่วยเหลือและไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้

********************
คืนวันศุกร์
แม่เครียด แม่กลับมาที่บ้านบอกว่าของหายจากเซฟ
เซฟของแม่นั้น เป็นเรื่องที่แม่ดูแลคนเดียว
คนในบ้านไม่มีใครรู้ว่าอยู่ตรงไหน เก็บอย่างไร
แต่ทุกคนก็ทยอยเอาของมีค่าไปฝากแม่ไว้
เพราะไว้ใจว่าแม่ดูแลข้าวของเป็นอย่างดี
และหมั่นไปตรวจสอบอยู่เสมอ ยกเว้นครั้งล่าสุด
ที่แม่ทิ้งระยะไป 1 ปี เพราะไม่มีงานแต่งงานที่ต้องใช้ของในเซฟ

วันเสาร์-อาทิตย์
พวกเราในครอบครัวคุยกัน ได้ข้อสรุปว่า
* แม่รู้ว่ามีสร้อยทองหายไปหลายเส้น
พระหายไปหลายองค์ แต่ไม่สามารถไล่ได้หมด
* แม่เคยทำรายการบันทึกไว้ว่ามีอะไรบ้าง
เก็บไว้ในเซฟแผ่นหนึ่ง ไว้ที่บ้านแผ่นหนึ่ง
แต่สุดท้ายแม่หาไม่เจอทั้ง 2 แผ่น
* น้องสาวถามเพื่อนที่เป็นตำรวจ
ได้ความว่า มีคดีแบบนี้อยู่เหมือนกัน
ส่วนใหญ่มาจากคนใน bank ทำ
แต่คดีนั้นจะตามของเจอได้ เมื่อมีหลักฐานต่าง ๆ ชัดเจน
เช่น
*** มีคลิปแสดงรายการสิ่งของระหว่างเปิดเซฟ
*** มีความเป็นไปได้ที่จะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงจากเซฟ
*** อยู่ในช่วงเวลาที่กล้องวงจรปิดยังสามารถตรวจสอบได้อยู่
* เรามองความเป็นไปได้ที่จะตามเจอแล้วยากมาก
เพราะระยะเวลาของเราคือ 1 ปี ซึ่งยากที่จะมีคลิป
และแม่ใช้การจำสิ่งของเป็นหลัก ไม่มีภาพถ่ายหรือวีดีโอแน่นอน

คำแนะนำ ณ เวลานั้นที่เราได้คือ
1. แจ้งความโดย list รายการของที่หายทั้งหมดออกมา
2. ติดต่อกับผู้จัดการเพื่อขอกล้องวงจรปิด และบันทึกเข้า-ออกเท่าที่เป็นไปได้

แม่ได้ทำนัดกับผู้จัดการสาขาไว้ในวันอังคาร
เพื่อเข้าไปเคลียร์เรื่องนี้

********************
วันอังคาร
* เราไปถึงแบงก์ก่อนเวลานัดหมาย เพื่อจะไปช่วย list รายการของที่หายทั้งหมด
* แม่เป็นคนพาเราเข้าไป โดยที่ bank เองก็ยอมให้เราเข้าไปด้วย
ซึ่งในภายหลัง bank เพิ่งมาบอกว่า นั่นคือการทำผิดระเบียบ
แต่วันนั้นที่ยอมให้เข้าไปเป็นเพื่อนแม่ เพราะทราบเรื่องของหายจากเซฟแม่แล้ว
* ด้วยความไม่รู้ของเรา และไม่ได้ถามกับแม่ก่อน
เมื่อเราเปิดเซฟ เราเห็นสภาพเละเทะอยู่
เราจึงหยิบของทุกชิ้นมาจัดระเบียบ เพื่อถ่ายรูป
และทำ list ของในเซฟของแม่ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
โดยไม่ได้เอะใจเลยว่า สภาพที่เละเหล่านั้น ไม่ใช่แม่ทำ
แต่เป็นคนที่เอาไป เป็นคนทำ ทำให้หลักฐานชิ้นสำคัญ
ถูกเราทำลายลง โดยเฉพาะมีสร้อยพระที่ขาดอยู่ 1 เส้น
เพราะโจรคนนั้น ต้องการจะเอาพระจากสร้อย แต่ดึงไม่ออก
ทำให้สร้อยขาดลง เราหยิบมันเต็ม ๆ และเผลอทำขาดเพิ่ม
* น้องบอกในภายหลังว่า เพื่อนบอกว่า สร้อยนั้นสำคัญมาก
หากมันอยู่ในสภาพที่ดี ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรได้
แต่เราดันไปแตะต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
โอกาสในการตามของที่น้อย จึงกลายเป็นเรื่องที่มองไม่เห็นทาง

เมื่อได้เจอกับ ผู้จัดการแบงก์

* เริ่มต้นด้วย ผู้จัดการแนะนำตัว ว่าเพิ่งเข้ามาทำงานที่สาขา
ไม่รู้ระบบ และไม่เคยเจอประวัติการหาย
อธิบายขั้นตอนของระบบอย่างละเอียด ถึงความเป็นไปไม่ได้ที่จะหาย
เมื่อเจ้าของเซฟถือกุญแจ 1 ดอก แบงก์ถือกุญแจ 1 ดอก
การเปิดเซฟ ต้องใช้กุญแจ 2 ดอกพร้อมกันเท่านั้น
แบงก์ส่งบันทึกเข้าออกของเซฟแม่มาให้ 2 ใบ
คือ 2 ครั้งล่าสุดที่แม่เข้ามา ที่มีเวลาห่างกัน 1 ปี
แบงก์ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ เซฟนี้เปิดได้คนเดียวคือแม่
* เราตอบแบงก์ไปว่า เหมือนจะเป็นไปได้นะคะ
เพราะใน internet มีกรณีที่ของหายจากเซฟหราอยู่
เพียงแต่เราเองก็ไม่ทราบว่า รอยรั่วของระบบแบบนี้คืออะไร
และถ้าเกิดมีใครทราบ ระบบของแบงก์ก็จะพังทลายทันทีเช่นกัน
สิ่งที่เราอยากรู้ตอนนี้คือ ทำไมถึงมีรอยรั่ว เราอยากตามหารอยรั่วนั้น
และการที่แบงก์บอกว่าแม่ไขได้คนเดียว ก็ตัดประเด็นฝั่งครอบครัวไปได้เช่นกัน
เพราะที่บ้าน ไม่มีใครมาเปิดได้ และที่บ้านเองก็ไม่มีใครรู้เรื่องเซฟของแม่เลยเช่นกัน
* ผู้จัดการบอกว่า อยากให้ทางเราทำอะไร
แล้วยื่นใบคำร้องมา ให้เราเขียนด้วยตัวเอง ไม่มีคำแนะนำใด ๆ
เพราะเราคือเจ้าทุกข์ ที่ต้องทำเรื่องร้องทุกข์ไปที่สำนักงานใหญ่
ให้ทางสำนักงานใหญ่รับเรื่องที่เรากำลังร้องเรียนนี้
* เราเลยบอกว่า ขอดูกล้องวงจรปิดค่ะ พร้อมบันทึกเข้าออก
แบงก์แนะนำว่า งั้นดูแค่วันที่แม่มาเปิดครั้งสุดท้ายละกันนะคะ วันเดียว
และบันทึกเข้าออกย้อนหลัง 1 ปี เพราะกล้องบันทึกได้แค่ 3 เดือน
* เราเขียนคำร้องตามนั้น คือ
1. ขอติดตามทรัพย์สินที่หายไปดังนี้ แล้ว list รายการที่หายไปทั้งหมด
2. ขอดูกล้อง 1 วัน พร้อมบันทึกเข้าออก 1 ปี
ด้วยกะว่า อย่างน้อยถ้าได้เห็นวีดีโอวันที่ของหาย
ปฏิกิริยาที่เจอของหายของแม่ อาจจะเป็นประโยชน์
แล้วเราค่อยมาทำเรื่องอีกที เพื่อขอดูอะไรเพิ่มเติม
* ความผิดพลาดอีกอย่างของเราคือ เราลืม copy คำร้องนั้นไว้
เพราะไม่คิดว่า จะเป็นคำร้องเดียวที่เราจะมีโอกาสยื่นไป
และแบงก์ก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยเหลือลูกค้าใด ๆ เลย
จนกระทั่งวันนี้ เรายังคงไม่ได้เห็นกล้องวันเดียวและใบเข้า-ออก 1 ปีนั้น
* หลังจากยื่นคำร้องที่แบงก์ไป แบงก์ยืนยันว่าจะติดต่อกลับใน 1 อาทิตย์
* น้องเพิ่ง alert มาว่า เราต้องไปแจ้งความก่อนนะ
เพื่อ list รายการของที่หายทั้งหมด ก่อนคุยกับแบงก์
เราทำขั้นตอนสลับไปเรียบร้อย คือยื่นคำร้องไปก่อน
* หลังจากนั้น แม่ต้องไปที่ สน เพื่อโดนสอบสวนว่า เป็นเรื่องจริง
เราได้ใบแจ้งความมาในตอนเย็น แล้วเราก็รอแบงก์

********************
วันศุกร์ แบงก์ติดต่อมาว่า เรื่องถึงสำนักงานใหญ่แล้ว
ทางสำนักงานขอเอกสารเพิ่มคือใบแจ้งความ

********************
เช้าวันจันทร์
* เราเข้าไปที่แบงก์เพื่อส่งใบแจ้งความ
เราขอเขียนคำร้องใหม่ เพิ่มว่า ขอดูกล้องวงจรปิด 1 ปี แทน 1 วัน
พร้อมทำเอกสารมอบอำนาจการติดตามแบงก์ ติดอากรสแตมป์
เพื่อมอบอำนาจการติดตามนี้ ให้เรากับน้องสาว แทนแม่
* แบงก์ปฏิเสธการรับคำร้องใหม่ เพราะบอกว่าซ้ำกับของเดิม
แบงก์โทรปรึกษากับทางทีมกฎหมายของแบงก์
และปฏิเสธการมอบอำนาจนี้อีกเช่นกัน บอกว่าทำไม่ได้
เพราะแม่ยังเป็นบุคคลที่มีความสามารถอยู่
* ณ เวลานั้น ได้ถามเพื่อนรักคนหนึ่งที่ทำงานอยู่แบงก์นี้
เพื่อนได้ช่วยเช็คข่าวให้ว่า เรื่องเดินถึงแผนกที่รับหน้าที่แล้ว
เราวางใจว่า น่าจะ OK ที่เหลือแค่รอเท่านั้น

********************
กลางเดือนตุลาคม
ทางสำนักงานใหญ่โทรมาแจ้งแม่ว่า เรื่องกำลังดำเนินการอยู่
นั่นคือการติดต่อครั้งสุดท้ายจากแบงก์

********************
ต้นเดือนธันวาคม
* เราบอกแม่ว่า จะครบ 3 เดือนแล้ว
แค่จะดูกล้องวันที่แม่เจอว่าของหาย ก็จะดูไม่ได้แล้ว
* แม่โทรถามจากผู้จัดการ ผู้จัดการบอกว่า
อีก 3 วันน่าจะได้ข่าว เดี๋ยวจะติดต่อกลับไป
แต่สุดท้าย ไม่มีการติดต่อกลับ
* แม่โทรตามอีกรอบเมื่อผ่านไป 5 วัน
เค้าบอกว่ารอสำนักงานใหญ่ดำเนินการอยู่
* หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ แม่ไปตามเรื่องที่สาขาอีกรอบ
ยังคงได้คำตอบเดิมว่า รอสำนักงานใหญ่ดำเนินการ

********************
สำหรับพวกเรา ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว
ไม่ได้ของ ไม่ได้ดูกล้อง ไม่ได้ดูบันทึกใด ๆ
เป็นบทเรียนจากความไม่รู้และความประมาท
ถึงวันนี้ เราได้แค่มองดูว่า แบงก์เก่าแก่แห่งนี้
ยังคงสะสมชื่อเสียในเรื่อง security อันบกพร่องต่อไป
นับไม่ถ้วนครั้งที่แบงก์นี้มีปัญหาในเรื่องนี้จนเป็นข่าว

สุดท้าย เพื่อนรักของเรา ที่เพิ่งได้รู้ข่าว
พยายามลองใช้ช่องทางอื่น ช่วยเหลือเราเพิ่มเติม
เพื่อให้เราได้คำตอบจากแบงก์ในคำร้องที่ยื่นไปมากกว่า 3 เดือน
เพื่อนที่เพิ่งได้รู้เรื่องราว แนะนำว่า
ให้เราเล่าเรื่องเหล่านี้ให้คนอื่นได้รู้ไว้บ้าง
ในมุมของเรา เราจบแล้ว จบแล้วกับแบงก์นี้
ไม่มีความคาดหวังอะไรแล้วกับแบงก์นี้
การเขียนเรื่องทั้งหมด วัตถุประสงค์มีเพียงอย่างเดียวคือ
เล่าเรื่องราวให้คนอื่นฟัง เพื่อที่จะหาทางป้องกันทรัพย์สินของตนเอง

* การเก็บของในเซฟ หากจะเป็นระบบจริง ๆ ต้องทำประกัน
เพื่อจะมีรายการทรัพย์สินอย่างเป็นทางการ
* หากเราไม่ทำประกัน การมีหลักฐานเรื่องทรัพย์สินของเรานั้นสำคัญ
อย่างง่าย คือการถ่ายวีดีโอในช่วงเปิดเซฟไว้
* การทำบัญชีรายการที่เก็บไว้ในเซฟและที่บ้าน ให้ตรงกัน เป็นสิ่งสำคัญ
* เพื่อนบอกว่า ให้เอารูปรายการทรัพย์สินทั้งหมด ใส่ไว้ในเซฟเลย
เผื่อคนที่คิดจะเอาไป จะได้รู้ว่าเรา list ของไว้นะ
* การหมั่นไปตรวจสอบทรัพย์สิน ภายใน 3 เดือน
ซึ่งเป็นระยะเวลากล้องมาตรฐานของแบงก์นี้ เป็นสิ่งสำคัญ
แต่แบงก์อื่นบางแบงก์ จะมีระบบ backup ที่เก็บภาพไว้นานกว่านี้
* ลายนิ้วมือแฝงเป็นหัวใจในการติดตามคนร้าย
ควรหลีกเลี่ยงที่จะไปทำลายหลักฐาน เผื่อคนที่ขโมยจะลืมใส่ถุงมือ
แต่ลายนิ้วมือนั้น มักจะมีอายุสั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่