อยากจะชวนเพื่อนๆ คุย อัพเดทชีวิต ให้กำลังใจกัน
เราป่วยกินยามาปีนี้ก็จะ 5 ปีแล้วค่ะ ปรับมาเรื่อยๆ เปลี่ยนหมอด้วย
สี่เดือนล่าสุดได้ยาต้านเศร้าแบบที่ทำให้อ้วนมา น้ำหนักขึ้นมาตั้ง 10 กิโลกรัมแน่ะ
หลังจากงานที่ลาออกเมื่อเดือน ม.ค. ก็ทำงานพาร์ททามอยู่งานนึง แล้วก็งานประจำที่กรุงเทพฯงานนึง บังเอิญเจ้าซึมเศร้าตัวดีมันมากำเริบหนักช่วงเดือน ก.ค. เลยตัดสินใจลาออกจากกรุงเทพฯ แล้วย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดที่บ้านตัวเองแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. แถมได้งานทำต่อเลยด้วย
ตอนนี้ชีวิตไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้า อาบน้ำกินข้าว กอดแม่ ขับรถไปทำงาน เลิกงานหกโมงเย็น ขับรถแวะส่งพี่ที่ทำงานก่อนกลับบ้านตัวเอง วันไหนฝนไม่ตกก็หาอะไรกินนอกบ้านกันนิดหน่อย เงินเดือนหมื่นนิดๆ เริ่มทำใจได้แล้วจากที่เคยเงินเดือนสามหมื่นกว่า
ส่วนแฟนก็ยังคงอยู่กรุงเทพฯต่อ ยังรักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือต้องรักตัวเองก่อน ในเมื่อวันที่เราอ่อนแอเขาไม่ยอมมาอยู่กับเรา ก็ย้ายตัวเองมาอยู่กับพ่อแม่ ให้พ่อแม่หายห่วงน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
เป้าหมายที่ดีกว่านี้คืออยากออกกำลังกายบ้าง แต่ยังขี้เกียจอยู่และกลับบ้านค่ำทุกวันเลย ฝนก็ตก พอกินข้าวเย็นเสร็จก็นั่งแหมะอยู่หน้าทีวี ขี้เกียจซะงั้น
ชีวิตตอนนี้เรื่อยๆมากเลยค่ะ เพิ่งกลับไปหาคุณหมอที่กรุงเทพฯมาเมื่อต้นเดือน อัพเดทชีวิตปกติดี แต่ยังคงกินยาถึงสี่ตัวต่อเนื่องไปก่อนเพราะอยู่ห่างหมอ หมอไม่กล้าปรับยา มีความสุขเรื่อยๆ ตามประสาคนต่างจังหวัด ถ้าเปรียบเทียบอายุตอนนี้กับชีวิตเพื่อนๆ ถือว่าเราตามหลังอยู่มาก แต่ถ้ามองว่า ก็เราป่วยนี่นะ ตอนนี้ได้อยู่กับพ่อแม่ มีชีวิตตามอัตภาพแค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้วเนอะ
เพื่อนๆเป็นไงกันบ้างคะ
อัพเดทเรื่องราวกันนะคะ
ใครกำลังเหนื่อยท้อแท้
ใครกำลังมองหางานใหม่
ใครกำลังจะลาออกไปพัก
ใครกำลังมีความรักไม่สมหวัง
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ
ผู้ป่วยซึมเศร้าเรามาคุยให้กำลังใจกันค่ะ
เราป่วยกินยามาปีนี้ก็จะ 5 ปีแล้วค่ะ ปรับมาเรื่อยๆ เปลี่ยนหมอด้วย
สี่เดือนล่าสุดได้ยาต้านเศร้าแบบที่ทำให้อ้วนมา น้ำหนักขึ้นมาตั้ง 10 กิโลกรัมแน่ะ
หลังจากงานที่ลาออกเมื่อเดือน ม.ค. ก็ทำงานพาร์ททามอยู่งานนึง แล้วก็งานประจำที่กรุงเทพฯงานนึง บังเอิญเจ้าซึมเศร้าตัวดีมันมากำเริบหนักช่วงเดือน ก.ค. เลยตัดสินใจลาออกจากกรุงเทพฯ แล้วย้ายมาอยู่ต่างจังหวัดที่บ้านตัวเองแล้วตั้งแต่เดือน ต.ค. แถมได้งานทำต่อเลยด้วย
ตอนนี้ชีวิตไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้า อาบน้ำกินข้าว กอดแม่ ขับรถไปทำงาน เลิกงานหกโมงเย็น ขับรถแวะส่งพี่ที่ทำงานก่อนกลับบ้านตัวเอง วันไหนฝนไม่ตกก็หาอะไรกินนอกบ้านกันนิดหน่อย เงินเดือนหมื่นนิดๆ เริ่มทำใจได้แล้วจากที่เคยเงินเดือนสามหมื่นกว่า
ส่วนแฟนก็ยังคงอยู่กรุงเทพฯต่อ ยังรักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือต้องรักตัวเองก่อน ในเมื่อวันที่เราอ่อนแอเขาไม่ยอมมาอยู่กับเรา ก็ย้ายตัวเองมาอยู่กับพ่อแม่ ให้พ่อแม่หายห่วงน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
เป้าหมายที่ดีกว่านี้คืออยากออกกำลังกายบ้าง แต่ยังขี้เกียจอยู่และกลับบ้านค่ำทุกวันเลย ฝนก็ตก พอกินข้าวเย็นเสร็จก็นั่งแหมะอยู่หน้าทีวี ขี้เกียจซะงั้น
ชีวิตตอนนี้เรื่อยๆมากเลยค่ะ เพิ่งกลับไปหาคุณหมอที่กรุงเทพฯมาเมื่อต้นเดือน อัพเดทชีวิตปกติดี แต่ยังคงกินยาถึงสี่ตัวต่อเนื่องไปก่อนเพราะอยู่ห่างหมอ หมอไม่กล้าปรับยา มีความสุขเรื่อยๆ ตามประสาคนต่างจังหวัด ถ้าเปรียบเทียบอายุตอนนี้กับชีวิตเพื่อนๆ ถือว่าเราตามหลังอยู่มาก แต่ถ้ามองว่า ก็เราป่วยนี่นะ ตอนนี้ได้อยู่กับพ่อแม่ มีชีวิตตามอัตภาพแค่นี้ก็น่าจะพอใจแล้วเนอะ
เพื่อนๆเป็นไงกันบ้างคะ
อัพเดทเรื่องราวกันนะคะ
ใครกำลังเหนื่อยท้อแท้
ใครกำลังมองหางานใหม่
ใครกำลังจะลาออกไปพัก
ใครกำลังมีความรักไม่สมหวัง
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ