สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับท่อน้ำตาอุดตัน และการรักษาโดยการนวด และแยงท่อน้ำตาค่ะ
ที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะก่อนหน้านี้เราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการแยงท่อน้ำตา ว่าทำยังไง ราคาเท่าไหร่ ขั้นตอนมีอะไรบ้าง แต่ไม่สามารถหาข้อมูลที่อยากทราบได้เท่าไหร่นัก จึงอยากเอาประสบการณ์ตรงของเรามาแชร์ เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคุณแม่ท่านอื่นๆที่กำลังประสบปัญหาเดียวกับเราค่ะ ทั้งนี้เราจะเริ่มเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของอาการเลยนะคะ พยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด ถ้าใครไม่ชอบอ่านแบบเวิ่นเว้อ ให้ข้ามไปที่ขั้นตอนการแยงท่อน้ำตาในความเห็นที่ 1 ได้เลยค่ะ
จุดเริ่มต้นกับอาการของโรคท่อน้ำตาอุดตัน
เราก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ “
โรคท่อน้ำตาอุดตัน” มาก่อนเลย หลังคลอดลูกพยาบาลก็เพียงแค่แนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดตาในเด็กแรกเกิด โดยให้ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นที่ต้มสุกเช็ดตา จากหัวตาไปหางตา 1 ครั้งแล้วทิ้งไป กรณีที่ขี้ตาเยอะก็อาจจะทำซ้ำวันละหลายครั้งได้ ซึ่งกรณีของลูกชายเรา เค้ามีขี้ตาเยอะมาก (เยอะทั้ง 2 ข้าง) ลักษณะจะเป็นขี้ตาเหนียวๆแฉะๆ สีขาวบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบ้าง โดยวันนึงเราเช็ดไม่ต่ำกว่า 10 รอบเลยทีเดียว เราก็เช็คไปโดยไม่รู้ว่านี่คือผิดปกติ
จนเราได้คุยกับเพื่อนๆที่มีลูกวัยเดียวกัน ลูกของเพื่อนๆมีแต่ตาใสไร้ขี้ตา เช็ตตากันคนละ 1-2 รอบหลังอาบน้ำเท่านั้น จุดนี้เราเริ่มคิดว่าลูกเราต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เราจึงปรึกษาคุณหมอตอนไปรับวัคซีน 1 เดือน ซึ่งตอนนั้นคุณหมอได้พูดถึง “
ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็กแรกเกิด” ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถหายได้เองถึงร้อยละ 90 โดยไม่จำเป็นต้องรักษา (ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อย) แต่ในรายที่เป็นมากหน่อยจะต้องนวดหัวตาให้ลูก ซึ่งเป็นการรักษาภาวะท่อน้ำตาอุดตันที่ได้ผลมาก โดยที่เด็กไม่ต้องเจ็บตัว แต่เค้าจะรำคาญมากกว่า เพราะต้องนวดวันละเป็น 100 ครั้งต่อข้างเลยทีเดียว (สำหรับวิธีนวดที่ถูกต้องแม่ๆสามารถเสิจในยูทูปดูได้เลยค่ะ)
ซึ่งตั้งแต่วันนั้นเราก็เริ่มนวดหัวตาให้ลูก โดยมีความหวังเต็มเปี่ยมว่าลูกเราจะต้องอยู่ในกลุ่มเด็กส่วนมาก ที่สามารถหายได้เองจากภาวะนี้ ในช่วงแรกการนวดตาเป็นอุปสรรคสำหรับเรามาก เพราะลูกงอแงดิ้นพล่านทุกครั้งที่นวด จนเราแทบท้อใจ แต่ในที่สุดเราก็ค้นพบว่าการนวดตอนลูกเข้าเต้าเป็นช่วงเวลาที่ง่ายที่สุด เวลาเข้าเต้าซ้าย-นวดข้างซ้าย เวลาเข้าเต้าขวา-นวดข้างขวา ลูกชายเราโชคร้ายหน่อยเพราะเป็นทั้งสองข้าง สำหรับบางคนที่เป็นข้างเดียวก็นวดเฉพาะข้างที่มีอาการพอค่ะ โดยวิธีนี้ลูกจะขัดขืนน้อย หรือบางครั้งไม่ขัดขืนเลย ซึ่งเราใช้วีธีนี้จนลูก 11เดือนเลยค่ะ
เริ่มท้อใจนวดเท่าไหร่ก็ไม่หายซักที
เรานวดตาให้ลูกต่อเนื่องจนลูก 5 เดือน อาการท่อน้ำตาอุดตันของลูกไม่มีทีท่าว่าจะหาย ตาทั้งสองข้างยังมีขี้ตาแฉะๆ ช่วงไหนขี้ตาเยอะก็ไปหาหมอรับยาหยอดตามาหยอด จนเราเริ่มท้อใจกับลูปชีวิตแบบนี้ที่ต้องนวดตาทุกวัน ไหนจะต้องหยอดตาลูกเวลาติดเชื้อขี้ตาเขียว การหยอดตาแต่ละครั้งคือยากพอสมควร ลูกจะงอแงเกือบทุกครั้ง สงสารลูกทุกครั้งที่จะต้องนวดตา/หยอดตา เค้าก็เหมือนจะชินเพราะโดนนวดทุกวันมาตั้งแต่เล็กๆ แต่เราก็ดูออกว่าเค้าก็ไม่ชอบโดนนวดเท่าไหร่นัก
เรากับแฟนตัดสินใจปรึกษาหมอเฉพาะทางเพื่อหาทางรักษาที่ดีกว่าการนวดที่ทำอยู่ จึงได้ทำนัดพบหมอกุมารจักษุ ที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน โดยในใจตั้งใจว่าจะให้คุณหมอแยงท่อน้ำตาให้ลูกตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ผลปรากฏว่าคุณหมอไม่แนะนำให้แยง เพราะน้องยังเล็กมาก (5 เดือน) การแยงท่อน้ำตาต้องดมยาสลบ ซึ่งในเด็กเล็กก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควร และการรักษาที่ได้ผลในขวบปีแรกก็ยังคงเป็นการนวดที่ถูกวิธี คุณหมอบอกว่าถ้านวดหายก่อน 1 ขวบ ลูกเราก็ไม่ต้องอดนม-อดน้ำก่อนดมยา และไม่ต้องเจ็บตัวจากการแยงท่อน้ำตาด้วย ยังมีเวลาอีก 7 เดือนกว่าจะครบ 1 ขวบ ไม่ต้องรีบให้ค่อยๆนวดไป โดยคุณหมอสอนวิธีนวดแบบใหม่ ไม่ใช่การนวดวนหัวตาแล้วลากลงจมูกแบบที่เคยทำ แต่เป็นวิธีกดเป็นจังหวะบริเวณหัวตา ซึ่งวิธีนี้เรายังไม่เคยเจอคลิปสอน สำหรับใครที่นวดแบบเดิมไม่หาย แนะนำให้ไปพบคุณหมอที่จักษุรัตนิน เพื่อให้คุณหมอสาธิตให้ดูนะคะ
ตัดสินใจเข้ารับการแยงท่อน้ำตาก่อน 1 ขวบ
เรานวดตาด้วยวิธีที่จักษุรัตนินแนะนำ นวดเพียงแค่ 1 เดือน ตาข้างขวาของน้องก็หายจากอาการท่อน้ำตาอุดตัน ขี้ตาที่เคยมีหายไป ตอนนั้นคือดีใจมากๆ มีความหวังมากๆ ว่าลูกชั้นต้องหายจากการนวดตาเนี่ยแหละ ไม่ต้องแยงตา ไม่ต้องอดนม ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ววว หลังจากที่เรามั่นใจว่าข้างขวาหายชัวร์ๆแล้ว เราก็เลิกนวดข้างนี้ และยังคงมุ่งมั่นนวดข้างซ้ายต่อไป นวดมาเรื่อยๆจน 10 เดือนกว่าๆ ข้างซ้ายนี้ก็ยังคงแฉะเหมือนเดิม วนลูปจนท้อใจ
ความคิดที่จะพาลูกไปแยงท่อน้ำตากลับมาอีกครั้ง ทีนี้เราเริ่มศึกษาค่าใช้จ่ายในการแยงท่อน้ำตาตามโรงพยาบาลเอกชน เพราะทราบมาว่าโรงพยาบาลรัฐบาลนั้นต้องรอคิวนาน จุดนี้คือไม่อยากรอแล้ว แต่หลังจากที่ดูมา 2-3 โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายรวมดมยาสลบอยู่ที่ 40,000-50,000 บาทต่อการแยง 1 ครั้ง ซึ่งการแยงท่อน้ำตาอาจจะไม่ได้ผลในครั้งแรก อาจจะต้องมีแยงซ้ำรอบสอง ถ้าราคานี้เราไม่ไหวแน่ๆ เราจึงเริ่มเปลี่ยนมาดูโรงพยาบาลรัฐบาลแทน เราตัดสินใจทำที่โรงพยาบาลรามาธิบดี คลินิกจักษุพรีเมี่ยมจากการแนะนำของคนรู้จัก โดยที่ไม่ทราบเรื่องค่าใช้จ่ายเลย รู้แค่ว่ายังไงก็ไม่ถึง 40,000 บาทแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเท่าไหร่เราก็พร้อมจ่ายให้ลูกเต็มที่ ถ้าถูกก็ดี ถ้าแพงหน่อยก็ยอมรับได้ค่ะ
บอกเล่าประสบการณ์ พาลูกชาย 11เดือน แยงท่อน้ำตา แก้ปัญหาท่อน้ำตาอุดตัน ณ คลินิกจักษุ พรีเมี่ยม รพ.รามาฯ
ที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะก่อนหน้านี้เราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการแยงท่อน้ำตา ว่าทำยังไง ราคาเท่าไหร่ ขั้นตอนมีอะไรบ้าง แต่ไม่สามารถหาข้อมูลที่อยากทราบได้เท่าไหร่นัก จึงอยากเอาประสบการณ์ตรงของเรามาแชร์ เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคุณแม่ท่านอื่นๆที่กำลังประสบปัญหาเดียวกับเราค่ะ ทั้งนี้เราจะเริ่มเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของอาการเลยนะคะ พยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด ถ้าใครไม่ชอบอ่านแบบเวิ่นเว้อ ให้ข้ามไปที่ขั้นตอนการแยงท่อน้ำตาในความเห็นที่ 1 ได้เลยค่ะ
จุดเริ่มต้นกับอาการของโรคท่อน้ำตาอุดตัน
เราก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ “โรคท่อน้ำตาอุดตัน” มาก่อนเลย หลังคลอดลูกพยาบาลก็เพียงแค่แนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดตาในเด็กแรกเกิด โดยให้ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นที่ต้มสุกเช็ดตา จากหัวตาไปหางตา 1 ครั้งแล้วทิ้งไป กรณีที่ขี้ตาเยอะก็อาจจะทำซ้ำวันละหลายครั้งได้ ซึ่งกรณีของลูกชายเรา เค้ามีขี้ตาเยอะมาก (เยอะทั้ง 2 ข้าง) ลักษณะจะเป็นขี้ตาเหนียวๆแฉะๆ สีขาวบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบ้าง โดยวันนึงเราเช็ดไม่ต่ำกว่า 10 รอบเลยทีเดียว เราก็เช็คไปโดยไม่รู้ว่านี่คือผิดปกติ
จนเราได้คุยกับเพื่อนๆที่มีลูกวัยเดียวกัน ลูกของเพื่อนๆมีแต่ตาใสไร้ขี้ตา เช็ตตากันคนละ 1-2 รอบหลังอาบน้ำเท่านั้น จุดนี้เราเริ่มคิดว่าลูกเราต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เราจึงปรึกษาคุณหมอตอนไปรับวัคซีน 1 เดือน ซึ่งตอนนั้นคุณหมอได้พูดถึง “ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็กแรกเกิด” ซึ่งเป็นภาวะที่สามารถหายได้เองถึงร้อยละ 90 โดยไม่จำเป็นต้องรักษา (ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อย) แต่ในรายที่เป็นมากหน่อยจะต้องนวดหัวตาให้ลูก ซึ่งเป็นการรักษาภาวะท่อน้ำตาอุดตันที่ได้ผลมาก โดยที่เด็กไม่ต้องเจ็บตัว แต่เค้าจะรำคาญมากกว่า เพราะต้องนวดวันละเป็น 100 ครั้งต่อข้างเลยทีเดียว (สำหรับวิธีนวดที่ถูกต้องแม่ๆสามารถเสิจในยูทูปดูได้เลยค่ะ)
ซึ่งตั้งแต่วันนั้นเราก็เริ่มนวดหัวตาให้ลูก โดยมีความหวังเต็มเปี่ยมว่าลูกเราจะต้องอยู่ในกลุ่มเด็กส่วนมาก ที่สามารถหายได้เองจากภาวะนี้ ในช่วงแรกการนวดตาเป็นอุปสรรคสำหรับเรามาก เพราะลูกงอแงดิ้นพล่านทุกครั้งที่นวด จนเราแทบท้อใจ แต่ในที่สุดเราก็ค้นพบว่าการนวดตอนลูกเข้าเต้าเป็นช่วงเวลาที่ง่ายที่สุด เวลาเข้าเต้าซ้าย-นวดข้างซ้าย เวลาเข้าเต้าขวา-นวดข้างขวา ลูกชายเราโชคร้ายหน่อยเพราะเป็นทั้งสองข้าง สำหรับบางคนที่เป็นข้างเดียวก็นวดเฉพาะข้างที่มีอาการพอค่ะ โดยวิธีนี้ลูกจะขัดขืนน้อย หรือบางครั้งไม่ขัดขืนเลย ซึ่งเราใช้วีธีนี้จนลูก 11เดือนเลยค่ะ
เริ่มท้อใจนวดเท่าไหร่ก็ไม่หายซักที
เรานวดตาให้ลูกต่อเนื่องจนลูก 5 เดือน อาการท่อน้ำตาอุดตันของลูกไม่มีทีท่าว่าจะหาย ตาทั้งสองข้างยังมีขี้ตาแฉะๆ ช่วงไหนขี้ตาเยอะก็ไปหาหมอรับยาหยอดตามาหยอด จนเราเริ่มท้อใจกับลูปชีวิตแบบนี้ที่ต้องนวดตาทุกวัน ไหนจะต้องหยอดตาลูกเวลาติดเชื้อขี้ตาเขียว การหยอดตาแต่ละครั้งคือยากพอสมควร ลูกจะงอแงเกือบทุกครั้ง สงสารลูกทุกครั้งที่จะต้องนวดตา/หยอดตา เค้าก็เหมือนจะชินเพราะโดนนวดทุกวันมาตั้งแต่เล็กๆ แต่เราก็ดูออกว่าเค้าก็ไม่ชอบโดนนวดเท่าไหร่นัก
เรากับแฟนตัดสินใจปรึกษาหมอเฉพาะทางเพื่อหาทางรักษาที่ดีกว่าการนวดที่ทำอยู่ จึงได้ทำนัดพบหมอกุมารจักษุ ที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน โดยในใจตั้งใจว่าจะให้คุณหมอแยงท่อน้ำตาให้ลูกตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ผลปรากฏว่าคุณหมอไม่แนะนำให้แยง เพราะน้องยังเล็กมาก (5 เดือน) การแยงท่อน้ำตาต้องดมยาสลบ ซึ่งในเด็กเล็กก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควร และการรักษาที่ได้ผลในขวบปีแรกก็ยังคงเป็นการนวดที่ถูกวิธี คุณหมอบอกว่าถ้านวดหายก่อน 1 ขวบ ลูกเราก็ไม่ต้องอดนม-อดน้ำก่อนดมยา และไม่ต้องเจ็บตัวจากการแยงท่อน้ำตาด้วย ยังมีเวลาอีก 7 เดือนกว่าจะครบ 1 ขวบ ไม่ต้องรีบให้ค่อยๆนวดไป โดยคุณหมอสอนวิธีนวดแบบใหม่ ไม่ใช่การนวดวนหัวตาแล้วลากลงจมูกแบบที่เคยทำ แต่เป็นวิธีกดเป็นจังหวะบริเวณหัวตา ซึ่งวิธีนี้เรายังไม่เคยเจอคลิปสอน สำหรับใครที่นวดแบบเดิมไม่หาย แนะนำให้ไปพบคุณหมอที่จักษุรัตนิน เพื่อให้คุณหมอสาธิตให้ดูนะคะ
ตัดสินใจเข้ารับการแยงท่อน้ำตาก่อน 1 ขวบ
เรานวดตาด้วยวิธีที่จักษุรัตนินแนะนำ นวดเพียงแค่ 1 เดือน ตาข้างขวาของน้องก็หายจากอาการท่อน้ำตาอุดตัน ขี้ตาที่เคยมีหายไป ตอนนั้นคือดีใจมากๆ มีความหวังมากๆ ว่าลูกชั้นต้องหายจากการนวดตาเนี่ยแหละ ไม่ต้องแยงตา ไม่ต้องอดนม ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ววว หลังจากที่เรามั่นใจว่าข้างขวาหายชัวร์ๆแล้ว เราก็เลิกนวดข้างนี้ และยังคงมุ่งมั่นนวดข้างซ้ายต่อไป นวดมาเรื่อยๆจน 10 เดือนกว่าๆ ข้างซ้ายนี้ก็ยังคงแฉะเหมือนเดิม วนลูปจนท้อใจ
ความคิดที่จะพาลูกไปแยงท่อน้ำตากลับมาอีกครั้ง ทีนี้เราเริ่มศึกษาค่าใช้จ่ายในการแยงท่อน้ำตาตามโรงพยาบาลเอกชน เพราะทราบมาว่าโรงพยาบาลรัฐบาลนั้นต้องรอคิวนาน จุดนี้คือไม่อยากรอแล้ว แต่หลังจากที่ดูมา 2-3 โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายรวมดมยาสลบอยู่ที่ 40,000-50,000 บาทต่อการแยง 1 ครั้ง ซึ่งการแยงท่อน้ำตาอาจจะไม่ได้ผลในครั้งแรก อาจจะต้องมีแยงซ้ำรอบสอง ถ้าราคานี้เราไม่ไหวแน่ๆ เราจึงเริ่มเปลี่ยนมาดูโรงพยาบาลรัฐบาลแทน เราตัดสินใจทำที่โรงพยาบาลรามาธิบดี คลินิกจักษุพรีเมี่ยมจากการแนะนำของคนรู้จัก โดยที่ไม่ทราบเรื่องค่าใช้จ่ายเลย รู้แค่ว่ายังไงก็ไม่ถึง 40,000 บาทแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเท่าไหร่เราก็พร้อมจ่ายให้ลูกเต็มที่ ถ้าถูกก็ดี ถ้าแพงหน่อยก็ยอมรับได้ค่ะ